“เหตุใดทำหน้าเช่นนั้นเล่า?” เมื่อเห็นกิริยาของลูกสาว ฝู่หลงฮวาก็เอ่ยถามพร้อมกับกลั้นอารมณ์ขันเอาไว้ เด็กหนอเด็ก อารมณ์เปลี่ยนง่ายจริงเชียว
“ข้างอนท่านตาเจ้าค่ะ ท่านตาไม่ยอมปลุกข้าแม้แต่น้อย ไม่ยอมให้ข้าเข้าเมืองด้วย” หานหนี่ว์กล่าวอย่างแง่งอน
“ก็ใครใช้ให้เจ้าตื่นสายเล่า!” เสียงของชายชราเอ่ยขึ้นจากทางหน้าประตู ก่อนเจ้าของเสียงจะเดินพ้นประตูเข้ามาพร้อมร่างสูงของเด็กหนุ่มวัยสิบสี่เดินตามหลังมา
“ท่านตา!”
“ท่านพ่อ เชิญนั่งเจ้าค่ะ” หลงฮวาเอ่ยก่อนจะตักข้าวให้ผู้เป็นบิดา
“ท่านตา หนี่ว์เอ๋อร์ไม่ได้ตื่นสายนะเจ้าคะ เป็นท่านตาต่างหากที่ไปเช้า อีกอย่าง หนี่ว์เอ๋อว์ก็ตื่นตามเวลาปกติดังเช่นทุกวัน” เด็กน้อยกล่าวอย่างไม่ยอมจำนน จนผู้เป็นตาได้แต่ยิ้มขัน
“ก็ได้ๆ ตาไปเช้าเอง เจ้าไม่ได้ตื่นสายเลยสักนิด แบบนี้พอใจแล้วหรือไม่หนี่ว์เอ๋อร์ของตา” ผู้เฒ่าฝู่เอ่ยอย่างยอมแพ้ด้วยรอยยิ้มที่ยังแต้มติดอยู่บนใบหน้าเหี่ยวย่นตามวัย แต่ก็ยังมีสุขภาพแข็งแรงดี
“เจ้าค่ะ แต่หลานจะพอใจมากกว่า หากว่าคราวหน้าท่านตายอมให้หลานเข้าเมืองด้วย” หานหนี่ว์เอ่ยอย่างออดอ้อน ก่อนจะเข้าไปกอดอีกฝ่ายอย่างต้องการประจบเอาใจ
“ท่านตาก็โอนอ่อนให้นางตลอด จนตอนนี้หนี่ว์เอ๋อร์กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจไปเสียแล้ว” หานลู่เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของเขาไม่มีรอยยิ้มประดับอยู่เลยแม้เพียงนิด
“พี่ใหญ่! ท่านว่าข้าอีกแล้ว!” จากตอนแรกนางคิดจะงอนท่านตา มาตอนนี้คงต้องเปลี่ยนมางอนพี่ใหญ่ของนางแทนแล้ว
“เอาล่ะๆ อย่างทะเลาะกันเลย กินข้าวกันเถอะ” พูดจบท่านผู้เฒ่าฝู่ก็ลงมือกินก่อนคนแรก
“เอานี่หนี่ว์เอ๋อร์ ปลานึ่งสมุนไพร มีประโยชน์ต่อร่างกาย กินเยอะๆ จะได้โตไวๆ” หานลู่คีบเนื้อปลาใส่ถ้วยข้าวน้องสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาอย่างเอาใจ จนคนอื่นๆ ที่นั่งกินข้าวอยู่ได้แต่พากันลอบยิ้มก่อนจะส่ายหน้า
ปากบอกว่าน้องสาวมีแต่คนตามใจ คอยเอาใจ แล้วช่างกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจนัก แต่ไม่ดูตัวเองเลยว่า ตนนั้นก็เป็นหนึ่งในคนที่คอยเอาใจและตามใจน้องสาว ไม่ต่างจากคนอื่นๆ เลย
หลังทานมื้อเที่ยงเสร็จ ท่านผู้เฒ่าฝู่และหานหลิ่งก็เข้าไปทำงานในห้องเก็บสมุนไพรต่อ ส่วนหานลู่หลังจากเมื่อเช้าเขาผ่าฟืนตักน้ำเรียบร้อยแล้ว ช่วงบ่ายนี้ก็เป็นเวลาฝึกวรยุทธ์ของเขา
ด้วยความที่ไม่มีอาจารย์ ฝึกวรยุทธ์ที่เขาฝึกจึงเป็นไปตามตำราทั่วไปที่มีขายอยู่ตามร้านหนังสือ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา แม้จะไม่มีอาจารย์สอนวรยุทธ์ แต่พวกเขาก็มีท่านตาคอยสอนการฝึกพลังปราณให้ ฉะนั้นการฝึกฝนโดยไร้อาจารย์ของหานลู่จึงไม่ได้มีปัญหา แค่รู้จักการใช้พลังปราณให้เกิดประโยชน์ จะฝึกวรยุทธกับหนังสือหรืออาจารย์ก็ล้วนแต่ไม่ต่างกัน
หานหนี่ว์นั่งมองพี่ชายฟาดลำไม้ไผ่ที่ถืออยู่ในมือไปมาซ้ายขวาด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะก้มมองผ้าปักลายดอกบัวที่นางปักค้างไว้อยู่ในมือด้วยสายตาครุ่นคิด
ทำไมผู้ชายได้ฝึกยุทธ์ แล้วผู้หญิงอย่างนางต้องนั่งปักผ้า?
“พี่ใหญ่!” หนี่ว์เอ๋อร์ร้องเรียกพี่ชายคนโตครั้งหนึ่ง ครั้นเมื่อเห็นเขาหยุดมือและมองมาที่ตน ร่างเล็กๆ ของสาววัยสิบขวบก็วิ่งเข้าไปพี่ชายด้วยรอยยิ้มที่กว้างจนถึงหู
“มีอันใดรึหนี่ว์เอ๋อร์?” หานลู่เอ่ยถามน้องสาวตัวน้อยที่ยิ้มประจบมาแต่ไกล
“พี่ใหญ่ ข้าอยากฝึกการต่อสู้เหมือนอย่างพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ช่วยสอนให้หนี่ว์เอ๋อร์ได้หรือไม่เจ้าคะ?”
หานหนี่ว์เอ่ยกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงและแววตาออดอ้อน มือน้อยๆ ของนางเขย่ามือใหญ่ของพี่ชายที่โตเป็นหนุ่ม อายุก็ปาเข้าไปสิบห้าย่างสิบหกเข้าไปแล้วด้วยท่าทีเหมือนลูกแล้วอ้อนเสือหนุ่ม
“เจ้าจะฝึกให้เหนื่อยไปไยเล่าหนี่ว์เอ๋อร์ มิสู้นั่งปักผ้าไปขายแลกเงินอย่างที่เจ้าชอบมิดีกว่าหรือ?” หานลู่เอ่ยยิ้มๆ
ครั้งนี้น้องสาวตัวน้อยของเขามาแปลก อยู่ดีๆ ก็อยากฝึกวิชาการต่อสู้ ปกติเห็นนางนั่งขะมักเขม้นปักผ้าทั้งวันทั้งคืนเพื่อเอาไปขายและเงิน แล้วเหตุใดวันนี้จึงมาแปลก อยากเรียนการต่อสู้เสียแล้วเล่า
“ก็ฝึกเอาไว้ป้องกันตัวอย่างไรเล่าเจ้าคะพี่ใหญ่ หากข้ามีวรยุทธ์ ใครหน้าไหนก็มิอาจรังแกข้าได้”
“ใครหน้าไหนจะรังแกเจ้ากันหนี่ว์เอ๋อร์ หากมีผู้ใดกล้ารังแกเจ้า เพียงแค่เอ่ยปากบอก พี่คนนี้จะตามไปจัดการคนผู้นั้นให้ย่อยยับไปเลยดีหรือไม่?” หานลู่เอ่ยบอกน้องสาวตัวน้อย ก่อนจะลูบหัวนางเบาๆ ด้วยความเอ็นดูอย่างสุดซึ้ง
“แล้วถ้าตอนนั้นพี่ใหญ่ไม่อยู่ล่ะเจ้าคะ?”
“ไม่มีทาง พี่จะอยู่กับเจ้าตลอดเวลา ยกเว้นเสียแต่ว่าพี่จะไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว และตราบใดที่มีพี่อยู่ พี่จะปกป้องเจ้าจากอันตรายทุกอย่างเอง” หานลู่อุ้มร่างเล็กของน้องสาวขึ้นแนบอก ก่อนจะอุ้มพานางเดินเข้าไปใต้ร่มไม้ที่นางนั่งปักผ้าอยู่ก่อนหน้านี้
“เช่นนั้นรออีกสักหน่อยเถิด พี่จะสอนวิชาป้องกันตัวให้เจ้า” เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของน้องสาว หานลู่ก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
“ขอบคุณเจ้าค่ะพี่ใหญ่! พี่ใหญ่ของข้าใจดีที่สุด!” หนาหนี่ว์ยิ้มแป้นด้วยความดีใจ ก่อนจะโผตัวเข้ากอดคอพี่ชายคนโตด้วยความรวดเร็ว จนคนเป็นพี่ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวว่าจะถูกน้องสาวกอดล้มหงายหลังอย่างไม่เป็นท่า แล้วสองพี่น้องก็พากันหัวเราะออกมา
ฝู่หลงฮวามองภาพนั้นผ่านหน้าต่างห้องนอนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เห็นทีว่าครานี้ลูกสาวตัวน้อยของนางคงจะทำตามแผนสำเร็จ หลังจากบ่นอยากฝึกยุทธ์อย่างที่ชายคนโตอยู่หลายครั้ง แต่ก็คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรพี่ชายถึงจะยอมสอนวรยุทธ์ให้
ฝู่หลงฮวายิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะนั่งนึกว่าเย็นนี้จะทำอะไรเป็นอาหารเย็นให้ทุกคนทาน พร้อมทั้งลากเจ้าตัวน้อยของนางลงครัวด้วย
ในเมื่อนางมีใจอยากฝึกวรยุทธ์ เช่นนั้นเรื่องง่ายๆ อย่างการทำอาหารนางก็ต้องทำได้เช่นเดียวกัน
หลงฮวาคิดอย่างมาดหมายใจ บุตรสาวนางจะต้องเป็นสตรีที่เพียบพร้อมที่สุด เก่งทั้งบุ๋นบู้ ทั้งงานบ้านงานเรือน จนใครต่อใครต่างก็หมายตาอยากได้เป็นสะใภ้ และนางก็จะทำให้คนพวกนั้นอิจฉาที่นางมีลูกสาวเก่งและฉลาด นางจะทำให้พวกมันเสียดายและเสียใจที่สุด ที่เลือกที่จะทอดทิ้งนางและลูก!
พวกคนตระกูลซ่ง!
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อนฝู่หลงฮวาในวัยสิบหกปีแต่งเข้าตระกูลซ่ง อันเป็นตระกูลแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นหนานไห่มาหลายชั่วอายุคน หลังจากนั้นผ่านไปเพียงห้าเดือนนางก็ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนแรกนามซ่งหานลู่
ตอนนั้นนางจำได้ดีว่าตนนั้นเป็นที่รักของสามีอย่างซ่งหานโจวเพียงใด เขาทะนุถนอมนางราวกับไข่ในหิน จากที่ทั้งเขาและเธอรักกันมากอยู่ พอมีบุตรชายคนแรก ความรักของทั้งสองก็ยิ่งแบ่งบานมากขึ้นไปอีก
ขนาดว่าตอนนั้นนางไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของแม่สามีนัก เพราะครอบครัวเดิมของนางเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา แม้บิดาอย่างฝู่เหมาจะเคยเป็นหมอหลวงในหวัง แต่ก็ได้ลาออกมาเป็นเพียงหมอธรรมดาๆ ที่รักษาชาวบ้านไปทั่ว ทั้งคิดเงินทั้งรักษาฟรี กระทั่งนางแต่งเข้าตระกูลซ่ง ฝู่เหมาจึงได้ออกเดินทางไปทั่วยุทธภพ
แต่หลังจากนางมีบุตรชายให้ เป็นหลานชายคนแรกของตระกูลก็เหมือนว่าน้ำหนักนางในใจแม่สามีนั้นจะมีมากขึ้น และยิ่งมากขึ้นไปอีกเมื่อสองปีต่อมานางได้คลอดลูกอีกครั้ง และก็เป็นบุตรชายอีกครั้งเช่นกัน...ซ่งหานหลิ่ง
ฝู่หลงฮวาอยู่ในตระกูลซ่งอย่างมีความสุขมาตลอดนับจากนั้น แม้จะมีบ้างที่นางต้องทนคิดถึงสามีที่ไปประจำอยู่ชายแดน ด้วยตอนนั้นซ่งหานโจวดำรงอยู่ในตำแหน่งรองแม่ทัพประจิม ซึ่งจะกลับบ้านได้เพียงปีละสองครั้งเป็นอย่างมากสุด
แต่ฝู่หลงฮวาก็ยังมีบุตรชายทั้งสองคนให้คอยเอาใจใส่ อีกทั้งยังมีแม่สามีที่เริ่มดีกับนางขึ้นทุกวันให้คอยดูแล นางจึงไม่ต้องรู้เหงา แม้ว่าจะคิดถึงสามีมากเพียงใดก็ตาม
แต่แล้วความสุขที่อยู่กับนางมาตลอดก็ถึงคราวหมดอายุ เมื่อสามีของนางเดินทางกลับมาบ้านพร้อมกับหญิงงามนางหนึ่ง
ในนาทีที่ผู้เป็นสามีบอกกับนางและมารดาของเขาว่า เขาได้ล่วงเกินแม่นางซู่อิงไปเพราะความเมา ดังนั้นด้วยเกียรติของชายชาตินักรบ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบ
ในตอนนั้นฝู่หลงฮวาแทบใจสลาย คิดไม่ถึงว่าสามีที่นางรักจะทำกับนางได้ถึงเพียงนี้ แม้นางจะรู้ดีแก่ใจว่าการมีสามภรรยาสี่อนุนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าหากว่าชายชาติทหารอย่างเขาไม่เคยเอ่ยปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าเขาจะไม่มีใครอื่นนอกจากนาง เขาไม่ให้ความหวังนางอย่างนั้น นางก็คงไม่ต้องเสียใจมาก หากวันใดที่สามีคิดจะมีอนุจริงๆ
แต่ความเจ็บที่ถูกหักหลังจากคนที่รักนั้น ย่อมเจ็บปวดกว่าการที่สามีมีคนอื่นมากกว่าเป็นไหน เพราะอย่างน้อย หากเขาไม่เอ่ยปากอย่างนั้นกับนาง นางก็จะยังพอเผื่อใจไว้บ้าง
ฝู่หลงฮวาน้ำตารินให้ผู้เป็นสามีเห็นหยดหนึ่ง ก่อนจะรีบเช็ดออกอย่างลวกๆ แล้วเดินออกจากห้องรับรองไปหาบุตรชายทั้งสองที่ตอนนี้อายุหกห้ากับสามขวบแล้ว
หลังจากนั้นมาราวหนึ่งปี ฝู่หลงฮวาก็ใช้ชีวิตอยู่แต่กับลูก แม้นางจะยังน้อยใจสามีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากแล้วเพราะเริ่มทำใจได้ อีกทั้งจางซู่อิงอนุของสามีก็อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่วุ่นวายและไม่ทำอะไรเกินหน้าเกินตานางผู้เป็นฮูหยินเอก
ทว่าคนเรามองหน้าไม่รู้ใจ กระทั่งวันหนึ่งที่นางออกไปทำธุระนอกจวน พอกลับมาก็พบว่าลูกชายวัยหกขวบและสี่ขวบของนางถูกวางยา!
ด้วยความร้อนใจฝู่หลงฮวาให้คนไปส่งสามีที่ชายแดนทิศประจิม ผ่านไปสามวันเขาก็มาถึง ก่อนหน้านั้นตลอดสามวันที่ผ่านมา หมอแต่ละคนที่นางเชิญให้มาดูอาการกลับบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าบุตรชายของนางทั้งสองถูกพิษไม่ทราบชนิด และไม่สามารถถอนพิษได้ อีกทั้งจะหมดลมหายใจเมื่อไหร่ก็มิอาจรู้
ตอนนั้นฝู่หลงฮวาแทบใจสลาย เหมือนหัวใจของนางถูกบดขยี้ เมื่อได้ยินว่าบุตรชายจะต้องตาย นางร้องขอสามีให้เขาช่วยส่งคนไปตามบิดาที่เคยเป็นหมอหลวงในวังมารักษาลูก แต่เขากลับเชื่อคำของจางซู่อิงที่เอ่ยออกมาเพียงสั้นๆ ว่า
‘คนจะตายก็คือตาย ต่อให้หมอเทวดามารักษาก็ไม่อาจสู่มือที่มองไม่เห็นของมัจจุราชได้’
ด้วยความเสียใจเป็นทุนเดิม บวกกับได้ยินคำพูดราวกับสาปแช่งของอนุของสามี ฝู่หลงฮวาจึงขาดสติเข้าไปทุบตีอีกฝ่ายด้วยความโมโห
ทว่าผู้เป็นสามีเมื่อแยกนางออกจากอนุของเขาคนนั้นแล้วกลับตีสีหน้าถมึงทึงใส่นาง ทั้งยังต่อว่านางสารพัดว่าดูแลบุตรชายไม่ดี จนเป็นเหตุให้ต้องพิษ อีกทั้งยังลงมือทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างจางซู่อิง