เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ แปงรู้จักบ้านฉันจริงๆ ด้วย เขามาส่งถึงหน้าบ้านแบบไม่ถามทางเลย
“มัวคิดอะไรอยู่? ถ้าไม่รีบลงไประวังฉันจะพาไปคอนโดจริงๆ นะ”
“……..” ให้ตายสิ! ทำยังไงจะเลิกตัวสั่นเวลาใกล้เขาสักที เป็นแบบนี้เขายิ่งได้ใจ
“อยากกลับด้วยกันก็ไม่บอกตั้งแต่แรก”
“คะ ใครจะไปอยากกลับกับนาย!”
ฉันรีบเอื้อมมือที่สั่นเทาเปิดประตูลงมาจากรถแบบเดินเข้ารั้วบ้านมาแบบไม่หันไปมองข้างหลัง ได้ยินเสียงรถของแปงขับไปแล้วถึงกับต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดว่าเขาจะทำอะไรที่บ้าบิ่นกว่านี้ ถ้าเขาเข้าไปในบ้านฉันคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
“มีนามาหาพ่อสิ”
เฮือก!! เดินเข้ามาภายในตัวบ้านได้ไม่กี่ก้าวเสียงของพ่อก็ทำให้ฉันตัวสะดุ้งตัวเย็นเฉียบ ถึงไม่อยากไปแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
“ค่ะ” ทำได้เพียงตอบรับและเดินก้มหน้ามาหาพ่อที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องโถงอย่างรู้ตัวเองดีว่าต้องถูกดุแน่ๆ
“พ่อโทรไปตั้งกี่สายทำไมลูกถึงไม่รับ”
“หนะ หนูตั้วสั่นไว้ค่ะ”
“แล้วใครมาส่ง ทำไมไม่กลับกับคนขับรถที่พ่อให้ไปรับ” พ่อขึ้นชื่อเรื่องความโหดทำให้ฉันไม่กล้าเถียงหรือรั้นเลยสักครั้ง มีครั้งนี้ที่ฉันฝ่าฝืนคำสั่ง
ถึงจะไม่เคยกล้าแต่เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกดุไปมากกว่านี้ก็ต้องจำใจเลือกพูดโกหก ถ้าพูดความจริงต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
“เพื่อน เพื่อนมาส่งที่บ้านค่ะ”
“มั่นใจนะว่าลูกไม่ได้โกหกพ่ออยู่”
“ค่ะ”
“ต่อไปลูกต้องกลับกับคนขับรถที่พ่อให้ไปรับเท่านั้น หวังว่าจะไม่มีครั้งต่อไป”
“ค่ะ”
“รู้ใช่ไหมว่าที่พ่อต้องดุแบบนี้เพราะว่าอะไร”
“รู้ค่ะ เพราะพ่อเป็นห่วง”
นี่แหละคือพ่อฉันแต่ยังไม่ใช่ตอนที่ดุมากๆ มันแค่เริ่มต้น ถ้าเจอพ่อในตอนดุสุดๆ แม้แต่ฉันก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้ มีแค่แม่ที่ทำให้พ่อสงบลงได้
#ภายในห้อง
พอมาถึงฉันก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วกลิ้งๆ ไปมา นี่คือห้องที่ฉันสามารถทำทุกอย่างตามใจตัวเองได้ แค่ห้องนอนของตัวเองเท่านั้น พอออกไปข้างนอกทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบ
ถึงได้บอกไงว่าชีวิตมันน่าเบื่อและจำเจ
กริ้ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมารบกวนเวลาผ่อนคลายของฉัน พอดูที่จอมันโชว์เบอร์ไม่มีชื่อขึ้นมาจึงไม่สนใจ แต่ทว่าเบอร์นั้นโทรมาครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ฉันต้องลองกดรับสายอย่างแปลกใจ
“ฮัลโหลค่ะ”
( เสียงในโทรศัพท์น่าฟังกว่าที่คิดนะ )
“นะ นาย”
( ว่าไงครับที่รัก )
“นายเอาเบอร์ฉันมาจากใคร”
ไม่เคยให้เบอร์แปงกับใครแต่คนที่โทรมากลับเป็นเขา ถ้ารู้ว่าเป็นเขาฉันคงไม่รับสายตั้งแต่แรก
( ขนาดบ้านเธอฉันยังรู้ว่าอยู่ตรงไหนนับประสาอะไรกับไอ้แค่เบอร์โทร )
“………” ที่แปงพูดมาก็ถูก ถ้าเขารู้จักบ้านขนาดนี้คงรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับฉันทั้งหมด
( ทำอะไรอยู่ ) นี่คือครั้งแรกที่ได้ยินเขาถามแบบปกติ ไม่ยียวนกวนประสาทแบบครั้งก่อนๆ
“ไม่ต้องโทรมาอีกนะ”
( ถามว่าทำอะไรอยู่ ช่วยตอบให้ตรงคำถามด้วยครับคนสวย )
“ช่วยเข้าใจที่ฉันบอกด้วย”
( เฮอะ! พอคุยโทรศัพท์ดูเหมือนเธอจะมีความกล้าขึ้นนะ ทีต่อหน้ากลัวฉันจนสั่นไปทั้งตัว )
แบบนี้มันยิ่งกว่าคำว่าก้าวกายความเป็นส่วนตัวอีกนะ ทำยังไงฉันถึงจะหนีผู้ชายคนนี้พ้น หรือว่าต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศสักพัก
( รอนานไหมคะ )
เสียงผู้หญิงผ่านปลายสายมาให้ได้ยิน เสียงมันชัดมากๆ เหมือนเธออยู่ใกล้ๆ โทรศัพท์
คิดไปเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ ดูสิในตอนนี้เขายังพัวพันกับผู้หญิงคนอื่นอยู่แท้ๆ แต่ก็ยังตามตื้อกันอยู่ได้ เขาทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด
( มีนา….)
“นายก็มีคนอื่นอยู่แล้วนี่ เลิกยุ่งกับฉันสักที”
( หึงหรอ )
“บะ บ้า!! ใครหึงนายคิดไปเองทั้งนั้น”
( แล้วถ้าฉันเลิกยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น เธอจะเปิดใจไหม )
พอได้ยินที่แปงพูดในหัวของฉันก็ค้านขึ้นมาทันทีว่าคนอย่างเขาน่ะหรอจะทำได้ ถึงไม่เคยสนใจแต่ก็รู้เรื่องความเจ้าชู้ของเขาผ่านหูมาไม่น้อย เขาไม่มีทางหยุดทุกอย่างเพราะแค่ต้องการให้ฉันเปิดใจได้หรอก
“ไม่”
( สามทุ่มฉันจะแวะไปหา ออกมาเจอกันหน่อย ) ขนาดอยู่กับอีกคนเขายังกล้าพูดแบบนี้โดยไม่คิดถึงความรู้สึกของผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เลย
ผู้ชายแบบนี้คงรักใครไม่เป็นนอกจากตัวเอง
“คะ คิดจะทำอะไรอีก มะ มาหาที่ไหน”
( อืม~ ช่วยคิดหน่อยสิว่าที่รั้วบ้าน….ในบ้าน….หรือในห้องนอนเธอดี )