@โรงแรม
ริมฝีปากหยักพรมจูบเรียวขาสวยขึ้นมาจนกระทั่งถึงแก้มก้นเนียนนุ่ม เรียวลิ้นอุ่นตวัดเล้าโลมร่องรัก สโรชาหยัดก้นงอนขึ้นเล็กน้อยพร้อมทั้งขยับขาข้างหนึ่งออก กลีบดอกไม้อวบเบ่งบานรับแรงตวัดลิ้นเร่าร้อน
"อ้าส์...เก่งจังเลยค่ะ อื้อ..." เสียงเล็กพึมพำผสมเสียงครวญคราง มือเรียวกำผ้าปูนอนแน่นจนยับยู่ยี่ สรีระงดงามบิดเร่าเพราะความกระสัน ใบหน้าหวานซุกลงบนหมอนนุ่มอารมณ์เคลิบเคลิ้ม
"อ๊าส์...คุณรุตคะ" วิศรุตพึงพอใจ จึงเร่งเร้าจังหวะเริงรักลงกลางร่องกลีบเนื้อสาวด้วยความใคร่หลง อารมณ์พิศวาสในสัมพันธ์ลึกซึ้งไม่เคยจางหาย ยิ่งนับวันยิ่งโหยหา ยิ่งรู้ว่าหล่อนกำลังจะกลายเป็นของคนอื่นยิ่งหวงแหน
"อื้อ! หยุดทำไมคะ หอมเกือบเสร็จแล้วนะ" สโรชาถูกขัดใจ เรือนร่างเปลือยพลิกกายนอนหงายขึ้นหลังจากวิศรุตถอนริมฝีปากออก เขาพรมจูบหน้าท้องแบนราบขึ้นมาหาเต้าขาวอวบอิ่ม
"อยากให้ทำจนเสร็จก็ต้องยอมสัญญาก่อน" ชายหนุ่มหยัดใบหน้าขึ้นมาเพื่อสบตากับคนใต้ร่าง คำต่อรองยังคงหนีไม่พ้นเรื่องเดิมที่คุยกันมามากกว่าสิบหน
"สัญญาเรื่องอะไรอีกหรือคะ?"
"ก็เรื่องที่หอมจะไม่มีวันแต่งงานกับผู้ชายที่แม่หาให้ไง สัญญาอีกทีสิครับ"
"หอมก็สัญญาไปหลายครั้งแล้วนี่คะ ถึงยังไงหอมก็ไม่มีวันยอมแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นหรอกค่ะ หอมรักคุณรุตนะคะ" หล่อนทำเสียงอ้อน ในขณะที่เรียวขาขาวขยับออกห่างเพื่อต้อนรับความสุขที่วิศรุตกำลังจะมอบให้ ชายหนุ่มยกยิ้มพึงพอใจ ทั้งยังยอมเชื่อใจหล่อนอย่างไร้ข้อกังขา
"ผมก็รักหอมครับ" เขาพูดจบแล้วจึงบรรจงริมฝีปากลงบนยอดปทุมถัน ดื่มด่ำยอดรักบนเต้าอวบสลับกันถี่ขึ้นเรื่อยๆ ครู่ใหญ่แล้วจึงขยับริมฝีปากพรมจูบลงมาจนกระทั่งถึงกลีบดอกไม้งามที่กำลังบานแย้ม
"อ่าส์...เลียนานๆ นะคะ" เสียงเล็กเรียกร้อง ร่องกลีบนุ่มถูกบรรจงตวัดโลมเลีย ก้นงอนหยัดขึ้นหยัดลงเพื่อปลดปล่อยความปรารถนาของร่างกาย ประสานหลอมรวมเป็นความสัมพันธ์ลึกซึ้ง อนึ่งความรักของวิศรุตกำลังหล่อหลอมขึ้นจนเปี่ยมล้น
@บ้านดอิเทพ
'แย่แล้ว แบบนี้อีตาว่าที่พี่เขยขี้เก๊กก็รู้สิว่าเราไม่ได้เป็นคนใช้' บุษบันพึมพำระหว่างเปิดประตูลงจากรถ ศุภเสกข์ดับเครื่องยนต์พลันกวาดสายตามองไปรอบบ้าน เขาเห็นเพียงคนสวนที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ กว่าจะหันกลับมาก็เห็นว่าบุษบันกำลังเดินพ้นขอบประตูบ้านไปเสียแล้ว
"ขอบคุณสักคำก็ไม่มี เชิญเข้าบ้านก็ไม่เชิญ" ชายหนุ่มพึมพำพลางส่ายหน้าน้อยๆ จากนั้นร่างสูงจึงก้าวลงจากรถ โดยมีกระถินสาวรับใช้เดินออกมาต้อนรับ
"สวัสดีค่ะคุณเสกข์ เชิญเข้าไปรอในห้องรับแขกก่อนนะคะ อีกประมาณยี่สิบนาทีคุณบงกชก็กลับมาถึงบ้านแล้วค่ะ" หล่อนผายมือเชิญแขกเข้าไปในบ้าน ศุภเสกข์พยักหน้าแล้วจึงเดินตามหลังสาวใช้ไป
ชายหนุ่มนั่งรออยู่ภายในห้องรับแขกราวสิบนาทีทว่ากลับไม่เห็นวี่แววของบุษบัน เธอตั้งใจหนีหน้าเพราะยังไม่ต้องการให้ว่าที่พี่เขยรู้ว่าตนไม่ใช่สาวรับใช้
"ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่คนรับใช้" เขาพึมพำและเอาแต่ครุ่นคิด จนกระทั่งได้ยินเสียงรถคันหนึ่งขับเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้าน
วิศรุตขับรถมาส่งสโรชาถึงหน้าบ้านทว่ากลับไม่สามารถลงจากรถได้เพราะหญิงสาวเอยห้ามไว้ ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังแต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมคนรักไปเสียหมดทุกอย่าง
"หวังว่าหอมจะปฏิเสธการแต่งงานไปเร็วๆ นี้นะครับ เราจะได้เลิกหลบๆ ซ่อนๆ สักที" น้ำเสียงตัดพ้อน้อยใจ
"คุณรุตไม่ต้องกังวลนะคะ ถ้าคุณแม่คุยเรื่องแต่งงานอีกเมื่อไหร่หอมจะปฏิเสธทันทีเลยค่ะ"
"สัญญานะครับ"
"สัญญาครั้งที่ร้อยค่ะ คุณรุตทำให้หอมมีความสุขขนาดนี้ แล้วหอมจะไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไงกันคะ" สโรชาทำเสียงอ้อน แล้วจึงเอียงกายเพื่อซบใบหน้าลงบนไหล่แกร่งของวิศรุต
"งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่เดิมนะครับ ผมสัญญาว่ารีบซื้อคอนโด เราจะได้ใช้เวลาด้วยกันได้เต็มที่ ผมอยากทำให้เรามีความสุขด้วยกันทุกวันครับ"
"หอมก็อยากมีความสุขกับคุณทุกวันค่ะ แต่หอมก็เกรงว่าคุณพ่อคุณแม่คุณจะไม่พอใจถ้าคุณย้ายออกไปอยู่ที่คอนโดคนเดียว"
"ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกครับ หลังจากที่หอมจัดการเรื่องของหอมเรียบร้อยแล้วผมจะพาหอมไปพบคุณพ่อคุณแม่ ท่านจะได้รับรู้เรื่องของเราไงครับ" วิศรุตพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาของเขาบ่งบอกถึงความรักที่เต็มเปี่ยม
"ขอบคุณนะคะที่รักแล้วก็จริงใจกับหอมขนาดนี้ แต่ถึงยังไงเราก็คงไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่ด้วยกันมากนักหรอกค่ะ" หล่อนพูดเสียงแผ่วทั้งยังตีหน้าเศร้า
"ทำไมล่ะครับ?"
