เป็นสนมก็มีหัวใจ #1

832 คำ
นับตั้งแต่วันนั้นจางอ้ายเหรินก็มักจะมาขลุกอยู่ที่ตำหนักของฮองเฮา คอยดูแลให้หายจากพระอาการประชวรเพื่อที่จะได้มีองค์รัชทายาทโดยเร็วตามพระประสงค์ของฮ่องเต้ ตั้งแต่วันที่ลงจากเรือมานางก็ไม่ได้เจอฮ่องเต้อีกเลย ไม่เคยรับสั่งให้เข้าเฝ้าหรือแวะมาหาที่ตำหนัก จะได้ยินข่าวคราวจากซูเฟยเต๋อเฟยทั้งสองบ้าง ที่ชอบมาคุยโม้โอ้อวดว่าฮ่องเต้มาหาที่ตำหนักบ่อยกว่าใคร ทว่าคนอย่างจางอ้ายเหรินก็ไม่คิดใส่ใจ เอาเวลาอันมีค่าของนางไปคิดหาสูตรโอสถบำรุงร่างกายให้ฮองเฮาผู้น่ารักเสียยังดีกว่า “วันนี้หม่อมฉันให้บ่าวออกไปซื้อสมุนไพรในเมืองมาเพคะ ช่วงนี้อากาศค่อนข้างเย็น น่าจะเติมรสเผ็ดร้อนลงไปในโอสถด้วย ฮองเฮาจะได้สบายตัวยิ่งขึ้น” ดวงหน้านวลผ่องเผยยิ้ม ฮองเฮาพยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่ดูอบอุ่น “ขอบใจน้องหญิงมากที่คอยมาอยู่เป็นเพื่อนข้าเสมอเลย” “ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่ทดแทนบุญคุณที่พระองค์ทรงเมตตา อีกอย่างทั้งวังหลวงนี้คงจะมีเพียงตำหนักนี้ที่หม่อมฉันมาได้” จางอ้ายเหรินเล่าด้วยสีหน้าเศร้าสลดเล็กน้อย ชีวิตในวังหลวงที่แสนสุขสบายนี้ออกจะน่าเบื่อเกินไปสำหรับจางอ้ายเหริน ตลอดหลายเดือนมานี้นอกจากนั่งเล่น อ่านตำรา ทำสวนแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทำอีกเลย “น้องหญิงเบื่อที่จะอยู่กับเปิ่นกงแล้วหรือ” “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเพคะ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาหม่อมฉันเคยแต่ใช้แรงทำงานหนักมาโดยตลอด ไม่เคยได้พักจนชิน พอได้มาอยู่สุขสบายเช่นนี้เลยคิดว่ามันออกจะน่าเบื่อไปหน่อย” อวี๋เยี่ยนฟางทำเพียงแค่นิ่งฟังอย่างเข้าใจพร้อมกับพยักหน้า ท่าทางหลิวกุ้ยเฟยคงจะเบื่อจริง ๆ นางทราบจากฮ่องเต้ว่าหลิวกุ้ยเฟยเดิมเป็นบุตรสาวของท่านหลิวหลิงปี้พระสหายฮ่องเต้องค์ก่อน ไม่ว่าจะเรียนอักษร ฝึกยิงธนู ขี่ม้านางล้วนได้ร่ำเรียนมาทั้งหมด สตรีเมืองเสียนหยางล้วนได้เล่าเรียนเท่าเทียมบุรุษ ความคิดความอ่านจึงก้าวหน้ากล้าหาญไม่ต่างจากบุรุษ ผิดกับสตรีเมืองฮวาหยวนของนางที่การเมืองการปกครองล้วนเป็นเรื่องของบุรุษเพียงเท่านั้น สตรีทำเพียงงานบ้านงานเรือน ลึก ๆ อวี๋เยี่ยนฟางรู้สึกอิจฉาหลิวกุ้ยเฟยอยู่ไม่น้อย ที่มีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่ตนอยากทำ แม้แต่การแต่งงานยังเลือกแต่งกับชายที่ตนรักได้ ผิดกับนางที่แม้จะเกิดมามีบุญได้เป็นมารดาของไพร่ฟ้า มีผู้คนนับหน้าถือตา แต่มิอาจเป็นดั่งใจตนได้ “ถ้าอย่างนั้นน้องหญิงอยากออกไปเที่ยวนอกวังหรือไม่” คำถามนั้นทำให้จางอ้ายเหรินที่กำลังก้มหน้าก้มตาเลือกสมุนไพรป่าตากแห้งอยู่เปลี่ยนอารมณ์แทบจะทันที ดวงตากลมโตเป็นประกาย ดวงหน้าเปื้อนรอยยิ้มเต็มพวงแก้ม “ออกไปได้หรือเพคะ” “อันที่จริงก็ออกไปไม่ได้หรอก แต่ว่าวันนี้ฮ่องเต้จะทรงไปราชการในเมืองกับเสนาเฉิน เลยชวนข้าไปด้วย แต่ว่าข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ทั้งยังไม่เป็นงานของบุรุษ จึงอยากไหว้วานน้องหญิงออกไปกับฮ่องเต้แทนข้าได้หรือไม่” ในเมื่อเอ่ยปากออกไปแล้วจางอ้ายเหรินจึงจำใจรับปากฮองเฮาว่าจะออกไปกับหยางมู่เฉิน นึกสงสัยว่าเหตุใดต้องพาสตรีออกไปงานราชการด้วย หรือบางทีฮ่องเต้อาจจะแค่อยากชวนฮองเฮาออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาก็เป็นได้ หากพบว่านางไปแทนเขาจะดุด่าอีกหรือไม่ “เชิญกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีหม่ากล่าวขณะผายมือไปทางรถม้า ใกล้กันนั้นมีองครักษ์ยืนรออยู่ “ขอบใจ” จางอ้ายเหรินเห็นแบบนี้แล้วนึกใจชื้นขึ้น ฮ่องเต้ส่งคนมารับเช่นนี้คงไม่โดนตำหนิ “ฮ่องเต้เสด็จล่วงหน้าไปก่อนแล้ว กระหม่อมมารับกุ้ยเฟยตามไปทีหลัง” ท่าทางนอบน้อมอ่อนหวานของขันทีทำเอาจางอ้ายเหรินถึงกับอมยิ้มออกมา “เปิ่นกงอยากไปซื้อสมุนไพรสักหน่อย เจ้าพาไปได้หรือไม่” “เอ๋ กระหม่อมไม่แน่ใจว่าจะขัดพระบัญชาฮ่องเต้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นก็แวะหากเป็นทางผ่าน ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร อย่างนี้ได้หรือไม่” จางอ้ายเหรินต่อรอง ขันทีหม่าดูชั่งใจเล็กน้อย เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือคำสั่ง แต่เพราะภารกิจของฮ่องเต้ในวันนี้มีมากมาย ใช้เวลานานตลอดทั้งวัน จึงมีเวลาเหลือเฟือให้กุ้ยเฟยเที่ยวเตร่ได้ ฉะนั้นคงไม่เป็นไรกระมัง “คงจะได้พ่ะย่ะค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม