ตอนที่9 หัวใจเลือกอีกคน

1161 คำ
@ร้านอาหาร บุษบันตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารมื้อเที่ยงอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่ศุภเสกข์เอาแต่จ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตาเสียจนหญิงสาวรู้สึกเขินอาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำทีเมินหน้าหนีไปทางอื่น และยังตักอาหารเข้าปากด้วยความสุข ชายหนุ่มสังเกตเห็นกิริยามารยาทของบุษบันจึงทำให้เขาพอจะรับรู้ได้ว่าเธอไม่ใช่หญิงรับใช้อย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้กลับไม่ได้ใส่ใจที่จะหาคำตอบมากนัก เพราะรู้สึกเพลินตากับสิ่งงดงามที่ตนกำลังสัมผัสอยู่ตรงหน้า จะบอกว่ารู้สึกหลงใหลก็คงไม่มากเกินไป "คุณเสกข์ไม่ทานหรือคะ เอาแต่มองหน้าบัวอยู่นั่นแหละ เอ๊ะ หรือว่าหน้าบัวมีอะไรเปื้อนหรือเปล่าคะ?" หญิงสาวแกล้งถามแล้วจึงตักของหวานเข้าปากหลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ ศุภเสกข์ได้แต่คลี่ยิ้ม หัวใจกำลังรู้สึกผ่อนคลายจนไม่อยากหมดช่วงเวลาเช่นนี้ไปเสียอย่างนั้น "เคยได้ยินไหมครับ เวลาที่เราเห็นใครคนหนึ่งทานอย่างเอร็ดอร่อยเราก็รู้สึกอิ่มตามไปด้วย ผมเห็นบัวทานอาหารอร่อยขนาดนี้ก็ไม่รู้ว่าจะกินทำไม แค่มองก็มีความสุขแล้ว" น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นดูน่าฟัง ทว่าบุษบันกลับรู้ดีว่ามันเป็นเพียงคารมชายที่ทำให้ตนรู้สึกหวั่น ไม่เคยมีใครสามารถทำให้เธอรู้สึกเช่นนี้มาก่อนในชีวิต "ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอกค่ะ ไม่ได้กินจะอิ่มได้ยังไงคะ?" "ผมอิ่มจริงๆ ครับ" "หรือว่าอาหารไม่ถูกปากคะ บัวสั่งอาหารอย่างอื่นให้คุณก็ได้นะ" "ไม่ใช่ครับ ร้านนี้อาหารอร่อยทุกอย่าง แต่อย่างที่บอกว่าเห็นบัวกินอิ่มผมก็มีความสุขมากแล้ว" ศุภเสกข์ยังคงยืนยันคำเดิม เขาจ้องลึกเข้ามาในดวงตากลมโตคู่สวย ทำให้บุษบันยอมละสายตาจากชายหนุ่มแต่โดยดี "บัวทานเหมือนอดอยากมากเลยสินะคะ" เธอยิ้มเจื่อนเมื่อกวาดสายจามองสำรับตรงหน้า ครู่หนึ่งจึงผุดยิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมกับตักของหวานเข้าปากอีกจนหมดถ้วย "สั่งอะไรอีกไหม ดูเหมือนยังกินอีกได้เยอะนะเราน่ะ" ว่าที่พี่เขยเอ่ยแซว เขายกยิ้มแสนละมุน แววตาบ่งบอกถึงความเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยม "อิ่มจนพุงป่องแล้วค่ะ ใครจะไปกินได้เยอะกว่านี้ล่ะคะ" หญิงสาวพูดพลางกว่าสายตามองสำหรับอาหารตรงหน้าอีกครั้ง โชคดีที่ชายตรงหน้าไม่ใช่แฟน ตนจึงไม่ได้รู้สึกเอียงอายอย่างที่คนจะเป็น มือเล็กขยับขึ้นมาลูบท้องน้อยเบาๆ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว "อิ่มแล้วก็ดีครับ ถ้างั้นบัวจะกลับไปที่โรงเรียนหรือว่าจะให้ผมไปส่งที่บ้านดี?" เธอทำท่าครุ่นคิด "บ่ายโมงแล้วใครจะกลับไปโรงเรียนล่ะคะ ป่านนี้เพื่อนคงคิดว่าบัวไม่ไปโรงเรียนแล้วล่ะค่ะ คุณเสกข์ไปส่งบัวที่บ้านได้ไหมคะ เผื่อว่าจะได้เจอคุณหอมด้วย" "ผมไปส่งบัวถึงประตูหน้าบ้านก็พอ ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอเจ้านายของบัวหรอก" ชายหนุ่มพูดเท่านั้นแล้วจึงเรียกพนักงานมาคิดเงิน จากนั้นจึงลุกขึ้นและเดินนำหน้าบุษบันไปขึ้นรถ และขับไปส่งหญิงสาวที่หน้าบ้านตามที่ตนบอกไว้ @บ้านเศรษฐาดำรง ศุภเสกข์เดินเข้ามาในบ้าน เขาเห็นบิดามารดานั่งคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงเดินตรงเข้าไปหา "เสกข์ ไปดูคอนโดมาเป็นยังไงบ้าง ถูกใจหรือเปล่าลู" คุณสรวงสุดาเอ่ยถามบุตรชายด้วยรอยยิ้ม "ถูกใจมากครับ ตอนนี้ทำสัญญาซื้อแล้วเรียบร้อย ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดผมก็อาจจะย้ายเข้าไปอยู่พรุ่งนี้เลย" "แหม ย้ายเข้าเร็วจังเลยนะ นี่อย่าบอกนะว่าที่รีบซื้อคอนโดแล้วก็จะย้ายออกจากบ้านแบบนี้เพราะว่าไปซุกสาวที่ไหนไว้" นางมองค้อนบุตรชายด้วยสายตาจับผิด "เปล่าครับคุณแม่ ผมไม่ได้มีสาวที่ไหนซ่อนไว้ทั้งนั้นแหละ" "งั้นก็ดีแล้ว แต่อย่าลืมกลับบ้านมาหาพ่อกับแม่บ่อยๆ นะ พ่อกับแม่คงคิดถึงแย่ถ้าเกิดว่าลูกอยู่คอนโดนานๆ" "ครับ ไว้ผมจะกลับมาทานมื้อเย็นด้วยบ่อยๆ" "แล้วเรื่องงานล่ะ ตกลงจะพร้อมเข้าบริษัทเมื่อไหร่?" คุณศรเอ่ยถาม เพราะการที่เขาให้บุตรชายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศก็ด้วยเหตุผลนี้ ศุภเสกข์กำลังจะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริหารให้กับบริษัทส่งออกสินค้าแปรรูปของครอบครัวเพราะผู้เป็นบิดาต้องการวางมือจากการบริหาร และแม้บุตรชายจะอายุเพียงยี่สิบห้าปีเเต่เขากลับมีประสบการณ์ในด้านบริหารมากมาย ก่อนที่ศุภเสกข์จะย้ายกลับมาเมืองไทย ชายหนุ่มเคยทำงานในบอร์ดบริหารของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งที่ต่างประเทศมาก่อนนั่นเอง "คุณพี่อย่าเพิ่งเร่งเร้าลูกเรื่องงานสิคะ อย่าลืมสิว่าตอนนี้เรามีเรื่องสำคัญมากกว่านั้น" คุณสรวงสุดาเอ่ยแทรกขึ้น "เรื่องอะไรครับคุณแม่?" บุตรชายขมวดคิ้วถาม "เสกข์ลืมไปแล้วหรือยังไงลูก เรามีเรื่องที่ค้างคากันอยู่นะ หรือแม่จะต้องไปหาฤกษ์หายามให้เลย ลูกถึงจะยอมตอบตกลงซะที" "คุณแม่อย่าพูดแบบนี้สิครับ ผมยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลย เจอหอมเขาก็แค่ครั้งเดียว ทักทายสวัสดีกันก็เท่านั้นเอง ให้เรียนรู้กันสักหน่อยดีกว่าให้แต่งแล้วสุดท้ายก็เลิกกันนะครับคุณแม่" เขาบอกผู้เป็นมารดาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย คุณศรจึงพยักหน้าเห็นด้วย "นั่นน่ะสิ ถึงยังไงเราก็มีจุดประสงค์ที่จะเป็นทองแผ่นเดียวกันกับคุณบงกช ผมเองก็อยากให้ลูกมีชีวิตคู่ที่ไปได้ตลอดรอดฝั่ง อีกอย่างเด็กๆ ก็ยังไม่ได้อายุมากเลย เพราะฉะนั้นให้เวลาลูกอีกสักหน่อยเถอะนะ" ยิ่งบิดามารดาพูดเรื่องแต่งงานของตนกับสโรชา ยิ่งทำให้เขาตระหนักดีว่าหัวใจของตนนั้นกำลังเอียงเอนไปหาบุษบัน เด็กสาวอายุย่างเข้าสิบแปดปีที่ตนเฝ้ามองตั้งแต่แรกเห็น "งั้นผมขอตัวขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะครับ พอดีว่าเย็นนี้มีนัดทานข้าวข้างนอกกับเพื่อน คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องรอทานข้าวนะครับ" ศุภเสกข์พูดเท่านั้นจึงหยัดกายลุกขึ้นเดินกลับห้องของตนไป ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศชายหนุ่มก็แทบไม่ได้อยู่บ้าน เพราะต้องพบปะเพื่อนฝูงเพื่อสร้างความสัมพันธ์ในแวดวงธุรกิจนั่นเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม