ด้วยความที่คืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ จึงทำให้พอจะมีแสงสว่างให้ได้เห็นใบหน้าของสตรีที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในลำธาร เมื่อแสงจากพระจันทร์ส่องกระทบบนใบหน้าของสตรีผู้นั้น ก็เกิดเป็นภาพที่สวยงามอย่างยากจะละสายตาจากไปได้ ความงามที่คล้ายกับสวรรค์สรรสร้าง หยางหย่งเล่อยอมรับว่าเขาไม่เคยพานพบกับสตรีใดที่งดงามได้ถึงเพียงนี้คล้ายกับถูกมนต์สะกดให้จดจ้องอยู่ที่นาง แววตาที่เปล่งประกายคล้ายกับมีดวงดาวระยิบระยับพรั่งพราวอยู่ในนั้น ริมฝีปากรูปกระจับอิ่มน้ำ ที่หัวเราะร่าอย่างมีความสุข เข้ากับใบหน้ารูปไข่ แพขนตางอนงามจนสามารถเห็นได้แต่ไกล เรือนผมนุ่มดุจเส้นไหมที่ลู่ไปตามผิวน้ำ ทั้งเรือนกายที่ดูจะสมส่วนไปทุกอณู จนทำให้ลำคอของเขาแห้งผาด กลืนน้ำลายอย่างฝืดเคือง เกิดความร้อนรุ่มจากกึ่งกลางกายอย่างยากจะควบคุม อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คงจะมีเพียงความงามของอิสตรีตรงหน้าที่สามารถทำให้เขาเป็นเช่นนี้ได้
ยิ่งเมื่อเห็นว่าตอนนี้เรือนร่างเปลือยเปล่าของนางกำลังเดินพ้นขึ้นมาจากผิวน้ำให้เขาได้ประจักษ์ด้วยตาอย่างชัดเจน ใบหน้าของเขาเห่อร้อนรีบเสมองไปอีกทาง เมื่อหันกลับมาอีกครั้ง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น เมื่อพบว่าอาภรณ์ที่นางกำลังหยิบขึ้นมาสวมใส่นั้น เป็นชุดทหารในสังกัดของตนเอง
นางหยิบยางไม้ที่หาได้ระหว่างทาง ก่อนเดินมาถึงแม่น้ำมาทาตัว พร้อมทั้งหยิบใยบัวสำหรับแปลงโฉมขึ้นมาสวมทับบนหน้า จนกลายเป็นบุรุษอัปลักษณ์เช่นเดิม หยางหย่งเล่อมองทุกการกระทำของนางตาไม่กระพริบ
'นางคือทหารที่ไม่ได้เรื่องผู้นั้น'
เหลียนฮวาเดินกลับไปยังทิศทางเดิม ด้วยภาพลักษณ์ของบุรุษอัปลักษณ์หยางหย่งเล่อสะกดรอยตามนางไปไม่ห่าง เมื่อนางเดินมาถึงกระโจมนอนของเหล่าพลทหาร ก็ได้แต่แสดงสีหน้า กระอักกระอ่วน ที่หลับนอนส่วนมากถูกจับจองเอาไว้หมดแล้ว นางจึงได้พาร่างเล็กของตนเองขดตัว นอนยังที่ว่างของมุมหนึ่งในกระโจม หญิงสาวพยายามข่มตาให้หลับลง แต่ก็ดูจะยากเย็น เพราะเสียงกรนของบุรุษมากมายในกระโจม ดังระงมจนทำให้นางถึงกับต้องเอามือปิดหูและใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะหลับตาลงให้ได้
ในจังหวะที่นางกำลัง จะหลับตาลง ก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว พร้อมกับเสียงประกาศของใครบางคน ที่ชี้มายังทิศทางของนาง
"เจ้าลุกขึ้น" เกาหยีเทียนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ในจุดที่เหลียนฮวานอนอยู่
"ข้าบอกให้ลุกขึ้นไม่ได้ยินหรือ"
เหลียนฮวาหันซ้ายมองขวา ก่อนที่จะแน่ใจแล้วว่า เขากำลังพูดกับนางอยู่
"ท่านเรียกข้าหรือ"
"สามหาว ข้ามีความสนิทสนมกับเจ้าตั้งแต่เมื่อใดข้าเป็นนายกองที่คุมทหารในหน่วยที่เจ้าอยู่ เจ้าควรจะเรียกข้าด้วยความเคารพตามตำแหน่งของข้า"
เหลียนฮวาแสดงสีหน้างุนงง แต่ก็ยอมกล่าวขอโทษเขาออกไป
"แล้วข้าควรจะเรียกท่านว่าอย่างไร"
เกาหยีเทียนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างภูมิใจก่อนที่จะบอกว่า "เจ้าควรเรียกข้าว่านายกองเกา"
เหลียนฮวาลอบกลอกตาหลายตลบกับคนที่อยากอวดตำแหน่งตนเอง "แล้วนายกองเกามีธุระอันใดกับข้าหรือขอรับ"
"หยิบเครื่องนอนของเจ้าแล้วตามข้ามา"
"ไปที่ใด…!? "
"อย่าถามให้มากความข้าสั่งให้ตามมา ก็จงรีบทำตามเสีย"
"ขอรับ"
เหลียนฮวาได้แต่เก็บเครื่องนอนของตนเองอย่างงุนงง พร้อมทั้งเดินตามเกาหยีเทียนออกไปจากกระโจมรวมนั้น ก่อนที่เขาจะนำนางมาหยุดอยู่ที่หน้ากระโจมใหญ่กระโจมหนึ่ง
"นี่คือกระโจมผู้ใดหรือขอรับ"
"เจ้าเข้าไปแล้วจะรู้เอง"
เหลียนฮวาแสดงท่าทีละแวดระวังก่อนที่จะเปิดม่านกระโจมเข้าไปอย่างช้าๆ นางกวาดตามองไปทั่วภายในกระโจม จนมองเห็นแผ่นหลังกว้างของคนผู้หนึ่ง หญิงสาวแสดงท่าทีลังเลไม่กล้าก้าวขาเข้าไป
"รีบเข้ามา แล้วจัดวางเครื่องนอนของเจ้าให้เรียบร้อย ข้ารู้สึกง่วงเต็มทีแล้ว"
บุรุษผู้นั้นเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังไม่ได้หันหน้ากลับมา เหลียนฮวาแสดงท่าทีลังเลจ้องมองอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ
"ไม่ได้ยินที่ข้าบอกหรืออย่างไร"
เมื่อเห็นว่าเหลียนฮวาไม่ได้ก้าวเข้ามาในกระโจมเขาก็เงยหน้าหันหลังกลับมามองนาง พร้อมทั้งเอ่ยเสียงเย็นคล้ายกับกำลังตำหนินางอยู่กลายๆ
"ท่านอ๋อง…!!!"
เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนผู้นี้ชัดๆ เหลียนฮวาก็ได้แต่เอ่ยชื่อเขาออกมาเสียงสั่น
"ข้าเปลี่ยนใจให้เจ้ามาทำหน้าที่เป็นคนคอยรับใช้ข้าในกระโจมนี้ คอยดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างในชีวิตประจำวันของข้า"
"ท่านอ๋องจะให้กระหม่อมทำหน้าที่เป็นทหารรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ"
"มิผิด"
หยางหย่งเล่อตอบนาง พร้อมทั้งลอบสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายไปด้วย เขาจึงเห็นว่าตอนนี้คิ้วของนางขมวดเป็นปมแน่น
"ต่อจากนี้เจ้าต้องดูแลความเรียบร้อยตั้งแต่ข้าตื่นนอน ไปจนถึงเข้านอน เพื่อจะได้เรียกใช้เจ้าสะดวกขึ้นข้าจึงต้องให้เจ้าเข้ามาอยู่ในกระโจมเดียวกัน ส่วนเวลาที่เจ้าต้องการอาบน้ำข้าอนุญาตให้ใช้ห้องอาบน้ำของข้าได้"
เหลียนฮวาฟังมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกดียิ่ง นั่นหมายความว่านางไม่ต้องแอบ ไปอาบน้ำที่แม่น้ำเพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้จะรู้สึกงุนงง ที่หยางหย่งเล่อเรียกนางให้มาเป็นทหารรับใช้ แต่นางคิดว่าแบบนี้ดีที่สุด นางไม่ต้องนอนร่วมกับพลทหารเหล่านั้น และยังได้ห้องอาบน้ำที่มีความเป็นส่วนตัว แค่เพียงต้องคอยดูแลรับใช้บุรุษที่มีรัศมีน่ากลัวตรงหน้านี้เพียงเท่านั้น 'ข้าทำได้อยู่แล้ว' ถือโอกาสที่นางจะได้ศึกษาการใช้ชีวิตในโลกที่ไม่คุ้นเคยนี้ อีกทั้งยังมีอาหารและที่พักพิง โดยที่นางไม่ต้องออกไปลำบากให้ยาก
เมื่อคิดถึงข้อดีมากมาย เหลียนฮวาจึงได้โขกศีรษะขอบคุณเขา โดยไม่ได้เอะใจสงสัยเลยแม้แต่น้อย หยางหย่งเล่อจึงได้มอบหมายหน้าที่แรกให้กับนาง
"ช่วยข้าอาบน้ำ" เขาลุกขึ้นยืนผายมือทั้งสองข้างออก
เหลียนฮวายืนนิ่งมองการกระทำของเขาตาปริบๆ หยางหย่งเล่อเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเห็นว่านางยังไม่ขยับกาย
"เหตุใดถึงยังไม่มาช่วยข้าถอดชุด"
เหลียนฮวาเผยสีหน้าเข้าใจ ก่อนจะรีบเดินมาช่วยเขาถอดชุดเกราะออกด้วยท่าทีเก้ๆ กัง เนื่องด้วยไม่ใช่คนในภพชาตินี้ และไม่เคยสวมชุดเกราะมาก่อน นางจึงไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นที่ตรงใดหลังจากใช้ความพยายามอยู่นาน ก็ไม่สามารถถอดชุดเกราะออกได้ หยางหย่งเล่อถึงกับเลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง เขาถอนหายใจแสดงสีหน้าเหนื่อยใจก่อนที่จะก้มลงไปกระตุกเชือกที่รัดอยู่ข้างกายออก ในจังหวะนั้นเหลียนฮวาที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ เมื่อแหงนหน้าขึ้นมาจึงพบว่าใบหน้าของนางกับเขาอยู่ห่างกันแค่เพียงไม่กี่ชุ่น ใบหน้าของนางเห่อร้อน มือทั้งสองข้างสั่นเทาแต่ก็ยังช่วยเขาปลดชุดเกราะออก หยางหย่งเล่อที่ลอบสังเกตใบหน้าของนางอยู่ตลอด ก็ได้แต่ยกยิ้มขึ้นบางเบา กลิ่นหอมจากร่างกายของนางกำจายออกมาทำให้เขารู้สึกชื่นชอบมันอย่างแปลกประหลาด การได้เห็นบางอย่างที่ไม่ควรเห็นก่อนหน้านี้ ทำให้เขารู้สึกว่าต้องรับผิดชอบในตัวสตรีผู้นี้ไปโดยปริยาย นั่นคือสิ่งที่เขาบอกตัวเองมันคือความรับผิดชอบหาได้มีความรู้สึกอื่นใด…
หยางหย่งเล่อร่างกายเปลือยเปล่าแช่อยู่ในอ่างน้ำโดยที่มีเหลียนฮวาคอยดูแลขัดผิวกายให้เขาอยู่ใกล้ๆ เหลียนฮวาที่ไม่เคยได้ใกล้ชิดกับบุรุษใดถึงเพียงนี้ ถึงกับมีใบหน้าแดงก่ำ เนื้อตัวของนางคล้ายกับจะปริแตก แต่ก็ต้องยอมรับว่าร่างกายของบุรุษผู้นี้ ช่างมีความกำยำกล้ามเนื้อแน่นขนัดไปทุกสัดส่วนที่นางได้สัมผัส หยางหย่งเล่อเองก็คล้ายจะรับรู้ถึงความนุ่มละมุนเมื่อมือขาวผ่องแตะไปบนผิวของเขา จนให้ความรู้สึกว่าสตรีผู้มีช่างแบบบางยิ่งนัก
"เจ้ามีญาติพี่น้องหรือไม่"
หยางหย่งเล่อถามออกมาท่ามกลางความเงียบ
"ไม่มีขอรับ กระหม่อมเป็นเด็กกำพร้า"
"แล้วเหตุใดบุรุษที่ไม่ได้เรื่องเช่นเจ้าถึงได้มาในอยู่ในกองทัพของเปิ่นหวางได้"
"อาจจะเพราะด้วยเหตุบังเอิญพ่ะย่ะค่ะ"
เหลียนฮวาตอบอย่างไม่ต้องคิด เพราะพึ่งมาถึงยังโลกใบนี้และยังไม่ได้รู้อะไรมากมายเท่าใดนัก จึงไม่รู้ว่ากองทัพอันเกรียงไกรที่อยู่ใต้อาณัติของหยางหย่งเล่อนั้นใช่ว่าผู้ใดจะเข้ามาได้โดยง่าย พวกเขาจะคัดเลือกแต่ผู้ที่มีความสามารถ และได้รับการฝึกอย่างหนัก จึงไม่ต้องคำนึงถึงว่าแต่ละคนนั้นมีความสามารถมากเพียงใด แต่หยางหย่งเล่อก็ไม่ได้ต้องการจะเปิดโปงนางถึงความจริงข้อนี้ เขาเพียงพยักหน้ารับ และไม่ได้กล่าวถามความใดอีก แต่ในใจยังคงเก็บข้อสงสัยเกี่ยวกับที่มาของนางเอาไว้ หากจะกล่าวว่านางเป็นไส้ศึกที่ลอบเข้ามาสืบความเคลื่อนไหวของเขา ก็มีความเป็นไปได้น้อยมากเพราะดูจากความสามารถของนางแล้ว คล้ายกับว่านางหลงเข้ามาในกองทัพของเขาด้วยความบังเอิญอย่างที่นางว่าจริงๆ
เหลียนฮวาได้รับมอบหมายให้มาดูแลความเป็นอยู่ของเขาทุกระเบียบนิ้วจริงๆ แม้แต่จัดเตรียมที่นอนก็เป็นหน้าที่ของนางแทบจะทั้งสิ้นเมื่อดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างจนเสร็จสิ้นแล้ว ก็ดูแลปูที่นอนของตนเองอยู่ด้านล่างเตียงของหยางหย่งเล่อ เพียงศีรษะถึงหมอน นางที่รู้สึกเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ก็ให้เข้าสู่ความหลับลึกในทันที แต่ด้วยความที่ไม่ชินกับพื้นแข็งๆ ทำให้ร่างเล็กนอนกระสับกระส่ายไปมาคล้ายกับไม่สุขสบาย หยางหย่งเล่อเปิดเปลือกตาขึ้น ก็พบว่าร่างเล็กกำลังนอนดิ้นไปมา คิ้วทั้งสองข้างก็ได้ขมวดเป็นปมแน่น ร่างหนาค่อยๆ เดินลงจากเตียงพร้อมทั้งใช้สองแขนช้อนร่างแบบบางของนางขึ้นมาจากพื้น เขาค่อยๆ วางนางลงที่เตียงของตนเองอีกฝั่งหนึ่ง และดูแลห่มผ้าให้กับผู้ที่นอนหลับไหลไม่รู้สติอย่างแผ่วเบา เพียงได้สัมผัสถึงความอ่อนนุ่มบนเตียง ร่างเล็กที่ดิ้นไปมาก่อนหน้านี้ก็คล้ายกับหยุดความเคลื่อนไหว หลังจากที่หยางหย่งเล่อวางนางลงแล้ว ก็ค่อยๆ นำร่างของตนเองนอนลงที่อีกฝั่งของเตียง และ หลับตาลง ทันใดนั้นเขาก็ต้องรู้สึกสะดุ้งตกใจ เมื่อร่างเล็กของใครบางคนเลื่อนมา โอบกอดเขาไว้ พร้อมกับซุกใบหน้าลงที่ซอกคอของเขาอย่างพอดิบพอดี คล้ายกับต้องการหาความอบอุ่น
หยางหย่งเล่อตัวแข็งทื่อ รู้สึกผิดขึ้นมาในทันที ที่นำนางมานอนร่วมเตียงกับตนเอง ดูเหมือนว่าตอนนี้ ผู้ที่เห็นตนเป็นหมอนข้างนั้น จะไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิดว่ากำลังทำสิ่งใดอยู่ มือสองข้างของนางลูบไล้ไปตามแผงอกแกร่ง จนคนที่ถูกสัมผัสถึงกับต้องขบกรามแน่น สิ่งที่ควรหลับกลับตื่นขึ้น โดยผู้ที่เป็นตัวต้นเหตุไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด หยางหย่งเล่อคว้ามือนางไว้ก่อนที่ตนเองจะควบคุมอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนี้เอาไว้ไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่านางจะยังไม่ยอมแพ้ ริมฝีปากบางรูปกระจับอิ่มน้ำขบเม้มไปตามซอกคอบางครั้งก็ขบกัด นางพึมพำเป็นประโยคที่พอจะจับใจความได้ว่า "เลิศรสยิ่งนัก"
หยางหย่งเล่อถอนหายใจเข้าลึก ได้แต่ปล่อยให้นางละเมียดละไมชิมลำคอของเขาจนนางรู้สึกพอใจ โดยที่ตัวเขาเองก็แทบจะพยายามข่มใจไม่เป็นฝ่ายกดร่างของนางไว้ใต้ร่างอย่างยิ่งยวด