ชาญเห็นเพื่อนรักขอร้องแม่เลี้ยงก็ไม่รอช้า รีบทำตาละห้อยออดอ้อนแม่เลี้ยงรดาในทันทีเช่นเดียวกัน
“ไอ้ชาญก็ขอไปด้วยครับ อยากไปเที่ยวกรุงเทพฯ อยากไปเดินตากแอร์เย็นๆ ในสนามบิน”
“ให้พวกเราไปด้วยนะครับ แม่เลี้ยง พ่อเลี้ยง”
สนรีบทำหน้าที่เป็นกองหนุนอ้อนวอนทั้งสีหน้าและแววตา ทำเอาทั้งพ่อเลี้ยง
ธิปรกและแม่เลี้ยงรดาอดหัวเราะออกมาไม่ได้
และพ่อเลี้ยงธิปรกก็ตกปากรับคำให้บรรดาลุงๆ ทั้งสองได้กระโดดตัวลอย
“เออ...เดี๋ยวจะพาไปรับคุณหนูถึงสนามบินเลย”
“พ่อเลี้ยง! พูดแล้วห้ามคืนคำนะครับ”
ชาญขอคำสัญญาแกมออกคำสั่งโดยไม่รู้ตัว ทำเอาพ่อเลี้ยงธิปรกต้องถลึงตาใส่ แล้วเอ่ยตอบเสียงลอดไรฟันด้วยความหมั่นไส้ลูกน้อง
“เอ่อ...ไม่คืนคำแน่นอน ฝาแฝดโทร.มาบอกว่ามาถึงประเทศไทยวันไหน เวลากี่โมง กูจะพาพวกมึงบึ่งรถไปรับเจ้าฝาแฝดในทันที”
รู้ว่าถูกพ่อเลี้ยงธิปรกเอ่ยประชด แต่ทั้งสองหาสนใจไม่! ต่างก็พากันยกมือไหว้ขอบคุณเป็นการยกใหญ่ ดีใจที่จะได้ไปเที่ยวกรุงเทพฯ และไปรับคุณหนูฝาแฝดด้วย
“ขอบคุณมากครับ พ่อเลี้ยง”
“พ่อเลี้ยงใจดีที่สู๊ดด”
ทั้งสนทั้งชาญประจบพ่อเลี้ยงธิปรกไม่มีหยุด สร้างความหมั่นไส้ให้กับรามเป็นอย่างมาก จนอดเอ่ยแขวะลูกน้องทั้งสองไม่ได้
“จะไปให้หนักรถทำไม อยู่รอรับคุณเพลิงกับคุณไฟที่นี่ก็ดีแล้ว”
“พี่รามอย่าขัดสิครับ พ่อเลี้ยงรับปากแล้วว่าจะให้พวกผมไปด้วย พี่รามอยากไปกรุงเทพฯ ด้วยก็บอกมาเถอะ”
ชาญยักคิ้วทำหน้าทำตาใส่ มั่นใจว่าตัวเองพูดแทงใจดำของราม และอีกฝ่ายก็ยอมรับแบบตรงๆ ว่า
“ก็อยากไปสิ กูก็คิดถึงคุณหนูฝาแฝดเหมือนกัน ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้ว ป่านนี้คงหล่อจมดิน”
“หล่อแบบธรรมดาก็ไม่ได้ ต้องให้หลานหล่อแบบจมดิน” พ่อเลี้ยงธิปรกกลอกตาเอ่ยแซวรามบ้าง
แม่เลี้ยงรดาส่ายหน้าอย่างขำๆ ปล่อยให้สามีทะเลาะกับลูกน้องทั้งสามโดยไม่มีห้ามปราบ จากนั้นก็กวักมือเรียกให้ธีราดามานั่งใกล้ๆ ตนเอง
“หมามุ่ย มานั่งใกล้แม่เลี้ยงสิลูก”
“ค่ะ แม่เลี้ยง”
ธีราดาขยับลุกจากโซฟา แล้วมาทรุดตัวลงนั่งบนพื้นพรมใกล้ๆ กับแม่เลี้ยง เอามือประสานกันอยู่บนตักรอฟังแม่เลี้ยงเอ่ยพูดกับตน
แม่เลี้ยงรดาทอดสายตามองธีราดาด้วยแววตาเอ็นดู รักธีราดาไม่ต่างจากเป็นลูกสาวของตนเอง
“หมามุ่ยรู้จากคุณแม่แล้วใช่ไหมว่า เถ้าแก่ประจงมาทาบทามหมามุ่ยให้กับลูกชายของเขา”
“ค่ะ แม่เลี้ยง คุณแม่บอกแล้วค่ะ และหมามุ่ยก็ปฏิเสธแล้วค่ะ”
“ทำไมล่ะ หมามุ่ย ลูกชายเถ้าแก่ประจง ทั้งหล่อ รวย เรียนจบจากเมืองนอก แม่เลี้ยงเห็นสาวๆ ในตัวเมืองตามกรี๊ดยกใหญ่เลย”
ทั้งๆ รู้เหตุผลดีอยู่แล้ว แต่แม่เลี้ยงรดาก็แสร้งเอ่ยถามเพื่อลองใจธีราดา
ธีราดาหลุบสายตาลงมองสร้อยคอทองคำเส้นยาวที่สวมอยู่บนลำคอ ซึ่งเป็นสร้อยคอที่ได้รับจากพ่อเลี้ยงธิปรก ที่ได้หมั้นหมายเธอไว้ตั้งแต่เล็กๆ ให้กับอัคนี แน่นอนว่าหัวใจของเธอปักใจรักอยู่ที่อัคนีแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น และก็ไม่คิดปิดบังความรู้สึกของตัวเองเมื่อเอ่ยตอบแม่เลี้ยงรดาว่า
“หมามุ่ยรักพี่เพลิงค่ะ หมามุ่ยจะรอพี่เพลิงกลับบ้าน แต่ถ้า...พี่เพลิงเจอผู้หญิงอื่น...”
ธีราดาเอ่ยไม่ทันจบประโยค ก็มีเสียงของพ่อเลี้ยงธิปรกเอ่ยแทรกขึ้นมาทันที
“ถ้าเจ้าเพลิงมีผู้หญิงอื่นและพากลับมาด้วย มันจะถูกพ่อเลี้ยงเตะจมดิน โทษฐานที่ทำให้หมามุ่ยต้องเสียใจ”
และแม่เลี้ยงรดาก็เอ่ยเสริมคำพูดของพ่อเลี้ยงอีกคน “นอกจากจะโดนพ่อเลี้ยงเล่นงานแล้ว พี่เพลิงจะถูกแม่เลี้ยงตีหัวแตกด้วย แต่พี่เพลิงไม่มีทางปันใจไปให้หญิงอื่นหรอกจ้ะ ตะกี้แม่เลี้ยงโทร.ไปหาและบอกว่ามีคนมาสู่ขอหมามุ่ย พี่เพลิงยังเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ และจะกลับบ้านให้เร็วที่สุดด้วย”
ได้ยินเช่นนี้ธีราดาก็ใจชื้นและคลี่ยิ้มออกมาได้บ้าง เวลาผ่านไปสามปี แม้ไม่เคยได้ยินคำว่า ‘รัก’ ที่หลุดออกมาจากปากของอัคนีเลย แต่กระนั้นก็ยังดีใจหากอีกฝ่ายมีอาการตามที่แม่เลี้ยงรดาเอ่ยบอก
“พี่เพลิงยังไม่บอกว่าจะกลับถึงบ้านวันไหนใช่ไหมคะ”
“ยังไม่บอกจ้ะ เพราะกำลังหาตั๋วเครื่องบินอยู่ เจ้าฝาแฝดบินกลับเป็นการเร่ง
ด่วน ไม่รู้ว่าจะหาตั๋วเครื่องบินได้หรือเปล่า แต่แม่เลี้ยงคิดว่าคงกลับถึงบ้านภายในสามสี่วันนี้แหละ เดี๋ยวพี่เพลิงหรือไม่ก็พี่ไฟจะโทร.มาบอกวันเดินทาง และให้พวกเราไปรับที่สนามบินจ้ะ”
ดวงตากลมโตของธีราดาไหวระริกด้วยความดีใจจนปิดไว้ไม่มิด เมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่วันก็จะได้เจอคนที่เธอเฝ้ารอมานานตั้งสามปี
“หมามุ่ยจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จ จะได้ไปรับพี่เพลิงกับพี่ไฟที่กรุงเทพฯ พร้อมแม่เลี้ยงค่ะ”
แม่เลี้ยงรดาพยักหน้ารับ “ทันทีที่พี่เพลิงโทร.มาบอกวันเดินทาง แม่เลี้ยงจะบอกหมามุ่ยน่ะ ตอนนี้เย็นมากแล้วไปหาแม่เถอะ ป่านนี้แม่รอแล้วมั้ง”
“ค่ะ แม่เลี้ยง”
ธีราดารับคำ พลางหันไปมองบิดา ซึ่งกำลังคุยปรึกษางานกับพ่อเลี้ยงธิปรกอยู่ จึงเอ่ยบอกบิดาว่า
“หมามุ่ยกลับบ้านก่อนนะคะ คุณพ่อ”
รามหันมามองลูกสาว เอ่ยบอกไปว่า “บอกแม่ด้วยว่าพ่อคุยเรื่องงานอยู่กับพ่อเลี้ยง ค่ำๆ เดี๋ยวพ่อกลับบ้าน”
“ค่ะ คุณพ่อ”
ธีราดาคลี่ยิ้มหวานขณะรับคำ พลางเดินเข่าออกมาจากบริเวณที่ผู้ใหญ่ทุกคนนั่งอยู่ แล้วลุกขึ้นเดินกลับบ้านของตนซึ่งอยู่ท้ายไร่ธิปรก
แน่นอนว่าขณะเดินทอดน่องกลับบ้าน หัวใจดวงน้อยของธีราดาคิดถึงแต่อัคนี เพราะเขาคือผู้ชายเพียงคนเดียวที่กุมหัวใจของเธอไว้ทุกดวง...