แน่นอนว่าการที่เธอวิ่งออกมาอย่างไม่คิดมันต้องอาศัยไฟฉายส่องสว่างในการเดินตามหาชายหนุ่มและเธอก็มีไฟฉายติดกายเอาไว้นั่นก็เพราะไร่แห่งนี้กว้างใหญ่พอใกล้จะพลบค่ำหญิงสาวมักจะมีไฟฉายติดกายอยู่เสมอ เธอมักจะเดินสำรวจรอบๆก่อนจะเข้าบ้านพักผ่อน ไม่รู้ป่านนี้ชายหนุ่มจะเป็นอย่างไร เขาจะได้รับอันตรายอะไรไหมแต่ที่แน่ๆตอนนี้ยุงเยอะมาก ต้นน้ำกำลังนั่งตบยุงอยากหมดหนทางเขาเดินวนมาที่เดิมสามรอบแล้วเขากำลังหลงทางหาทางออกไม่เจอ เขาไม่สามารถอาศัยแสงจันทร์ได้เลยเพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนดับ ดวงจันทร์หันด้านมืดเข้าหาโลกทำให้เขามองไม่เห็นดวงจันทร์ ด้านหญิงสาวก็ตะโกนเรียกชื่อชายหนุ่มเป็นระยะแต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจากเขาเลย เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆอย่างใช้สมาธิเพราะพื้นดินไม่สม่ำเสมอเธออาจหกล้มก่อนที่จะเจอตัวของชายหนุ่ม แสงไฟจากไฟฉายทำให้เขารู้สึกได้ถึงความช่วยเหลือ
“คุณต้นน้ำ คุณต้นน้ำ พี่ต้นน้ำ”
“พี่อยู่นี่ครับ” เขาตะโกนบอกหญิงสาวเสียงดัง เธอได้ยินเสียงของชายหนุ่มแล้วแต่ยังไม่รู้เขาอยู่ตรงไหน เธอกับหลังหันไปมามองไปรอบๆอย่างใช้สมาธิ
“พี่อยู่นี่ครับ พี่อยู่นี่”
“อยู่ไหนคะคุณอยู่ไหน” ทั้งสองพยายามสื่อสารกัน ยิ่งเธอเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งได้ยินเสียงเขาชัดขึ้น เธอเจอเขาแล้วเขานั่งพิงอยู่ข้างๆต้นไม้ใหญ่
“พี่เป็นอะไรไปคะ” เธอถามออกไปด้วยความตกใจเพราะเห็นเขาประคองแขนอีกข้างเอาไว้
“พี่จะล้มน่ะครับเลยเขาแขนค้ำไว้ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เป็นยังไงแต่มันปวด”
“โอเคค่ะธิชาจะช่วยเอง” เธอขยับเข้าไปประคองเขาใกล้ๆ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำให้เธออยู่ระดับอกของเขา
“พี่หาทางออกไม่เจอครับพี่เดินวนไปมาสามรอบแล้ว”
“ก็เพราะว่าพี่ไม่ชินทางน่ะสิคะ”
“พี่ดีใจนะครับที่ธิชาแทนตัวเองด้วยชื่อ”
“มันใช่เวลาไหมคะ”
“ก็คนมันดีใจนี่ครับ อะ โอ๊ย”
“ขอโทษค่ะเจ็บมากเลยหรอคะ” เธอกล่าวขอโทษด้วยความตกใจที่ทำเขาเจ็บ
“ก็มากอยู่ครับแต่ว่ามีธิชาประคองอย่างนี้พี่เลยเบาเจ็บ”
“กะล่อน”
“มาว่าพี่ทำไมละครับ หืม”
“เดินดีๆค่ะเดี๋ยวก็ล้มกันไปทั้งคู่” คนตัวโตมัวแต่พูดกับไม่ค่อยจะมองทาง
“โอเคครับ”
“มากันแล้วค่ะคุณป้า คุณธิชาพาแขกคนนั้นออกมาแล้ว”
“ขวัญเอ้ยขวัญมาปลอดภัยใช่ไหมลูก” ป้าขจีเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“แขกของคุณป้าบาดเจ็บที่แขนค่ะ”
“ไปๆรีบไปที่บ้านก่อนดีกว่าจะได้หายาทา”
“ค่ะ/ครับ” จากการประเมินสถานการณ์ขจีคิดว่าชายหนุ่มน่าจะแขนซ้นต้องประคบน้ำแข็งเพื่อลดอาการบวมและปวด ส่วนตามร่างกายมีบาดแผลกิ่งไม้เกี่ยวอยู่บ้าง
“ไปโรงพยาบาลดีกว่านะคะ” ธิชาเสนอความเห็น
“ผมคิดว่าไม่ได้เป็นอะไรมากนะครับ” ชายหนุ่มรู้สึกไม่ชอบโรงพยาบาลเอาเสียเลยเลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยงไม่ไปที่นั่น
“ก็ดีเหมือนกันนะจะได้รู้ว่าไม่เป็นอะไรจริงหรือเปล่า ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะทางเราจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง” คนเป็นป้าเห็นด้วยกับหลานสาว
“ไม่ใช่เพราะเรื่องนั่นหรอกครับแต่ว่าผมไม่ค่อยชอบโรงพยาบาลนะครับ”
“ไปสักหน่อยนะคะถือว่าป้าขอร้อง”
“ก็ได้ครับ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนวุ่นวายไปกันหมดนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะเราไปโรงพยาบาลกันเลยดีกว่านะคะ”
“ครับ”
ณ โรงพยาบาล
“อ้าวน้องธิชาใครเป็นอะไรครับ สวัสดีครับป้าขจี”
“ไหว้พระเถอะลูก”
“สวัสดีค่ะหมอเปรม พอดีแขกที่มาพักเกิดอุบัติเหตุน่ะค่ะ” คนที่เป็นได้เพียงแขกกรอกตามองบนทำอย่างไรเขาถึงจะเป็นได้มากกว่าแขกที่มาพักกันเล่า
“เชิญทางนี้ดีกว่าครับ” ต้นน้ำไม่ชอบสายตาที่หมอหนุ่มมองหญิงสาวเอาเสียเลย มันแสดงอาการเป็นห่วงจนออกนอกหน้า เขาได้รับการตรวจอย่างละเอียดแล้วก็พบว่าไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆเพียงแต่อาจจะต้องงดใช้งานแขนที่ได้รับบาดเจ็บไปสักช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
“โล่งใจจริงๆที่คุณต้นน้ำไม่ได้เป็นอะไรมาก ขอบคุณคุณหมอเปรมมากๆเลยนะคะที่พวกเรามารบกวนเวลานี้” คนเป็นป้าบอกออกไปด้วยความเกรงใจ
“ไม่ต้องเกรงใจกันนะครับป้าขจี” เขาตอบกลับป้าของหญิงสาวยิ้มๆ
“ไม่เกรงใจไม่ได้หรอกค่ะ”
“มันเป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้วน่ะครับ ดีซะอีกพี่จะได้รู้ว่าน้องธิชากลับมาเยี่ยมป้าขจี”
“พรุ่งนี้มาทานข้าวด้วยกันสิคะ ธิชาจะดีใจมาก”
“จริงหรอครับ พี่ไปแน่นอนครับแล้วเจอกันนะครับ พี่คงต้องไปดูคนไข้คนอื่นต่อก่อน”
“ตามสบายเลยค่ะ”
“ป้าขอไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนนะลูก”
“ค่ะ ไปนั่งรอทางนู้นดีกว่าค่ะ”
“ครับ”