บทที่ 6 เจ็บตัวจนได้

917 คำ
แน่นอนว่าการที่เธอวิ่งออกมาอย่างไม่คิดมันต้องอาศัยไฟฉายส่องสว่างในการเดินตามหาชายหนุ่มและเธอก็มีไฟฉายติดกายเอาไว้นั่นก็เพราะไร่แห่งนี้กว้างใหญ่พอใกล้จะพลบค่ำหญิงสาวมักจะมีไฟฉายติดกายอยู่เสมอ เธอมักจะเดินสำรวจรอบๆก่อนจะเข้าบ้านพักผ่อน ไม่รู้ป่านนี้ชายหนุ่มจะเป็นอย่างไร เขาจะได้รับอันตรายอะไรไหมแต่ที่แน่ๆตอนนี้ยุงเยอะมาก ต้นน้ำกำลังนั่งตบยุงอยากหมดหนทางเขาเดินวนมาที่เดิมสามรอบแล้วเขากำลังหลงทางหาทางออกไม่เจอ เขาไม่สามารถอาศัยแสงจันทร์ได้เลยเพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนดับ ดวงจันทร์หันด้านมืดเข้าหาโลกทำให้เขามองไม่เห็นดวงจันทร์ ด้านหญิงสาวก็ตะโกนเรียกชื่อชายหนุ่มเป็นระยะแต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจากเขาเลย เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆอย่างใช้สมาธิเพราะพื้นดินไม่สม่ำเสมอเธออาจหกล้มก่อนที่จะเจอตัวของชายหนุ่ม แสงไฟจากไฟฉายทำให้เขารู้สึกได้ถึงความช่วยเหลือ “คุณต้นน้ำ คุณต้นน้ำ พี่ต้นน้ำ” “พี่อยู่นี่ครับ” เขาตะโกนบอกหญิงสาวเสียงดัง เธอได้ยินเสียงของชายหนุ่มแล้วแต่ยังไม่รู้เขาอยู่ตรงไหน เธอกับหลังหันไปมามองไปรอบๆอย่างใช้สมาธิ “พี่อยู่นี่ครับ พี่อยู่นี่” “อยู่ไหนคะคุณอยู่ไหน” ทั้งสองพยายามสื่อสารกัน ยิ่งเธอเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งได้ยินเสียงเขาชัดขึ้น เธอเจอเขาแล้วเขานั่งพิงอยู่ข้างๆต้นไม้ใหญ่ “พี่เป็นอะไรไปคะ” เธอถามออกไปด้วยความตกใจเพราะเห็นเขาประคองแขนอีกข้างเอาไว้ “พี่จะล้มน่ะครับเลยเขาแขนค้ำไว้ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เป็นยังไงแต่มันปวด” “โอเคค่ะธิชาจะช่วยเอง” เธอขยับเข้าไปประคองเขาใกล้ๆ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำให้เธออยู่ระดับอกของเขา “พี่หาทางออกไม่เจอครับพี่เดินวนไปมาสามรอบแล้ว” “ก็เพราะว่าพี่ไม่ชินทางน่ะสิคะ” “พี่ดีใจนะครับที่ธิชาแทนตัวเองด้วยชื่อ” “มันใช่เวลาไหมคะ” “ก็คนมันดีใจนี่ครับ อะ โอ๊ย” “ขอโทษค่ะเจ็บมากเลยหรอคะ” เธอกล่าวขอโทษด้วยความตกใจที่ทำเขาเจ็บ “ก็มากอยู่ครับแต่ว่ามีธิชาประคองอย่างนี้พี่เลยเบาเจ็บ” “กะล่อน” “มาว่าพี่ทำไมละครับ หืม” “เดินดีๆค่ะเดี๋ยวก็ล้มกันไปทั้งคู่” คนตัวโตมัวแต่พูดกับไม่ค่อยจะมองทาง “โอเคครับ” “มากันแล้วค่ะคุณป้า คุณธิชาพาแขกคนนั้นออกมาแล้ว” “ขวัญเอ้ยขวัญมาปลอดภัยใช่ไหมลูก” ป้าขจีเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “แขกของคุณป้าบาดเจ็บที่แขนค่ะ” “ไปๆรีบไปที่บ้านก่อนดีกว่าจะได้หายาทา” “ค่ะ/ครับ” จากการประเมินสถานการณ์ขจีคิดว่าชายหนุ่มน่าจะแขนซ้นต้องประคบน้ำแข็งเพื่อลดอาการบวมและปวด ส่วนตามร่างกายมีบาดแผลกิ่งไม้เกี่ยวอยู่บ้าง “ไปโรงพยาบาลดีกว่านะคะ” ธิชาเสนอความเห็น “ผมคิดว่าไม่ได้เป็นอะไรมากนะครับ” ชายหนุ่มรู้สึกไม่ชอบโรงพยาบาลเอาเสียเลยเลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยงไม่ไปที่นั่น “ก็ดีเหมือนกันนะจะได้รู้ว่าไม่เป็นอะไรจริงหรือเปล่า ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะทางเราจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง” คนเป็นป้าเห็นด้วยกับหลานสาว “ไม่ใช่เพราะเรื่องนั่นหรอกครับแต่ว่าผมไม่ค่อยชอบโรงพยาบาลนะครับ” “ไปสักหน่อยนะคะถือว่าป้าขอร้อง” “ก็ได้ครับ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนวุ่นวายไปกันหมดนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะเราไปโรงพยาบาลกันเลยดีกว่านะคะ” “ครับ” ณ โรงพยาบาล “อ้าวน้องธิชาใครเป็นอะไรครับ สวัสดีครับป้าขจี” “ไหว้พระเถอะลูก” “สวัสดีค่ะหมอเปรม พอดีแขกที่มาพักเกิดอุบัติเหตุน่ะค่ะ” คนที่เป็นได้เพียงแขกกรอกตามองบนทำอย่างไรเขาถึงจะเป็นได้มากกว่าแขกที่มาพักกันเล่า “เชิญทางนี้ดีกว่าครับ” ต้นน้ำไม่ชอบสายตาที่หมอหนุ่มมองหญิงสาวเอาเสียเลย มันแสดงอาการเป็นห่วงจนออกนอกหน้า เขาได้รับการตรวจอย่างละเอียดแล้วก็พบว่าไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆเพียงแต่อาจจะต้องงดใช้งานแขนที่ได้รับบาดเจ็บไปสักช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น “โล่งใจจริงๆที่คุณต้นน้ำไม่ได้เป็นอะไรมาก ขอบคุณคุณหมอเปรมมากๆเลยนะคะที่พวกเรามารบกวนเวลานี้” คนเป็นป้าบอกออกไปด้วยความเกรงใจ “ไม่ต้องเกรงใจกันนะครับป้าขจี” เขาตอบกลับป้าของหญิงสาวยิ้มๆ “ไม่เกรงใจไม่ได้หรอกค่ะ” “มันเป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้วน่ะครับ ดีซะอีกพี่จะได้รู้ว่าน้องธิชากลับมาเยี่ยมป้าขจี” “พรุ่งนี้มาทานข้าวด้วยกันสิคะ ธิชาจะดีใจมาก” “จริงหรอครับ พี่ไปแน่นอนครับแล้วเจอกันนะครับ พี่คงต้องไปดูคนไข้คนอื่นต่อก่อน” “ตามสบายเลยค่ะ” “ป้าขอไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนนะลูก” “ค่ะ ไปนั่งรอทางนู้นดีกว่าค่ะ” “ครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม