ep.2 ไม่ไว้ใจ

960 คำ
Aom Part. ฉันเผลอถอยหลังสองก้าวเมื่อสบสายตากับคนในรถ เขายกยิ้มให้ฉันแต่ในตาเขามันไม่ได้ยิ้มไปด้วยและนั่นทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยอยากเข้าใกล้เขามากขึ้นไปอีก "ขึ้นรถสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง" เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าไม่เป็นไรืเขาไม่เข้าใจหรือไงเนี่ย! "ไม่เป็นไรค่ะ โอ๊ะ! รถเมล์มาแล้วฉันไปก่อนนะคะ" ฉันรีบวิ่งขึ้นรถเมล์ทันทีโดยไม่กล้าหันหลังกลับไปดูพี่เขา ถ้าเป็นพี่โจฉันคงไม่ปฏิเสธเพราะจะได้ประหยัดค่ารถ แต่นี่ฉันไม่ได้รู้จักเขาถึงไม่กล้าไปด้วยน่ะสิ "มาแล้วเหรอ" พี่กีต้าร์เจ้าของร้านกาแฟเอ่ยทักทาย พี่เขาเป็นผู้ชายเซอร์ๆอายุ30 ที่มีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกัน "หนูมาช้าป่ะเนี่ย?" "ไม่หรอกน่า" พี่เขาลูบหัวฉันแบบที่ชอบทำเป็นประจำก่อนจะส่งถาดที่พึ่งเก็บแก้วกาแฟมาให้ฉันนำไปล้างข้างหลังร้าน วันนี้ลูกค้าเยอะเป็นพิเศษฉันจึงต้องเลิกงานดึกกว่าปกติแต่พี่กีตาร์ก็อาสาขับรถไปส่งที่บ้าน "คนเยอะเนอะวันนี้" "แต่ก็ดีไม่ใช่หรอ วันนี้พี่รวยเลยนะเนี่ย" ฉันแซวเขาขำๆ ซึ่งปกติเราก็ชอบพูดล้อเล่นกันเป็นประจำอยู่แล้ว "เดี๋ยวพี่ขอแวะรับครามก่อนนะ" พี่ครามเป็นเจ้าของผับอยู่แถวๆบ้านฉัน ทุกครั้งที่พี่กีต้าร์ไปส่งฉันที่บ้านก็จะแวะรับพี่ครามแฟนเขาก่อนเสมอ "มาช้าว่ะ" พี่ครามบ่นอุบอิบท่าทางดูหงุดหงิดมากๆสงสัยว่าวันนี้น่าจะอารมณ์ไม่ค่อยดี "เป็นอะไรหน้าบูดเป็นตูดเชียว" ฉันนั่งอยู่เบาะหลังมองพี่สองคนหวานใส่กัน ทุกครั้งที่พี่ครามอารมณ์ไม่ดีพี่กีตาร์ก็มักจะเป็นคนปลอบและคอยรับฟังเสมอ "ก็ไอ้เคน่ะสิมันไม่ยอมกลับบ้านไม่รู้หายหัวไปไหน พ่อก็ดันโทรมาสั่งฉันให้ไปตามหามัน น่าเบื่อ!" พี่กีตาร์เคยเล่าให้ฟังว่าพี่ครามมีน้องชายหนึ่งคนชื่อเค แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นหน้าหรอก แต่เท่าที่ฟังดูเหมือนเขาจะเป็นคนมีปัญหานะ "ปล่อยมันไปเถอะ ไอ้เคมันอายุตั้ง22ปีแล้ว อย่าไปสนใจมันเลย" "ฉันก็ไม่ได้สนใจมันหรอกแต่พ่อน่ะสิชอบมานู่นนี่นั่นกับฉัน!" ดีนะที่ฉันตัวคนเดียวมาตลอดไม่มีพี่น้อง ไม่งั้นอาจจะต้องปวดหัวแบบที่ครามก็ได้ "แล้วทำไมวันนี้กลับบ้านดึกล่ะ?" พี่ครามหันมาถามฉัน "พอดีวันนี้ลูกค้าเยอะน่ะ หนูก็เลยต้องอยู่ช่วยเพราะพนักงานลาหยุดตั้ง2คน" "แล้วหิวมั๊ย? แวะกินข้าวกันก่อนดีกว่า" "หนูกลับไปกินที่บ้านก็ได้ พี่สองคนไปด้วยกันเถอะหนูไม่อยากเป็นก้างขวางคอ" "แก่แดดนะเรา" พี่กีต้าร์หัวเราะขำๆ มองฉันที่ถูกพี่ครามหยิกแก้มจนยืด เราสามคนคุยกันไปตลอดทาง พี่ครามเป็นคนคุยเก่งและเขาก็มักจะมีเรื่องเล่ามากมายมาเล่าให้ฟังเสมอ "ขอบคุณนะคะพี่ๆที่อุตส่าห์มาส่งหนู" "ไม่เป็นไร รีบเข้าบ้านเถอะ แล้วอย่าลืมปิดประตูอะไรให้ดีล่ะ อยู่คนเดียวมันอันตราย" ทุกครั้งที่พี่ครามมาส่งก็มักจะพูดแบบนี้เสมอ ซึ่งฉันก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ฉันยืนมองรถของพี่กีต้าร์ที่ขับออกไปก่อนจะรีบเดินเข้าบ้าน แต่จู่ๆก็รู้สึกเหมือนว่ามีใครกำลังมองอยู่ฉันจึงหันไปมองแต่ก็ไม่เจออะไร "ผีเหรอวะ?" ฉันเป็นคนกลัวผีขึ้นสมองแต่กลับต้องอยู่คนเดียว บางครั้งก็ชอบมโนไปเองว่าผ้าม่านคือผี ฉันรีบสาวเท้าเข้าบ้านอย่างเร็วเพราะรู้สึกเหมือนว่าฝนกำลังจะตก แต่ก่อนเข้าบ้านฉันต้องรีบไปเก็บผ้าที่ตากอยู่หลังบ้านซะก่อน ฉันเปิดไฟรอบบ้านให้สว่างก่อนจะรีบเก็บผ้าที่ตากอยู่ แต่เพราะว่าเมื่อเช้าฉันต้องซักผ้าที่ดองมานานหลายวันด้วย เสื้อผ้าที่ต้องเก็บจนล้นมือจนต้องเอาไปเก็บไว้ในบ้านรอบนึงก่อนแล้วค่อยออกมาเก็บที่เหลืออีกรอบ แกร็ก! ฉันหันมาทางประตูเพราะรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง แต่ว่าข้างนอกก็มีฟ้าร้องทำให้ฉันไม่ค่อยแน่ใจนัก และคิดว่าตัวเองอาจจะหูแว่ว ฉันเดินออกมาเก็บเสื้อผ้าที่เหลืออีกรอบก่อนจะนำกลับมาเก็บในบ้าน "เอ๊ะ! ลืมเอาผ้าไปให้อาจารย์นี่นา!" ฉันรีบคว้าตะกร้าผ้าของอาจารย์ข้างบ้านที่จ้างซักเอาไว้ ก่อนจะกดกริ่งเพราะเห็นว่าไฟในบ้านยังเปิดอยู่ "อ้าว! กลับมาแล้วหรอ วันนี้กลับดึกใช่ไหม?" "ใช่ค่ะอาจารย์ พอดีว่าวันนี้ที่ร้านคนเยอะหนูก็เลยต้องอยู่ช่วยพี่เขาก่อน" อาจารย์นกเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของฉัรสมัยเรียนมัธยมต้น และบ้านเราอยู่ในซอยเดียวกันอาจารย์จึงมักจะจ้างฉันให้ซักผ้าอยู่บ่อยๆ "ฝนจะตกแล้วรีบกลับบ้านเถอะ" อาจารย์ยื่นเงินให้ฉันก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน ส่วนฉันก็รีบกลับบ้านตัวเองเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าลืมเปิดประตูทิ้งไว้...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม