ตามสัญญา

1415 คำ
ล่วงเข้ายามบ่าย ปานดวงใจตื่นขึ้นมาพร้อมอาการหนักอึ้งที่หัว มือเล็กสองข้างยกบีบขมับก่อนจะเปิดตา แปลกใจกับแสงสลัวและกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ เธอประคองหัวหันไปมองด้านข้าง พบว่าไม่ใช่ที่พักที่คุ้นเคย พยายามคิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แล้วตัวเองอยู่ที่ไหน เธอหันไปอีกด้านก็อ้าปากหวอด้วยความตกใจ “ไอ้เฮีย” อุทานเป็นเสียงกระซิบกลัวเขาจะตื่น ความทรงจำกลับมาตามลำดับว่าเมื่อคืนที่ร้านจัดงานฮัลโลวีน เธอเห็นพยัคฆ์เหงาหงอยเซื่องซึมเป็นเสือซอมบี้มานาน ตัวเธอเองก็ใช่ว่าจะตัดใจจากไมค์ได้ แต่แสร้งทำเป็นหน้าชื่นเก็บซ่อนความขมขื่นไว้ในอก จึงชวนคนหัวอกเดียวกันดื่มและดิ้นเพื่อให้เขามีชีวิตชีวา แล้วจากนั้นเขาก็ชวนเธอเล่นเกม แต่มีคนตามเขาไปหามารี สิ่งที่เธอรู้หลังจากนั้นคือดื่ม ดื่ม และดื่ม พยัคฆ์พลิกตัวมาด้านหญิงสาว ผลักผ้าห่มที่คลุมตัวเขาและเธอด้วยกันออก ปานดวงใจตาโตเมื่อพบว่าเขาเปลือยท่อนบน เธอมุดผ้ามองก็พบว่าไม่มีเสื้อผ้าติดกายเลยสักชิ้น จากดื่มเพื่อปลดเปลื้องความเศร้ากลับกลายเป็นดื่มเพื่อปลดเปลื้องเสื้อผ้า หญิงสาวใจหายวาบ รีบลุกขึ้น ความเจ็บจี๊ดจู่โจมที่กลางร่างฉับพลัน ไม่ต้องสงสัยเลย เธอเพิ่งโดนเสือขย้ำไปเต็มคราบ “เอาแล้ว อีเมย์มีผัวคนเดียวกับพี่มารีเข้าแล้วไง” เธอก้มมองหน้าอก ร่องรอยที่เขาฝากไว้บอกได้ว่าเมื่อคืนมีเซ็กซ์ทรหดแค่ไหน “ตายๆ ซวยบรรลัยเลยกู ถึงพวกเขาจะเลิกกันแล้วมันก็ไม่ได้” ปานดวงใจลืมอาการปวดหัวเป็นปลิดทิ้ง เธอตลบผ้าออก หลักฐานที่ซุกอยู่ตรงหมอนข้างตอกย้ำว่าทำไมถึงเจ็บขนาดนี้... เท่าที่มองเห็นมีคอนดอมใช้แล้วสองชิ้นท่ามกลางรอยเปื้อนบนผ้าปู แล้วที่ไม่เห็นอีกล่ะ เขาถอดเหวี่ยงไว้ตรงไหนบ้างก็ไม่รู้ แล้วยังทิชชูเปื้อนเลือดที่ขยุ้มเกลื่อนที่นอนอีก ตรงนี้เป็นความใส่ใจของพยัคฆ์ เขาจัดการเช็ดให้เธอหลังร่วมรักรอบสุดท้ายตอนรุ่งสางเพื่อที่เธอจะได้ไม่เหนอะหนะ “เอาละวะ ยังดีที่รู้จักป้องกัน” ปานดวงใจทนเจ็บ ลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมโดยพยายามไม่ให้เกิดเสียงดัง จากนั้นก็วิ่งออกไปจากห้องของเขา “ไม่ต้องรีบครับ” “เฮ้ย” ปานดวงใจสะดุ้งกับเสียงไม่คุ้น เพื่อนคนไทยไม่มีใครเสียงหล่อแบบนี้ เธอหันไปมองพร้อมกับอ้าปากหวอ ลืมไปเลยว่ากำลังรีบ เขาดูคุ้นมากเหมือนเพิ่งเคยเห็นเมื่อเร็วๆ นี้ “พี่เสือยังไม่ตื่นหรอก อีกนาน” ชายหนุ่มผิวขาว คิ้วบาก ย้อมผมสีฟ้ายิ้มให้เธอ ลักยิ้มตรงมุมปากสองข้างดึงดูดยิ่งกว่าสีผม “คุณเป็นใคร” “ผมเป็นลูกจ้างคนใหม่ครับ ขึ้นมาตรวจดูความเรียบร้อยตรงสระว่ายน้ำทางโน้น เห็นคุณรีบ ผมก็กลัวจะเดินสะดุดเอาได้เลยทัก” ปานดวงใจถอนหายใจ พอเห็นรอยยิ้มตรงมุมปากของชายหนุ่มก็พลันรู้สึกอาย เขาต้องรู้แน่ๆ ว่าพนักงานอย่างเธอขึ้นมาทำอะไรบนห้องของลูกค้าระดับนี้ หญิงสาวจึงรีบก้มหน้างุดๆ เดินหนีเขาไป หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง... แสงสว่างภายในห้องรบกวนการนอนของพยัคฆ์ เขาลืมตาขึ้นในห้องที่คุ้นเคย “เมย์ไปไหนแล้ว” เสียงของพยัคฆ์งัวเงีย กลิ่นเหล้าเต็มปาก “ออกไปตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว ผมมาเก็บเงิน” หนุ่มผมฟ้าโยนผ้าเช็ดตัวให้พยัคฆ์นุ่ง “งกอะไรแบบนี้วะฉลาม” พยัคฆ์พันผ้าเช็ดตัวแล้วลุกเดินไปหยิบเช็คตรงหน้ากระจก ตามแผนที่วางไว้กับลูกคลื่น จะต้องมีคนรับหน้าที่เสิร์ฟเครื่องดื่มในห้องนอนของเขา คนคนนั้นจะต้องไว้ใจได้ ไม่นำเรื่องที่เกิดขึ้นในนี้ไปแพร่งพราย และต้องคอยเฝ้าระวังไม่ให้ใครมารบกวน ลูกคลื่นคิดถึงฉลามและเครื่องบินเจ็ตรุ่นล่าสุดที่พ่อเขาเพิ่งซื้อให้กับนาทีลูกชายคนเล็ก ซึ่งกำลังเห่อ ชอบกระเซ้าให้พี่ๆ เดินทางไปโน่นมานี่ ตนเองจะได้ขับบริการ พยัคฆ์ตอบรับทันที เขาไม่ต้องการให้สมุนมายุ่มย่ามในช่วงเวลาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ แม้จะสนิทสนมกันมากก็ตามที นั่นหมายความว่าพยัคฆ์ต้องยินดีจ่ายในราคาห้าแสนบาทตามที่ฉลามเรียกร้อง “จะไม่งกได้ไง ผมตกงาน แถมเมียรับปริญญาโทก่อนจบปริญญาตรีอีก” ฉลามนึกถึงตรงนี้แล้วก็ยิ้มทุกครั้ง อีกห้าเดือนเขาก็จะได้เห็นหน้าลูกสาวคนแรกแล้ว “ตั้งใจทำให้อุ๋งท้องไม่ใช่เหรอ” พยัคฆ์ส่ายหัวอย่างรู้ทัน “ต้องดร็อปหนึ่งปีใช่ไหม” “น่าจะแบบนั้น” ตอนนี้แฟนสาวกำลังขึ้นปีสี่ เขาพาเธอไปทำเรื่องดร็อปแล้ว “ถ้าเกิดว่าท้องที่สองมาเลยก็ดร็อปต่อ” พยัคฆ์เงยหน้าขึ้นจากเช็คทันควัน “เอางั้นเลยเหรอ” “เซ็นเสร็จยังอะพี่ คิดอะไรนาน จดๆ จ้องๆ อยู่ได้ นาทีคอยผมอยู่” ฉลามพยักพเยิดไปยังเช็คของคนย้ำคิดย้ำทำ ตอนนี้ใกล้เวลานัดกับนาทีแล้ว “ไม่อยู่เที่ยวกันหน่อยล่ะ พี่พาเที่ยว” พยัคฆ์เซ็นใบแรกเสร็จ ก็เซ็นอีกใบ “ไม่อะ คิดถึงเมีย ฝากอุ๋งไว้กับพี่น่ามากไม่ได้ เดี๋ยวเต๋าเต้ยปากจัด” ฉลามเผาพี่สาว ปกติก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ชอบเสียอีกที่พี่สาวปากไวพอๆ กับมือ แต่ถ้าให้อุ๋งอยู่กับทูน่านานๆ เสียงของทูน่าจะต้องทะลุผนังหน้าท้องอุ๋งเข้าไปที่หูลูกสาวเขาแน่ๆ “อ้ะ ห้าแสนบาทตามคำสัญญา” พยัคฆ์ยื่นเช็คให้ “ขอบคุณครับที่เมตตาวิศวกรปิโตรเลียมจนๆ ที่ต้องเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียคนนี้” ฉลามยกมือไหว้ก่อนจะรับเช็คมาจูบ นั่งเจ็ตเล่นๆ มาเสิร์ฟเครื่องดื่มสี่แก้วได้เงินตั้งห้าแสนบาท ใครจะไม่เอา “เหอะๆ จนเหรอ พระที่คอนั่นปล่อยได้หกสิบล้านเชียวนะ แล้วได้ข่าวว่ามีเป็นกรุ” พยัคฆ์แซวและยื่นเช็คอีกใบ “ค่าอะไรอีกล่ะ” เขารับเช็คมาอย่างงงๆ ในนั้นระบุจำนวนเงินห้าแสนบาทเช่นเดียวกับเขา “ลุงเสือรับขวัญเต๋าเต้ย” พยัคฆ์ตบบ่าฉลาม “จุ๊ๆๆๆ เงินดีจริงๆ คราวหน้าเรียกใช้บริการผมอีกนะครับ” “ครั้งแรก และครั้งสุดท้าย” พยัคฆ์ยิ้มให้ฉลามอย่างรู้กัน ********* ค่ำนั้นเวลาเดิม พยัคฆ์เข้าไปในร้าน เดินไปที่โต๊ะเดิม โซนเดิน เขาใช้นิ้วคลึงต่างหูข้างที่ตกอยู่บนเตียงไปมา ก่อนจะพิจารณามันและหัวเราะอย่างสมเพชตัวเอง เครื่องดื่มตัวเดิมถูกนำมาเสิร์ฟ แต่คนเสิร์ฟไม่ใช่คนเดิม “เมย์ล่ะ” เขาถามคนเสิร์ฟ “แฮ้ง ไม่รู้ไปเมามาจากไหน ลากสังขารกลับห้องเอาตอนบ่าย แล้วก็นอนหลับเหมือนนอนตาย มันเป็นงี้แหละ บางทีหลับไปสองวันเลย” “มารีเป็นไงมั่ง” ผู้จัดการสาวไม่ใช่คนแรกที่เขาถามถึงอีกต่อไป เมื่อวานตอนที่ถูกตามตัวไปดูมารี ถ้าไม่รู้ว่าเธอเป็นลมเขาคงดูไม่ออก เพราะมารีแต่งตัวเป็นแวมไพร์เหมือนกับปานดวงใจ แต่งหน้าเสียขาววอก เขาอำนวยความสะดวกให้เธออย่างแข็งขัน แรกเริ่มคบกันเป็นอย่างไร ก็ยังปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เพียงแต่ครั้งนี้คนที่ดูแลเธอไม่ใช่เขา แต่เป็นสมุนที่เขาส่งไป “ดีขึ้นแล้ว แต่วันนี้ไม่มาทำงาน” คนเสิร์ฟตอบ ทว่าคำตอบเรื่องของมารีไม่ได้ผ่านเข้ามาในหัวเขาด้วยซ้ำ ตอนนี้มีแต่เรื่องของเมย์วนเวียนอยู่เต็มสมอง “อืม คงไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะมานั่งอยู่ตรงนี้ พรุ่งนี้ฉันค่อยมาใหม่แล้วกัน” พยัคฆ์วางธนบัตรลงบนโต๊ะ ทั้งที่ยังไม่ทันดื่ม พนักงานเสิร์ฟไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด เข้าใจไปว่าคนที่พยัคฆ์เพียรมาเฝ้าทุกวันไม่มาทำงาน เขาก็ไม่อยากเสียเวลามานั่งอยู่ที่นี่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม