ชะตากรรมขององค์หญิง

1336 คำ
        “ องค์หญิงล่ะก็ช่างเลียนแบบจริงเชียวเพคะ ”         “ ก็มันจริงนาพี่เจียหลัน ”         “ บุคลิกเขาเป็นเช่นนั้นเอง เป็นคนตรง ๆ อยากได้อะไรก็พูดตรง ๆ มิผิดนี่เพคะที่ทหารออกรบกลับมาจะโหยหาสิ่งอื่นยิ่งกว่าเงินทอง ” เจียหลันว่าพลางหน้าแดงก่ำ นางอยู่ในวัยสามสิบสอง สามีเป็นทหารอยู่ในกองทัพ ย่อมรู้ดีเหลือเกินว่ายามที่สามีกลับมานั้นหิวโหยสิ่งใดนักหนา บางทีนางไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน ต้องมารับใช้องค์หญิงด้วยความสะโหลสะเหล         “ โหยหาสิ่งใดหรือพี่เจียหลัน ” องค์หญิงถามอย่างใคร่รู้ สาวใช้ก้มหน้าหลบสายตา         “ มะ... ไม่มีอะไรหรอกเพคะองค์หญิง ”         “ พี่เจียหลัน ! ” องค์หญิงเค้นเสียงพลางใช้มือเชยคางของอีกฝ่ายให้สบตาตัวเอง         “ องค์หญิงไม่ควรจะรู้เรื่องพวกนี้เพคะ ยังเยาว์วัยนัก ” สาวใช้ว่า ทำให้องค์หญิงทรุดตัวลงนั่งกับพื้นประจันหน้ากับนาง         “ ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ เลยวัยปักปิ่นมาแล้ว เลิกพูดเสมือนข้าอายุสามขวบเสียทีเถอะ ”         องค์หญิงต่อว่าอย่างรำคาญใจ นางเข้าใจดีว่าผู้เป็นบิดานั้นทั้งรักทั้งห่วง แต่บางครั้งการประคบประหงมราวไข่ในหิน มันก็ทำให้นางรู้ว่าตนเองเป็นภาระและอ่อนแอเหลือเกิน         เจียหลันยังคงก้มหน้านิ่งเงียบอยู่เช่นนั้น นางจึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยอย่างเด็ดขาด         “ ถ้าหากพี่เจียหลันไม่ยอมบอกก็ไม่เป็นไร ข้าจะไปหาคำตอบโดยการสอบถามจากคนอื่น มิเช่นนั้นก็พวกทหารทั้งหลายเอาเองก็ได้ ”         “ ไม่ได้นะเพคะองค์หญิง ไม่ได้ มันไม่งาม ! ” อีกฝ่ายตกใจและรีบลนลานลุกขึ้นกอดแขนองค์หญิงของตนเองไว้ อีกฝ่ายยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มที่สองแก้มอย่างพอใจ         “ ดี ถ้าเช่นนั้นพี่ก็ต้องบอกข้ามาทุกสิ่งอย่าง ว่าสิ่งใดที่เหล่าทหารต้องการยิ่งกว่าเงินทองหลังออกรบ ”         เจียหลันเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะกระซิบกระซาบเบา ๆ ที่พระกรรณขององค์หญิง         “ ก็เรื่องอย่างว่าอย่างไรเล่าเพคะ ตัณหาราคะ บทรักระหว่างชายหญิง ” คำบอกเล่านั้นทำให้คนฟังหน้าแดงก่ำ ทั้งที่เป็นคนอยากรู้เองแท้ ๆ นั่นทำให้นางรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก         “ หม่อมฉันสมควรตาย ที่เอาเรื่องน่าละอายมาพูดให้องค์หญิงได้ฟัง ”                       “ พอเถอะพี่เจียหลัน พี่ไม่ได้ผิดอะไรเสียหน่อย อีกอย่างข้าก็เป็นคนถามพี่เอง สรุปว่า สิ่งที่จอมทัพเถื่อนผู้นั้นกระหายใคร่อยากคือสตรีเพื่อไปรองรับความหื่นกามของตัวเองเช่นนั้นหรือ ” องค์หญิงยิงคำถามตรงประเด็น เจียหลันได้แต่ก้มหน้าก้มตาตอบคำถามเบา ๆ         “ เช่นนั้นเพคะ ”         “ น่าสงสารสตรีผู้นั้นที่ต้องไปรับใช้บุรุษร่างใหญ่อย่างกับม้าและหยาบคายรุนแรงเช่นเขาเหลือเกิน ”         “ หาใช่สตรีผู้นั้น เท่านั้นไม่เพคะ ” สาวใช้แย้ง คิ้วงามขมวดมุ่นด้วยความสงสัย         “ อย่างไรหรือ ”         “ สตรีเดียวไม่เคยพอสำหรับท่านแม่ทัพเหิงหรอกเพคะ ”         “ บัดสีนัก ! ”         “ และความหยาบคายรุนแรงหากอยู่บนเตียงแล้ว หาใช่เป็นเรื่องไม่ดีแต่อย่างใด โอ หม่อมฉันพูดมากไปอีกแล้ว ”         เจียหลันนึกได้ปากยกมือขึ้นปิดปากของตนเองเอาไว้ แต่สายไปเสียแล้ว องค์หญิงที่อยู่ในวัยดรุณีผลิแย้มกำลังอยากรู้อยากเห็นยิ่งตาเบิกโพลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น         “ อย่างไรหรือพี่เจียหลัน บอกข้ามาเถอะน่า มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ต่อไปภายภาคหน้าข้าก็ต้องออกเรือนแต่งการกับบุรุษผู้ใดผู้หนึ่งอยู่ดี ข้าจะทำเช่นไรหากไม่มีความรู้บ้างเลย ”         “ โอย องค์หญิงเพคะ ไม่ต้องมีความรู้ใด ๆ หรอก ธรรมชาติจะสอนเราเอง อย่าถามกระหม่อมอีกเลยเพคะ ”                   “ ไม่ถามก็ไม่ถาม ” องค์หญิงซูเม่ยจำต้องยอมจำนน         “ ดีเพคะ ถ้าเช่นนั้นกลับห้องบรรทมกันเถอะนะเพคะ หากมีผู้ใดมาเห็นว่าองค์หญิงมายืนลับ ๆ ล่อ ๆ แถวนี้ จะถูกครหาเอาได้ ” องค์หญิงทำเพียงพยักหน้าแล้วเดินนำนางกำนัลกลับไป ทว่าในใจยังคงครุ่นคิดตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ใช่เรื่องที่จะสืบสาวเอาความให้มากนักเพราะมันไม่งาม          วันเดือนเลื่อนผ่านประดุจดังสายน้ำที่หลั่งไหลอย่างไม่มีวันหวนกลับ          หนึ่งเดือนหลังจากนั้น องค์หญิงซูเม่ยก็ต้องตกอยู่ในสภาวะกลัดกลุ้มเหลือเกินด้วยมีการทาบทามเพื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์ชายต่างเมือง         หานอี๋ตง เจ้าเมืองเจี้ยนจิง แห่งแคว้นปัจจิม ถือได้ว่าเป็นเมืองใหญ่กล้าแกร่งเข้มแข็งเป็นอย่างมาก ได้ส่งคนมาทาบทามองค์หญิงซูเม่ยไปให้กับ องค์ชายหานจิ้งฝู โอรสของตน ซึ่งนางเองก็พึ่งจะเลยวัยปักปิ่น ยังไม่พร้อมที่จะตบแต่งกับผู้ใดทั้งนั้น         “ เสด็จพ่อไม่รักลูกแล้วหรือเพคะ จึงได้ผลักไสลูกให้กับผู้อื่นเช่นนี้ ” นางตัดพ้อด้วยน้ำตาฉ่ำหน่วยตาทั้งคู่ก่อนพร่างพรูอาบสองแก้มใส ผู้เป็นบิดาใช้มือปาดเช็ดน้ำตาให้เหือดแห้งแล้วโอบกอดธิดาอันเป็นที่รักไว้แนบแน่นพลางอธิบาย         “ ที่พ่อทำแบบนี้ก็เพื่อตัวเจ้าทั้งสิ้น ซูเม่ยของพ่อ พ่อก็นับวันมีแต่จะแก่ชรา หากสิ้นพ่อแล้วผู้ใดจะดูแลเจ้า เหตุนี้พ่อจึงต้องหาสามีที่ดีที่คู่ควรและสามารถปกป้องเจ้าได้ ”         “ แต่ใคร ๆ ก็ลือกันนะเพคะเสด็จพ่อ ว่าองค์ชายจิ้งฝูแห่งเมืองเจี้ยนจิงนั้นเลื่องชื่อนักเรื่องมากชู้ ”         “ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของบุรุษ อยู่ที่ว่าเขาจะยกย่องเจ้าให้เป็นชายาเอก นั่นต่างหากคือเรื่องสำคัญ ”         “ หากเป็นธรรมดาของบุรุษ แล้วเหตุใดเสด็จพ่อจึงรักเดียวใจเดียวเพียงเสด็จแม่ ไม่เคยมีหญิงอื่นเลยเล่าเพคะ ” นางค้านคำของบิดา         “ เพราะพ่อรักเจ้าและแม่ของเจ้าเหลือเกิน รักจนมิอาจรักใครได้อีก ”         “ หากลูกจะแต่งงานหรือมอบกายถวายชีวิตให้ใครสักคน ลูกก็อยากได้ผู้ที่รักเดียวใจเดียวเช่นเสด็จพ่อ ”         “ ลูกเอ๋ย นิ้วคนเรายังไม่เท่ากันเลย ประสาอะไรกับจะหาคนที่ความดีเหมือนกันได้เล่า พ่อเองก็ใช่ว่าจะดีนักหนา คุณชายจิ้งฝูก็เช่นกัน เขาอาจจะมีข้อเสียเรื่องบันเทิงเริงรมย์ไปบ้าง แต่การปกครองเมืองและการรบพุ่งนั้นนับได้ว่าเป็นหนึ่งในยุทธภพ ชายผู้นี้แหละเหมาะที่จะเป็นสวามีของเจ้าและมาบริหารบ้านเมืองของเราให้สืบต่อไปภายภาคหน้า เพราะเจ้าเป็นหญิง หากสิ้นพ่อไปแล้วเมืองของเราก็จะเป็นที่หมายปองของหัวเมืองใหญ่กระหายอำนาจทั้งหลาย อันตรายก็จะตกแก่ตัวเจ้าหากมิมีผู้เก่งกล้าทางรบพุ่ง เจ้าเข้าใจที่พ่อพูดหรือไม่เล่าเม่ยเอ๋อร์ลูกรัก ”         องค์หญิงซูเม่ยถอนหายใจออกมายาว ๆ ยกมือขึ้นป้ายเช็ดน้ำตาที่สองแก้มทว่าก็ยังรับคำผู้เป็นบิดาอย่างเข้าใจ         “ เข้าใจเพคะเสด็จพ่อ ”         “ พ่อรักเจ้า เจ้าเป็นที่สุดแห่งชีวิตของพ่อ ”         “ ลูกก็รักเสด็จพ่อมากกว่าชีวิต ”         ปากว่าเข้าใจ แต่กระนั้นองค์หญิงซูเม่ยก็กลัดกลุ้มถึงขั้นนอนไม่หลับ รู้ดีว่าอย่างไรเสียก็หนีชะตากรรมที่ต้องตกไปเป็นชายาขององค์ชายมากรักผู้นั้นไม่พ้น แต่ก็ยากจะทำใจ ราตรีนั้นนางกระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมาอยู่หลายตลบแต่ก็ข่มตานอนมิได้ จึงตัดสินใจเดินลงไปเล่นที่อุทยานบุปผาส่วนพระองค์อันอยู่ติดกับห้องบรรทม    
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม