อีกฝ่ายยกริมฝีปากขึ้นนิดหนึ่งคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ ก่อนตอบกลับห้วน ๆ
“ข้าทำงาน ท่านจ่ายเงิน อย่าได้คิดว่าเป็นหนี้บุญคุณใด ๆ เพราะข้าไม่ได้ทำให้ท่านโดยปราศจากสิ่งตอบแทน ”
“ ข้อนั้นข้ารู้ดี อย่างไรเสียข้าก็ต้องขอบใจเจ้าแทนทุกคนในเมืองอยู่ดี เราทุกคนเป็นหนี้ชีวิตของเจ้า ซื่อหลุน ”
ชายหนุ่มยืนนิ่ง ดวงตาคมกริบมืดดำนั้นประสานกับชายชราอยู่ชั่วอึดใจก่อนเขาจะเอ่ยตัดบท
“ ข้าเหนื่อย ขอตัวไปพักก่อน ”
“ ไปพักเถอะ ข้าได้สั่งนางกำนัลจัดทุกสิ่งไว้พร้อมสรรพแล้ว พักผ่อนให้เต็มที่เถิด เงินห้าพันตำลึงนั้นข้าจะให้ทหารยกตามไปให้ ”
“ เงินทองขอเป็นพรุ่งนี้ ยามนี้ข้าอยากได้อย่างอื่นมากกว่า ” อย่างอื่นของเขานั้นเป็นที่รู้กันดีว่าหมายความถึงสาวงามที่จะคอยมาบำบัดกามราคะที่มิได้ปลดปล่อยหลายราตรีเจียนบ้า !
“ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พวกนางรอเจ้าอยู่ที่เรือนพักแล้ว ”
“ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัว ” เขาเอ่ยสั้น ๆ พร้อมค้อมคำนับ ก่อนจะสาวเท้าเดินจากไปยังเรือนพักเล็ก ๆ กลางสวนดอกไม้สวยงามที่ท่านเจ้าเมืองสร้างไว้ให้เขาเป็นพิเศษแม้เขาจะมิได้ร้องขอ
สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังแผ่นหลังกว้างของจอมทัพผู้นั้นด้วยแววตาแตกต่าง ทั้งชื่นชมจากเหล่าทหารหาญผู้ที่ได้ร่วมรบ ในความเก่งกล้าและเพลงกระบี่อันเฉียบขาด แม้ภายนอกเขาจะดูเย็นชาแต่แท้จริงเขามีน้ำใจสูงส่ง หลายคนหวุดหวิดจะโดนปลายกระบี่ของศัตรูเชือดคออยู่รอมร่อแต่ก็แม่ทัพผู้นี้ก็เข้ามาช่วยได้ทันท่วงที โดยไม่กลัวเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อตนเองแต่อย่างใด
และแววตาอีกประเภทหนึ่งจากหลายผู้คนนั่นคือความอิจฉาริษยา โดยมากจะเกิดจากขุนน้ำขุนนางเก่าแก่ สิ่งที่ท่านเจ้าเมืองปูนบำเหน็จเจ้าหนุ่มยโสผู้นั้นมันมากกว่าที่พวกเขาได้รับทั้งชีวิต ทั้งเงินทองและผู้หญิง
เหิงซื่อหลุน จอมทัพเอกไร้อารยะผู้นั้นมิได้ดุดันเฉพาะในสนามรบ สิ่งหนึ่งที่ดุเดือดไม่แพ้คือสนามราคะ และเป็นที่รู้กันดีว่าหลังจากกลับมาจากการศึกแล้วเขาจะยิ่งคลั่งหนัก อาจเพราะห่างหายจากเรือนกายอิสตรีนานหลายวันทำให้เลือดหนุ่มคลุ้มคลั่ง
หญิงงามสามนางทั้งสวยทั้งขาวอวบถูกจัดให้ไปรอปรนนิบัติแก่เขา ซึ่งทั้งหมดดีอกดีใจจนเนื้อเต้น เพราะรู้ดีว่า แม่ทัพหนุ่มผู้นี้ไม่ได้ใหญ่แต่เพียงเรือนกาย แต่สิ่งที่ทำให้สตรีรุ่มร้อนยามร่วมรักมันยิ่งใหญ่ไม่แพ้
“ เครื่องเพศของแม่ทัพเหิงผู้นั้นใหญ่ยาวร่วมท่อนแขนของข้า ทั้งยังแข็งแรงอึดทนเหลือเกิน ข้าเสร็จสมตั้งสามครั้งสามครากว่าที่ท่านจะแตกในปากของข้า ”
มี่เยี่ยน หนึ่งในนางกำนัลผู้เคยเข้าปรนนิบัติแม่ทัพเหิงนำความมาเล่าสู่เพื่อนฝูงให้ได้ฟัง ทำให้หลายคนฝันใฝ่อยากได้รับใช้บุรุษหน้าหยกไร้หัวใจผู้นั้นบ้าง
แม้ไม่ได้ใจ ได้กายก็ยังดี...
เสน่หาราคะนั้นช่างรุนแรงนัก ประกอบกับความรูปงาม สูงใหญ่ยิ่งทำให้อิสตรีล้วนแต่ฝันใฝ่อยากได้เขามาครอบครอง
เว้นแต่เพียงหนึ่งคือธิดาเดียวของท่านเจ้าเมืองเท่านั้น...
ท่านเจ้าเมืองมีชายาเพียงหนึ่ง แม้นางไม่สามารถให้กำเนิดทั้งบุตรธิดาให้ท่านเป็นระยะเวลาหลายปีแต่ท่านก็มิยอมมีหญิงอื่น ที่สุดแล้วสวรรค์ก็เห็นใจประทานธิดาน้อยมาให้ในเวลาที่ไม่คาดคิดแต่ก็ต้องแลกกับชีวิตของชายาและท่านก็รักและหวงนางยิ่งกว่าชีวิต นางสิ้นใจในวันที่คลอดธิดาน้อยนั้น
องค์หญิงเหรินซูเม่ย คือชื่อธิดาเดียวผู้เป็นแก้วตาดวงใจของท่านเจ้าเมืองเหริน นางพึ่งผ่านวัยปักปิ่นมาไม่ทันถึงปี กระนั้นโฉมงามของนางก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วสารทิศ งามดุจดอกท้อแย้มบานในฤดูใบไม้ผลิ หยาดเยิ้มยิ่งกว่าผู้เป็นมารดาที่ผู้คนร่ำลือว่างามนักหนา
นางมีดวงตาเรียวยาวที่มีแพขนตางอนยาวประดับอยู่ ภายใต้คิ้วดกรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว จมูกเล็กโด่งเป็นสันได้รูป ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อราวผลอิงเถาสุก ทั้งหมดนี้เหมาะเจาะอยู่บนใบหน้ารูปไข่ที่มีรอยบุ๋มของลักยิ้มที่นวลแก้ม ทั้งสองข้าง มีลำคอเรียวระหงงามสง่า ทรวงอกอวบอิ่ม เอวคอดเว้าแล้วผายออกเป็นสะโพกงอนงาม เรือนร่างอรชรสมส่วนเป็นยิ่งนัก
นางมิได้งามเพียงภายนอกเท่านั้น กิริยามารยาทก็งดงาม อุปนิสัยเป็นผู้มีเมตตา คุณสมบัติกุลสตรีก็ครบพร้อม ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เย็บปักถักร้อย อ่านเขียน ทั้งยังมีพรสรรค์ด้านการวาดภาพอีกเสียด้วย
นางเป็นมิตรกับทุกผู้คนอยู่เสมอ เว้นเสียแต่แม่ทัพคนใหม่ของเสด็จพ่อผู้นั้น !
“ เย่อหยิ่งจองหองเสียเหลือเกิน ข้าไม่รู้ว่าเสด็จพ่อทนให้ชายผู้นั้นหมิ่นเกียรติได้อย่างไรนะ ”
นางสะบัดพัดพลางพร่ำบ่นอย่างหงุดหงิดขณะแอบมองจอมทัพผู้นั้นอยู่ที่สวนดอกไม้ในจวน นั่นทำให้นางกำนัลประจำตัวที่ดูแลกันมาแต่เล็กแต่น้อยอย่างลิ่วเจียหลันอมยิ้ม
“ นี่องค์หญิงเป็นผู้ถือเกียรติถือศักดิ์ศรีไปตั้งแต่เมื่อไรกันเล่าเพคะ ” นางกล้าเย้าด้วยความที่สนิทสนมกันเหลือเกิน
“ พี่เจียหลันก็เห็นนี่ว่าเขาไร้มารยาทเพียงใด ข้ามิได้หมายถึงยศถาบรรดาศักดิ์ แต่หมายถึงกาลเทศะที่ผู้เยาว์ควรมีต่อผู้อาวุโส เขาเมินทุกคนราวกับเป็นสิ่งของทั้งเสด็จพ่อและขุนนางอาวุโส ”
“ ก็เขาเป็นทหารรับจ้างนี่เพคะองค์หญิง เขาแจ้งกับฝ่าบาทแล้วว่าไม่ประสงค์จะรับยศตำแหน่งแต่ฝ่าบาทเป็นผู้ประทานให้เอง ”
“ ถึงกระนั้นก็เถอะ ก็ควรจะมีสัมมาคารวะบ้าง นี่อะไรกันไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ เงินทองขอเป็นพรุ่งนี้ ยามนี้ข้าอยากได้อย่างอื่นมากกว่า นั่นเขาปฏิเสธผู้อาวุโสอย่างไม่เห็นแก่หน้าเลยนะ ”
องค์หญิงซูเม่ยเลียนเสียงห้าว ๆ ที่ท่านแม่ทัพกล่าวกับบิดาของตน นั่นทำให้อีกฝ่ายต้องหัวเราะออกมาอย่างขัน ๆ