"ก็เพราะว่าหอมต้องหางานทำแล้วไงคะ เดือนนี้เงินใช้จ่ายส่วนตัวที่คุณแม่ให้ก็หมดแล้วด้วย"
"เรื่องนี้เอง แล้วทำไมไม่บอกล่ะครับ เดี๋ยวผมจัดการโอนเข้าบัญชีให้ ต่อไปนี้ผมจะให้เงินใช้เป็นประจำทุกเดือน หอมจะได้ใช้จ่ายได้อย่างสบาย"
"จริงนะคะ คุณรุตใจดีที่สุดเลยค่ะ" หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ฟังเช่นนั้น
"ครับ พรุ่งนี้เจอกันนะ แล้วก็อย่าลืมทานยาคุมทุกวันด้วยล่ะ"
"แน่นอนค่ะ งั้นหอมเข้าบ้านก่อนนะคะ" มือเรียวเอื้อมไปเปิดประตูและก้าวลงจากรถ วิศรุตส่งยิ้มให้คนรักของตนแล้วจึงขับรถออกจากบริเวณบ้านไป แต่ไม่ทันที่สโรชาจะได้เดินเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงคุ้นหูเอ่ยเรียกชื่อตนเสียก่อน
"พี่หอม! พี่หอม" บุษบวันวิ่งออกมาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ
"ยายบัว มายืนลับๆ ล่อๆ อะไรในบ้านของตัวเองเนี่ย แล้วนั่นรถใคร?" หล่อนพเยิดหน้าไปยังรถยนต์คันหรูซึ่งจอดอยู่
"รถว่าที่เจ้าบ่าวพี่นั่นแหละ"
"อะไรนะ ก็พี่บอกแม่ไปแล้วไงว่าไม่อยากเจอคนศุภเสกข์อะไรนั่น พี่ไม่ยอมเจอเขาหรอก พี่จะกลับออกไปข้างนอก"
"ไม่ได้นะพี่หอม พี่ลองเจอคุณเสกข์เขาสักหน่อยเถอะนะ แค่ครั้งเดียวก็ยังดี พี่หอมจะได้มีข้ออ้างเพื่อปฏิเสธคุณแม่ไงว่าได้เจอกันแล้วแต่ว่าไม่ชอบเขา เอาแต่หนีหน้าแบบนี้ ถึงยังไงคุณแม่ก็ต้องหาทางนัดเจอกันให้ได้อยู่ดี" บุษบันพยายามเกลี้ยกล่อม เพราะเชื่อว่าหากสโรชาได้เจอกับศุภเสกข์แล้วหล่อนต้องเปลี่ยนใจเป็นแน่
"ก็จริง งั้นยอมเจอก็ได้ เรื่องนี้มันจะได้จบๆ ไปซะที"
"แต่บัวมีเรื่องอะไรจะขอร้องพี่ซะหน่อย"
"ขอร้องอะไร?"
"ไม่มีอะไรมากหรอก แต่ถ้าพี่เจอเสกข์แล้วพี่อย่าบอกเขานะว่าบัวเป็นน้องพี่น่ะ"
"พูดเรื่องอะไรของแก?"
"ก็คุณเสกข์เขาคิดว่าบัวเป็นคนรับใช้ เพราะฉะนั้นก็ปล่อยให้เขาคิดแบบนั้นไป พี่หอมไม่ต้องพูดอะไรนะ ช่วยบัวหน่อยนะคะ" สโรชายกยิ้มมุมปาก หล่อนเบะปากยักคิ้วพร้อมกับจ้องมองน้องสาวด้วยแววตาเย้ยหยัน
" กลัวได้แต่งงานกับคุณเสกข์แทนฉันเหรอถึงได้ไปโกหกเขาเป็นคนใช้"
"ไม่ใช่แบบนั้นนะ"
"ฝันไปเถอะว่าจะช่วย" สโรชาไม่แยแสคำพูดของน้องสาว แล้วจึงสะบัดหน้าเดินตรงเข้าบ้านไป
"กระถิน ป้าดวง มีใครอยู่หรือเปล่าเนี่ย หอมหิวน้ำจะแย่อยู่แล้วนะ เอาน้ำมาให้ที่ห้องนั่งเล่นด้วย" เสียงของสโรชาดังไปทั่วบ้าน ทำให้ศุภเสกข์ซึ่งกำลังนั่งรออยู่ในห้องรับแขกได้ยินเข้า เขาหยัดกายลุกขึ้นยืนและ ขยับมือมาล้วงกระเป๋ากางเกง จากนั้นจึงเดินออกจากห้องรับแขกมาจึงได้พบกับเจ้าของเสียงดังลั่นเมื่อครู่
"คุณสโรชาหรือเปล่า" เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น สโรชาจึงเดินตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าบุรุษแปลกหน้า พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยแววตาตกตะลึงไปครู่ใหญ่
"คุณ...ศุภเสกข์หรือคะ?" ดวงตากลมฉายแววเป็นประกายเมื่อได้รับรู้ว่าคู่หมายของตนหล่อเหลาถึงเพียงนี้
"ครับ ยินดีที่ได้เจอสักทีนะครับ คุณสโรชา"
"เรียกหอมเถอะนะคะ ยินดีที่ได้เจอเช่นกันค่ะ" รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฏบนใบหน้าสวย ทว่าอีกฝ่ายกลับปราศจากรอยยิ้มตอบกลับมาเสียอย่างนั้น สโรชาคิดไม่ถึงว่าบุรุษที่ตนเอาแต่ปฏิเสธจะใกล้เคียงคำว่าผู้ชายสมบูรณ์ขนาดนี้ เขาตัวสูงทะมัดทะแมง ยิ่งสวมชุดสูทผูกเนกไทแล้วยิ่งมีสง่าราศี ยากเหลือเกินที่จะละสายตาจากศุภเสกข์ในวินาทีนี้