"เหลือเพียงพวกเราสามแคว้นแล้วสินะ"
อ๋องหนิงอันแห่งแคว้นฉิน นั่งอยู่บนหลังอาชาประชันหน้ากันกับหยางหย่งเล่อ และองค์ชายใหญ่จ้าวเฟยเทียนแห่งแคว้นจ้าวอย่างไม่มีผู้ใดยอมใคร
"หากไม่อยากตายก็จงถอนกำลังกลับไปเสีย"
"อ๋องหย่งเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีงามเก่าก่อนของพวกเรา ท่านจงรามือเสีย ถึงอย่างไรวันนี้สตรีผู้นั้นก็ต้องเป็นของข้า" อ๋องอันหนิงแคว้นฉิน ยกคมหอกชี้มาที่หยางหย่งเล่ออย่างข่มขู่
"ข้าจำได้ว่าครั้งก่อนข้าไล่หวดก้นท่านจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ดีที่ข้าไว้ชีวิตท่านในครานั้น ท่านถึงได้มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ อ๋องอันหนิงท่านลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปเสียสนิทได้อย่างไร" หยางหย่งเล่อริมฝีปากบิดโค้งขึ้นอย่างร้ายกาจ พร้อมทั้งทอดมองไปที่อ๋องอันหนิงด้วยสายตาดูขบขัน
"นั่นมันเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน จะสู้ตอนนี้ได้อย่างไร ข้าได้กลับไปฝึกปรือฝีมือ จนแม้นแต่เจ้าก็คงจะคาดไม่ถึง ว่าฝีมือของข้าในตอนนี้จะร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้"
"นี่พวกเจ้ากำลังผายลมหรืออย่างไร พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าข้าได้นำไพร่พลมามากมายหลายแสนนาย เกรงว่าด้วยความสามารถของพวกเจ้า คงต้องเอาชีวิตมาทิ้งในวันนี้เป็นแน่ หากไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งเสียเปล่า ก็จงถอนกำลังกลับไปเสีย วันนี้ข้าจะใจดีไว้ชีวิตพวกเจ้า"
อ๋องอันหนิงหัวเราะเสียงดัง เขากวาดตามองไปที่ทหารของแคว้นจ้าวซึ่งกำลังตัวสั่นเทา จริงอยู่ที่ในตอนนี้ทหารของแคว้นจ้าวมีกำลังพลมากที่สุด แต่ดูจากท่าทางที่คล้ายกับกำลังหวาดกลัว และไม่เคยผ่านสนามรบมาก่อน จากการประเมินด้วยสายตาแล้ว ดูเหมือนว่าทหารเหล่านี้จะยังอายุไม่ถึงสิบห้าหนาวเสียด้วยซ้ำ แล้วเช่นนี้จะสามารถต่อกรกับทหารที่มีฝีมือในการรบมาแล้วนับไม่ถ้วนได้อย่างไร
"เป็นเจ้าต่างหากที่พร่ำเพ้อพูดจาผายลมไม่ดูกองกำลังของตนเอง แค่ถือหอกให้มั่นก็ยังทำไม่ได้ เจ้าได้หันกลับไปดูเหล่าทหารของตนเองหรือไม่ ช่างน่าอดสูยิ่งนัก นี่คงจะขนกันมาทั้งแคว้นเลยกระมัง แม้แต่เด็กที่ไม่ประสาก็บังคับมาให้ถืออาวุธ ช่างไม่ประเมินสถานการณ์ตนเองเอาเสียเลย"
"เจ้า…!!!"
นัยน์ตาคมกริบสีรัตติกาลของหยางหย่งเล่อ ทอดมองไปเบื้องหน้า หากแต่มุมปากกลับยกขึ้นบางเบา ก่อนที่จะกระซิบไปยังข้างหูของผู้ที่เขาโอบรอบเอวอยู่ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหูของเหลียนฮวาจนนางต้องห่อไหล่ พร้อมกับขนในกายที่ลุกชัน
"วันนี้ข้าจะใจดีสอน กลยุทธ์การทำศึกให้กับเจ้าได้ประจักษ์เป็นบุญตา ว่าผู้ที่วางกลยุทธ์มาเป็นอย่างดีจะจัดการผู้ที่อ่อนด้อยกว่าเช่นไร"
"งั้นท่านก็ช่วยปล่อยข้าลงไปก่อนเถิด" นางไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ เพื่อเป็นโล่กำบังในการรับคมหอกคมดาบแทนเขาหรอกนะ
เหลียนฮวาลอบกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนที่จะเหลือบมองไปยังบุรุษบนหลังอาชาฝั่งตรงข้ามทั้งสองคน ที่มีแววตามาดร้ายน่ากลัวยิ่งนัก พวกเขาจะทำศึกกันไยไม่ปล่อยนางไปก่อนเล่า
"การที่ข้าให้เจ้านั่งอยู่บนหลังอาชาตัวเดียวกันนี้ ก็เพื่อที่เจ้าจะได้เห็นกลยุทธ์ท่วงท่าในการรบอย่างชาญศึกที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้พบเห็น เจ้าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่ข้ามีเมตตาสอนเจ้าด้วยตนเอง"
เหลียนฮวายอยากจะเอ่ยอะไรอีกสักคำ แต่ดูเหมือนว่าหยางหย่งเล่อจะไม่เปิดโอกาสให้นางได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ม้าที่นางนั่งอยู่ก็ถูกควบออกไปด้วยความเร็ว จนนางถึงกับใบหน้าแหงนหงายไปด้านหลัง เหลียนฮวาได้แต่อ้าปากค้าง นางรีบคว้าวงแขนของหยางหย่งเล่อเอาไว้มั่น ด้วยกลัวว่าจะตกลงไป เพราะความเร็วของม้าในตอนนี้ทำให้นางถึงกับแข้งขาสั่น กลัวว่าจะทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่
"อย่าได้หลับตา ลืมตาขึ้นมาดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นให้ดี"
เมื่อเห็นว่านางเอาแต่หลับตาปี๋ไม่ได้สนใจถึงคำสั่งของตน หยางหย่งเล่อจึงได้กล่าวเสียงเย็นข้างหูนางว่า "อาวุธไร้ตา หากเจ้าเอาแต่หลับตาอยู่เช่นนี้เกรงว่าคงได้ตายอยู่บนหลังอาชาตัวนี้เป็นแน่"
เหลียนฮวารีบลืมตาขึ้นมา นางจึงได้เห็นว่าเบื้องหน้าห่างจากดวงตาของนางไม่กี่ชุ่นมีคมหอกที่พุ่งมาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวตัวแข็งค้างไม่สามารถขยับกายได้ หยางหย่งเล่อจับศีรษะของนางเบี่ยงหลบไปอีกทางได้อย่างฉิวเฉียด
"ครั้งนี้นับว่าเจ้ายังโชคดี แต่มันจะไม่มีครั้งหน้า หากเจ้ายังคงเอาแต่หลับตาอยู่เช่นนี้ จงสู้กับความกลัวด้วยการเผชิญหน้า"
หอกในมือของเขาพุ่งตรงสวนกลับไปอย่างรวดเร็วแม่นยำ อ๋องหนิงอันเองก็เบี่ยงตัวหลบได้อย่างชำนาญไม่แพ้กัน องค์ชายใหญ่จ้าวเฟยเทียนอาศัยจังหวะที่ทั้งสองกำลังโรมรันใส่กัน ขว้างหอกเข้าใส่หยางหย่งเล่อ แต่ด้วยประสาทสัมผัสที่ว่องไวทำให้เขาหมุนตัวกลางอากาศ พร้อมกับหลบคมหอกนั้นได้ เหลียนฮวาที่นั่งอยู่บนหลังม้าได้แต่ทอดมองคมหอกที่เคลื่อนผ่านเบื้องหน้าของนางไปด้วยดวงตาเบิกโพลง
"จับบังเ**ยนม้าเอาไว้ให้มั่น" ยังไม่ทันที่เหลียนฮวาจะได้เข้าใจถึงคำสั่งของหยางหย่งเล่อ ชายหนุ่มก็ได้ลอยตัวขึ้นกลางอากาศ ก่อนที่จะเหินกายลงไปควบม้าอีกตัวได้อีกครั้ง เขาสะกิดปลายเท้าลอยตัวขึ้นไปบนหลังม้าอีกครั้งพร้อมกับเหยียบปลายหอกของทหารผู้หนึ่ง เพื่อไปยังทิศทางขององค์ชายใหญ่จ้าวเฟยเทียน แล้วใช้เท้าเตะเข้าที่ดวงหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง จนร่างทั้งร่างตกลงไปจากบนหลังม้า หยางหย่งเล่อจึงได้อาศัยจังหวะนี้ นำตนเองควบไปบนม้าของจ้าวเฟยเทียนแทน
เหลียนฮวาที่ไม่เคยขี่ม้ามาก่อน จึงไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไร ม้าของหยางหย่งเล่อห้อตะบึงไปเบื้องหน้าด้วยความเร็ว นางจึงได้กรีดร้องออกมาแทบสิ้นสติ แต่มือทั้งสองข้างก็ยังคงจับบังเ**ยนเอาไว้มั่น
หยางหย่งเล่อถึงกับคิ้วกระตุก เมื่อเห็นว่าเหลียนฮวากำลังเสียการควบคุม แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจเข้าไปช่วยเหลือนาง เพราะเขายังมีสิ่งสำคัญที่ต้องจัดการ อ๋องหนิงอันตะบึงม้ามายังทิศทางของเขา พร้อมทั้งยกหอกในมือหมายจะพุ่งมาให้เสียบร่างของหยางหย่งเล่อ แต่ในจังหวะนั้นหยางหย่งเล่อ สวนหอกของตนเองกลับไปอย่างแรง ทำให้หอกไปกระทบกับหอกของอ๋องอันหนิงจนหอกของอีกฝ่ายตกลงกระแทกพื้น เพราะความหนักหน่วงที่เหนือกว่าของหยางหย่งเล่อ เขาไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น เขาคว้าหอกที่อยู่ในมือของทหารบริเวณใกล้เคียงแทงเข้าไปที่รักแร้และยกร่างของอ๋องหนิงอันขึ้นมา ก่อนที่จะเหวี่ยงเขาจนตกลงไปที่พื้น ดีที่ในตอนนั้น แม่ทัพข้างกายของอ๋องหนิงอันรีบมาย้ายร่างของเขาออกไปเสียก่อนหาไม่แล้วตอนนี้หยางหย่งเล่อคงได้แทงหอกในมือลงไปที่ร่างของเขาแล้ว และเกรงว่าครั้งนี้ชายหนุ่มคงไม่ได้โชคดีถึงเพียงนั้น
"ท่านอ๋องหนีก่อนเถิด"
อ๋องหนิงอันถูกนำตัวออกไปโดยคนของเขา หยางหย่งเล่อก็ไม่คิดที่จะ ตามไป เมื่อทอดมองไปที่องค์ชายใหญ่จ้าวเฟยเทียนก็พบว่าตอนนี้คนของเขาได้นำตัวชายผู้นั้นออกไปเรียบร้อยแล้ว คนของทั้งแคว้นฉินและแคว้นจ้าวค่อยๆ ถอยร่นเมื่อเห็นว่าผู้นำได้พ่ายแพ้ให้กับหยางหย่งเล่ออย่างราบคาบ
เมื่อได้ไล่บุรุษสูงศักดิ์ของทั้งสองแคว้นออกไปแล้วหยางหย่งเล่อจึงได้คิดบางสิ่งออก เขากวาดตามองไปโดยรอบ จึงได้เห็นว่าตอนนี้เหลียนฮวากำลังร้องแรกแหกกระเชิงอย่างเสียสติ
"กรีดร้องอย่างกับอิสตรี เหตุใดถึงได้มีทหารที่อ่อนด้อยเช่นนี้ในการดูแลของข้า"
ถึงแม้สายตาของเขาจะเต็มไปด้วยความดูแคลน แต่ก็ยังควบม้าตรงไปยังทิศทางของเหลียนฮวา เพียงไม่นานม้าของเขา ก็ได้ขนาบข้างกับม้าที่เหลียนฮวานั่งอยู่ แต่แทนที่เขาจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือนาง กลับกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดุดันเต็มไปด้วยคำสั่งแทน
"หากเจ้าทำให้มันรู้สึกว่าเจ้ากลัว มันก็จะยิ่งได้ใจแต่หากเจ้าทำให้มันรู้สึกว่าเจ้าสามารถกดข่มมันได้ มันก็จะให้ความเคารพเจ้า"
หยางหย่งเล่อกล่าวเสร็จก็ควบม้าจากไป เหลียนฮวาได้แต่เบิกตากว้างอย่างยากจะเชื่อ นางรีบตะโกนไล่หลังเขาออกไปว่า "ข้าขี่ม้าไม่เป็น ท่านอย่าทิ้งข้าไปเช่นนี้กลับมาช่วยข้าก่อน"
หยางหย่งเล่อคล้ายกับไม่ได้สนใจคำกล่าวของนางที่ตะโกนไล่หลัง เขาควบม้าจากไปอย่างรวดเร็ว เหลียนฮวาเห็นเช่นนั้น ก็ได้แต่กรีดร้องและสาปส่งเขาในใจไปพร้อมๆ กัน แต่นาทีนี้นางก็ไม่อยากตายเช่นกัน จึงได้ตั้งสติ และพยายามที่จะควบคุมม้าตัวนี้ให้ได้
นายกองของหยางหย่งเล่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงได้ควบม้ามาใกล้กับเขาพร้อมกับเอ่ยออกมาเสียงเบาว่า "ท่านอ๋องเกรงว่าพลทหารผู้นั้น จะไม่สามารถควบคุมม้าของพระองค์ได้ เพราะนอกจากพระองค์แล้ว มันก็ไม่ยอมให้ผู้ใดขี่มันเป็นอันขาด เช่นนี้แล้วพลทหารผู้นั้นจะไม่เป็นอันตรายหรอกหรือ"
"เรื่องที่เจ้าควรจะสนใจคือสตรีผู้ที่อยู่ในดอกเหลียนฮวาด้านนั้นต่างหาก ตอนนี้ศัตรูก็ได้ล่าถอยไปแล้ว แค่ชีวิตของพลทหารเพียงคนเดียวหากเขาอ่อนด้อยได้ถึงเพียงนี้ ก็ไม่ควรที่จะอยู่ในสังกัดทหารของข้า"
นายกองผู้นั้นไม่ได้กล่าวความใดเพื่อนางอีก เขาทอดมองไปที่เหลียนฮวาที่ตอนนี้กำลังกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งด้วยความเห็นใจ "เจ้าหน้าตาอัปลักษณ์ยังไม่พอ ยังมีดวงชะตาที่อาภัพอีกด้วย ช่างน่าสงสารนัก"
หยางหย่งเล่อควบม้า ไปใกล้กับดอกเหลียนฮวาที่หรูเยี่ยนฟางอยู่ สายตาของนางเอาแต่จดจ้องใบหน้าที่มีหน้ากากสีเงินสวมทับอย่างหลงใหล ถึงแม้ในตอนนี้ใบหน้าของเขาจะถูกสวมทับด้วยหน้ากากเงินอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถลดทอนความน่าดึงดูดของเขาลงได้
"ท่านคือ…!? " หรูเยี่ยนฟางถามเสียงเบาด้วยดวงตาเป็นประกาย
"ข้ามีนามว่าหยางหย่งเล่อ เป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเว่ยฉี
หรูเยี่ยนฟางดวงตาเป็นประกาย หัวใจของนางเต้นไม่เป็นจังหวะ บุรุษตรงหน้านางผู้นี้คือ 'อ๋องหย่ง' ที่ผู้คนเล่าลือกันอย่างนั้นหรือ นางเม้มริมฝีปากแน่น พร้อมกับทอดมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างสำรวจอีกครั้ง
'หล่อเหลานัก' หากได้ตกเป็นของบุรุษผู้นี้ ต่อให้ต้องตกตายอีกกี่สิบชาตินางก็ยอม
หยางหย่งเล่อเดินมาใกล้ในจุดที่นางอยู่มากขึ้น เมื่อได้เพ่งมองนางใกล้ๆ เช่นนี้ เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าสตรีตรงหน้า คือสตรีในตำนานที่หลายพันปีจะถือกำเนิดขึ้นมาครั้งหนึ่งจริงๆ หรือ…!? เหตุใดนอกจากผิวพรรณที่ดูดีกว่าสตรีทั่วไปแล้ว ก็ไม่ได้มีความพิเศษอื่นใด จากสตรีที่มีรูปโฉมงดงามดาษดื่นทั่วไปที่เขาเคยเห็นเล่า
หรูเยี่ยนฟางรู้สึกผิดหวัง ที่เห็นว่าสายตาของเขาหาได้มีความหลงใหล เมื่อได้ทอดมองใบหน้าของนางแล้ว
"ข้าจะยอมเป็นของบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงเท่านั้น"
"แล้วตอนนี้แม่นางเห็นว่าผู้ใดเล่าที่แข็งแกร่งที่สุด นอกจากข้าแล้ว…!? "
"ข้า…" หรูเยี่ยนฟาง แสดงถึงความลังเล
"มาเถิดหากรั้งอยู่ที่นี่นานกว่านี้ พวกบุรุษที่คอยสังเกตการณ์อยู่รอบนอก อาจจะหาทางชิงตัวแม่นางไป ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอันใดเจ้า…เจ้าเองก็คงไม่อยากตกเป็นของบุรุษ ที่ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้กระมัง"
หยางหย่งเล่อยื่นมือไปหานาง แต่ก็ไม่สามารถใกล้นางมากกว่านี้ได้ เพราะดูเหมือนว่ารัศมีของดอกบัวจะไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้มัน หรูเยี่ยนฟางค่อยๆ เดินลงมาหาเขา ด้วยท่วงท่าที่ดูเย้ายวนน่ามอง
ห่างออกไปไม่ไกลนักจากจุดที่พวกเขาอยู่ บุรุษหนวดเครารุงรังผิวหยาบกร้าน พร้อมด้วยพรรคพวก มองมาที่หรูเยี่ยนฟางอย่างไม่กระพริบตา
"ลูกพี่ข้าว่านั่นมัน หรูเยี่ยนฟางนางบำเรอของท่านมิใช่หรือ…!? "