ซุนผูมองจ้องนาง ก่อนที่จะหันไปสั่งการคนของตนเอง "ส่งคนไปตรวจดูรังโจรว่าตอนนี้ 'เยี่ยนฟาง' อยู่ที่ใด"
"ขอรับ" ลูกน้องของเขารับคำ พร้อมกับรีบตะบึงม้าออกไปตรวจสอบตามคำสั่ง
"ส่วนที่เหลือกระจายกำลัง ตามทหารกลุ่มนั้นไปห่างๆ อย่าให้พวกมันรู้ตัว และตรวจสอบอีกทีว่า สิ่งที่ข้าสั่งให้พวกมันจัดการจะไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น…"
เหลียนฮวาที่ถูกลืมอย่างสนิท ก็ได้ตั้งสติพร้อมทั้งก้มลงไปลูบที่หลังคอของม้าที่กำลังห้อตะบึงไปด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิต นางพยายามตั้งสติ เพื่อที่จะสื่อถึงมัน ก่อนที่จะกล่าวกับมันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
"เราสามารถเป็นเพื่อนกันได้ ข้ารู้ว่าเจ้าฟังที่ข้าพูดเข้าใจ เจ้ารู้สึกโดดเดี่ยว ข้าก็ไม่ต่างกัน หากเป็นไปได้ เรามาเป็นเพื่อนกันดีหรือไม่ ข้าหาได้มีความต้องการที่จะควบคุมเจ้า แต่เพียงอยากมีชีวิตรอดเท่านั้น"
คล้ายกับอาชาสีดำตัวนี้จะรับรู้ถึงสิ่งที่เหลียนฮวากล่าวกับมัน มันค่อยๆ หยุดฝีเท้าลง เหลียนฮวาลูบไปที่หลังคอชมมันหลายประโยค "เด็กดีเจ้าเก่งมาก"
เมื่อเห็นว่าอาชาตัวนี้สงบลงแล้ว นางก็ให้พาลคิดไปถึงเจ้าของมัน เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าเขากำลังจับจูงมือของสตรีที่กำลังเดินลงมาจากดอกบัวนางก็ได้แต่ก่นด่าเขาอยู่ในใจอย่างโกรธเคือง
'รีบทิ้งข้าเพราะว่าจะได้รีบไปหาหญิงนี่เอง ไอ้ผู้ชายทุเรศ'
เหลียนฮวาค่อยๆ ควบม้ามายังเบื้องหน้าของหยางหย่งเล่อ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจ้องมองมาที่ตน นางก็ได้เชิดหน้าขึ้นก่อนที่จะกล่าวว่า "ดูเหมือนว่าอาชาตัวนี้จะชอบข้าเสียแล้ว หากท่านไม่ว่าอะไร ข้าขอมันจะได้หรือไม่"
"บังอาจเจ้ารู้หรือไม่ว่าอาชาตัวนี้เป็นอาชาประจำตัวของท่านอ๋อง เจ้ามีความกล้าอันใดจึงได้มาของ่ายๆ เช่นนี้"
เป็นนายกองเกาหยีเทียนที่ได้พูดเพื่อเหลียนฮวาก่อนหน้านี้ตะคอกกลับมา ถึงแม้นเขาจะรู้สึกแปลกใจ ที่อาชาตัวนี้ยอมให้นางขี่อย่างง่ายดาย เพราะโดยปกติแล้ว มันจะมีความพยศไม่ยอมให้ผู้ใดขี่มันนอกจากหยางหย่งเล่อเพียงผู้เดียว
หยางหย่งเล่อเพียงผิวปาก อาชาที่เหลียนฮวาขี่อยู่ก็ค่อยๆ ควบไปใกล้เขา มันก้มหัวลงให้เขาลูบศีรษะของมันด้วยท่าทางเชื่อฟัง
"เจ้าชอบเขาหรือ"
มันร้องออกมาหนึ่งคำคล้ายกับตอบคำถามของหยางหย่งเล่อ
"งั้นเจ้าก็มาเป็นผู้เลี้ยงม้าตัวนี้" หยางหย่งเล่อหันไปจ้องมองเหลียนฮวาอีกครั้งก่อนที่จะกล่าวประโยคที่ทำให้นางถึงกับต้องเบิกตากว้าง
"เดี๋ยวสิ…." เหลียนฮวากำลังจะเอ่ยตอบเขากลับไป แต่หยางหย่งเล่อไม่รอฟัง เมื่อเขาได้ตัวของหรูเยี่ยนฟางแล้ว ก็รวบเอวนาง ให้มาอยู่บนหลังอาชาตัวเดียวกับตนเอง พร้อมกับควบม้าออกไปช้าๆ
เหลียนฮวาสบถในใจไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ เหตุใดชีวิตของนางถึงได้เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ จากพลทหารกลายเป็นคนเลี้ยงม้าในเวลาไม่ถึงก้านธูป
"เป็นบุญของเจ้านักที่ได้ทำหน้าที่นี้" เกาหยีเทียน ซึ่งเป็นนายกองข้างกายของ หยางหย่งเล่อเอ่ยกับเหลียนฮวาพร้อมทั้งเผยรอยยิ้มคล้ายกับว่าหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ๆ สำคัญยิ่งจริงๆ
เหลียนฮวาได้แต่ขยับปาก แต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา เมื่อคิดไม่ตกจึงได้แต่ควบม้าตัวนั้นอย่างช้าๆ ตามคนอื่นไป
หยางหย่งเล่อสำรวจสตรีในอ้อมกอดของตนเองอย่างละเอียด
'นางไม่มีกลิ่นของดอกเหลียนฮวาติดกายเลยแม้แต่น้อย แปลกนักมองผิวเผินสตรีผู้นี้คล้ายกับเป็นสตรีธรรมดา หาได้มีความโดดเด่นอันใด นอกจากผิวกายที่งดงามเป็นเอก หรือจะเรียกได้ว่าใบหน้าของสตรีผู้นี้ยังเทียบไม่ได้กับสตรีงามในเมืองหลวงบางคนด้วยซ้ำ'
"ท่านจะพาข้าไปที่ใดเจ้าคะ"
"กลับแคว้นเว่ยฉี"
แม้แต่น้ำเสียงของนางเมื่อได้ฟังใกล้ๆ เช่นนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขารู้สึกใจเต้นแรงได้เท่ากับบุรุษหน้าตาอัปลักษณ์ผู้นั้นเสียด้วยซ้ำและยังกลิ่นกายที่แผ่กำจายออกมา จากร่างของบุรุษผู้นั้น ก็เป็นกลิ่นเดียวกันกับดอกเหลียนฮวา เขาได้แต่เก็บความสงสัยนี้เอาไว้ พร้อมทั้งหันหลังกลับไปทอดมองผู้ที่กำลังควบม้าของตนเองตามมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง
หรูเยี่ยนฟางทอดมองกระโจมที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อตน นางเดินไปหยิบจับข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกจัดวางเอาไว้แต่ละชิ้นอย่างพอใจ
'ถึงแม้จะเป็นของใช้เพียงชั่วคราวก็ยังเป็นของมีค่าถึงเพียงนี้' แตกต่างกันกับของใช้ในรังโจรของนางอย่างสิ้นเชิง ชั่วชีวิตของนางจะเคยได้หยิบจับของมีค่าเช่นนี้ได้อย่างไร
"เจ้าไปเตรียมน้ำอุ่นให้ข้าอาบเสร็จหรือยัง"
นางหันไปเอ่ยกับหญิงรับใช้ที่ถูกส่งมาปรนนิบัติตนทั้งสี่คนเสียงห้วน
"เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ"
"ดี" หรูเยี่ยนฟางค่อยๆ ถอดชุดที่ถักทอจากใยบัวซึ่งติดกายนางมาออกด้วยความระมัดระวัง ด้วยกลัวว่าหากนางทำรุนแรงเกินไป อาจจะทำให้ชุดเกิดความเสียหายได้ สาวใช้ทั้งสี่คนรีบลุกขึ้นมาปรนนิบัติช่วยนางถอดอาภรณ์อย่างรู้หน้าที่
"พวกเจ้าระวังๆ หน่อย รู้หรือไม่ว่าอาภรณ์ชุดนี้ถูกถักทอมาจากใยบัว ใช่ว่าจะหาได้ง่ายทั่วไปเสียเมื่อใด"
สาวใช้ทั้งสี่ก้มหน้ารับคำ
"พวกเจ้าไปหยิบอาภรณ์ที่จะให้ข้าผลัดเปลี่ยนมา"
สาวชายคนหนึ่งเดินไปหยิบอาภรณ์สีขาวมาให้นางตามคำสั่ง หรูเยี่ยนฟางลูบคลำอาภรณ์เหล่านั้นสักพักก็ชักมือกลับ พร้อมทั้งตวาดออกมาด้วยความไม่พอใจ
"พวกเจ้าดูแลข้าเช่นนี้หรือ อาภรณ์หยาบกระด้างแทบจะบาดมือข้าอยู่แล้ว จะให้ข้าสวมใส่ลงได้อย่างไร ไปบอกกับหย่งอ๋องว่าข้าต้องการอาภรณ์ที่นุ่มลื่นและมีราคากว่านี้"
สาวใช้ผู้หนึ่งรีบรับคำและเก็บอาภรณ์สีขาวชุดนั้น เดินออกไปจากกระโจม หยางหย่งเล่อทอดมองอาภรณ์ที่ทำจากผ้าไหมเถี่ยจินชั้นดีด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
"เมื่อนางไม่ชอบก็ไปหามาเปลี่ยนให้นาง"
คล้อยหลังนั้นไม่นานอาภรณ์อีกหลายพับก็ได้ถูกตีกลับมา สาวใช้ผู้นั้นแสดงสีหน้าจนใจ พร้อมทั้งกล่าวว่า "พวกเราดูแลเปลี่ยนอาภรณ์เหล่านี้ตามที่ท่านอ๋องได้รับสั่งแล้ว แต่ดูเหมือนว่านางจะยังไม่พอใจเพคะ"
หยางหย่งเล่อแสดงสีหน้าดุดันออกมา ตลอดทั้งชีวิตของเขาจะเคยเอาอกเอาใจสตรีได้อย่างไร
"ตอนนี้อาภรณ์ที่เราหาได้ดีที่สุดคงจะมีเพียงเท่านี้ หากเราทำให้นางรู้สึกพอใจไม่ได้คงจะไม่ดีแน่"
เกาหยีเทียนเอ่ยบอกเขาอย่างจนใจไม่แพ้กัน พวกเขาได้รับคำสั่งมา ให้นำสตรีผู้นี้ไปถวายให้กับผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน หากทำสิ่งใดให้นางขุ่นเคืองใจ แล้วฝ่าบาททรงทราบเข้า คงไม่เป็นการดีกับพวกเขา
"เอาไว้ข้าจะไปจัดการเอง"
หยางหย่งเล่อคว้าอาภรณ์ตรงหน้าพร้อมกับเดินออกไปจากกระโจม เขาตรงไปที่กระโจมของหรูเยี่ยนฟาง เมื่อเปิดเข้าไปก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อพบว่านางอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อย เพราะนางพึ่งจะอาบน้ำเสร็จ ผ้าคลุมไหล่ที่ห่อหุ้มร่างกายของนางอยู่หลุดเลื่อนออกมาเผยให้เห็นลาดไหลขาวเนียนผิวพรรณผุดผ่องของสตรีชวนให้น่ามอง แต่สำหรับหยางหย่งเล่อแล้ว ท่าทางเช่นนั้น คล้ายกับท่าทางที่สตรี มากมายกระทำต่อหน้าเขา เพื่อให้ตนเกิดความหลงใหล มันชวนให้เขารู้สึกรังเกียจมากกว่าที่จะชื่นชอบ
เขาเอ่ยออกมาทั้งที่ยังหันหลังให้กับนางอยู่ "อาภรณ์เหล่านี้เป็นอาภรณ์ที่ดีที่สุด ที่ข้าจะสามารถหาให้กับเจ้าในตอนนี้ เมื่อกลับไปถึงยังวังหลวง เจ้าจะได้รับของมีค่ามากมายกว่านี้จนกว่าเจ้าจะรู้สึกพอใจ แต่ตอนนี้ขอให้เจ้าทนใช้มันไปก่อน"
"ข้าไม่ได้ต้องการที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องยุ่งยาก ข้าเพียงกลัวว่าอาภรณ์ที่หยาบกระด้างพวกนี้ จะระคายผิวอันนุ่มนวลของข้าจนทำให้เกิดรอยแผลเพียงเท่านั้น"
หยางหย่งเล่อรับฟังคำกล่าวของนาง แต่ก็ไม่ได้สนทนาคำใดกับนางอีก เขาเพียงเดินออกมาจากกระโจมด้วยดวงตาไร้แวว ทันใดนั้นกลิ่นหอมที่คุ้นเคยก็ดึงดูดความสนใจของเขา ชายหนุ่มจึงได้เดินตามกลิ่นนั้นไป…
เหลียนฮวาที่ถูกจับมาให้พักอาศัยร่วมกับทหารคนอื่นๆ ก็ได้แต่ทอดมองบุรุษมากมายตรงหน้าด้วยความลำบากใจ เมื่ออยู่ในเวลาเช่นนี้บุรุษเหล่านั้น ต่างก็ไม่ได้มีพิธีรีตองอันใดมากนัก บางคนถอดเสื้อเดินไปมา บางคนนอนกระดิกเท้าที่ส่งกลิ่นเหม็นอับของตนเองโดยไม่ได้สนใจผู้อื่น เหลียนฮวาได้แต่ปิดจมูกของตนเองพร้อมทั้งวิ่งออกมาจากกระโจมใหญ่ พร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ที่เอาไว้ใช้อาบน้ำ
"บ้าจริง นี่ข้าต้องนอนร่วมกับบุรุษพวกนี้จริงๆ หรือ"
เมื่อคิดไม่ตกนางจึงได้แต่เดินไปทางห้องอาบน้ำ ที่ได้ถูกจัดเตรียมไว้ เมื่อเดินเข้ามาด้านใน เหลียนฮวาตกตะลึงกับภาพบุรุษเปล่าเปลือยแผงอกกำยำกำลังยืนอาบน้ำ เนื้อตัวเปียกโชก นางหวีดร้องในใจหลับตาปี๋ พร้อมทั้งวิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต อยู่มาจนมีชีวิตที่สองแล้ว สาวทึนทึกอย่างนางยังไม่เคยเห็นแม้แต่กล้ามท้องบุรุษด้วยซ้ำ ภาพเมื่อสักครู่นี้เกือบทำให้นางหัวใจวายตายเป็นครั้งที่สองเสียแล้ว 'เหลียนฮวาเอ๋ยนี่คือบทลงโทษที่เจ้าอายุล่วงเข้าสามสิบ แต่ยังไม่เคยมีแม้กระทั่งคนรู้ใจ หรือที่เรียกในแบบยุคสมัยใหม่ว่า'แฟน' ใช่หรือไม่' นางได้แต่ก่นด่าสวรรค์สาปแช่งนรก ที่ทำให้นางต้องมามีชีวิตเช่นนี้…
"บ้าที่สุดเหตุใดข้าจะต้องมาเห็นอะไรเช่นนี้ด้วย"
เมื่อคิดว่าจะเดินกลับไปยังกระโจมทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำเช่นนี้ ก็ให้รู้สึกคันไปทั่วร่างกายเสียแล้ว นางจึงได้เดินไปอีกทางหนึ่ง เพื่อที่จะหาหนทางของตนเอง เมื่อเดินมาเรื่อยๆ เหลียนฮวาก็ได้ไปหยุดอยู่ตรงแม่น้ำสายหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก แต่ด้วยความที่เป็นป่าทึบตลอดเส้นทางที่ผ่านมา จึงทำให้นางผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา
"หวังว่าคงจะไม่มีใครผ่านมาแถวนี้นะ"
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางจึงได้ค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนเองออกทีละชิ้น ก่อนที่จะสัมผัสไปที่ดวงหน้าของตนเอง และก็ให้เกิดความแปลกใจ เมื่อพบว่าใยบัวที่ก่อนหน้าได้เปลี่ยนให้นางเป็นบุรุษอัปลักษณ์ก็ค่อยๆ หลุดออกอย่างง่ายดาย จากความแปลกใจ แปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ นางพยายามที่จะจับมันให้กลับเข้าใบหน้าดังเดิม และดูเหมือนว่าใยบัวนั้นจะสามารถคืนรูปของตนเองได้คล้ายกับมีชีวิต เพียงนางต้องการให้มันอยู่บนใบหน้า มันก็อยู่โดยไม่เลื่อนหลุด แต่เมื่อนางต้องการที่จะเอามันออก มันก็เลื่อนหลุดออกมาอย่างง่ายดาย หญิงสาวได้แต่ยกยิ้มด้วยความยินดี พร้อมทั้งค่อยๆ วางของเหล่านั้นลง ก่อนที่จะพาตนเองลงไปแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำเย็นฉ่ำด้วยความสบายใจ โดยที่ไม่ได้รับรู้เลยว่า ในอีกมุมหนึ่งที่ไม่ห่างจากจุดที่นางอยู่ได้มีแววตาลุ่มลึกของบุรุษผู้หนึ่งทอดมองทุกการกระทำของนางอยู่อย่างไม่วางตา