04
#หลงเมียครั้งที่สี่
ภาพของผู้เป็นแม่กำลังร้อนรนด้วยความเป็นห่วงกอดลูกชายตนเองไม่ห่างละออกไปแม้สักนาทีเดียว น้องครามตกจากสไลเดอร์ในห้องนอน เป็นความผิดของเธอเองที่ปล่อยให้ลูกคลาดสายตาจนเกิดอุบัติเหตุแบบนี้
พันดาวกอดลูกชายตนเองแน่นขณะที่พยาบาลกำลังให้การรักษาตามคำสั่งของแพทย์ ลูกชายที่มักจะยิ้มหวานให้เธอเสมอตอนนี้ใบหน้ากลับเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา หัวใจคนเป็นแม่แทบรับไม่ไหว ลำคอตีบตื้นด้วยก้อนสะอื้นที่แล่นขึ้นมาหมายจะเงยหน้าขึ้นเพื่อกลั้นหยดน้ำตาทว่าไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้จึงปล่อยให้ไหลอาบแก้ม
“ผมขอซักประวัติหน่อยนะครับ”
ทว่าเสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากคนตรงหน้าทำให้เธอต้องละสายตาหันไปมอง อยู่ ๆ ลมหายใจกระตุกไปชั่วครู่ เผลอเกร็งหัวไหล่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เบิกตาโพลงไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
พันดาวยืนตัวแข็งทื่อ อ้าปากพะงาบ ๆ ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาราวกับสมองเบลอไปชั่วขณะ แข้งขาอ่อนแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ จนรู้สึกเหมือนจะทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น ร่างบางรีบดึงสติกลับมา พยายามสูดหายใจเข้าปอดขณะที่หัวใจเต้นรัวเร็วจนแทบทะลุออกมาจากอก
ดวงตาคมปราบตวัดมองเธออย่างเคร่งขรึมทว่าดูมีความเคลือบแคลงใจในเวลาเดียวกัน พันดาวรู้สึกได้ว่าร่างตนเองหดตัวลงเมื่อถูกสายตาเฉียบคมจ้องมอง เธอไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคู่ดุนั่น เผลอล่อกแล่กหลุกหลิก เม้มริมฝีปาก เม้ม ๆ คลาย ๆ สลับไปมาโดยไม่รู้ตัว
“หม่ามี๊ฮะ อึก ฮือ” ทว่าดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเธอเมื่อเสียงร้องของลูกชายดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“คะ ครับลูก” พันดาวรีบละสายตาออกมาทันทีก่อนจะก้มลงมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมกอด
“ผมขอถามเพิ่มเติม...”
ในขณะที่การซักประวัติแบบถามคำตอบคำกำลังดำเนิน พันดาวต้องเบี่ยงสายตาหนีไปทางอื่นโดยมีสายตาของอีกฝ่ายจ้องมองเงียบ ๆ เขาตรึงนัยน์ตาคู่ดุเอาไว้ที่เธอ ใบหน้าคมคายเรียบนิ่งจนคาดเดาความคิดความอ่านไม่ถูก
อยู่ ๆ ก็เกิดความเงียบระหว่างผู้ใหญ่สองคน คุณแม่ลูกหนึ่งวางตัวไม่ถูกจึงได้แต่หันรีหันขวางไปมา แต่กระนั้นสายตาเจ้ากรรมดันเห็นสร้อยข้อมือของตนเองที่ตามหาอยู่ตั้งนานสองนานบนข้อมือหนาของอีกฝ่าย
...สร้อยที่มีจี้ตัวอักษรตัวย่อชื่อของเธอ
คืนนั้น อ่า...ซุ่มซ่ามอะไรขนาดนี้นะพันดาว
คนหน้าหวานได้แค่ตีอกชกหัวตนเองอยู่ในใจ ภายในใจว้าวุ่นสับสบเหลือประมาณ กล้ามเนื้อบนใบหน้าเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย ใจเต้นระส่ำด้วยความกลัวราวกลับคนกำลังหนีเพราะมีคดีติดตัว
“กระดูกข้อมือด้านขวาหัก ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่อาจต้องใส่เฝือกดามเอาไว้แล้วนัดติดตามอาการเป็นระยะ”
พันดาวสะดุ้งจนตัวโยนรีบละสายตาจากสร้อยข้อมือของตนเองเมื่ออยู่ ๆ คนที่เงียบอยู่นานเอ่ยพูดขึ้นมากะทันหัน
“อึก...ค่ะ”
“จำเป็นต้องนอนดูอาการสักประมาณสองวัน...เดี๋ยวผมจะส่งน้องขึ้นไปที่หอผู้ป่วยเด็กนะครับ”
“คะ ค่ะ”
เสียงเล็กตอบอึกอักกลับไปแต่กระนั้นก็ยังคงเบนหน้าหนีหลบสายตาของอีกฝ่ายอยู่ดี แม้กระทั่งนายแพทย์หนุ่มก็เดินออกไป พันดาวพ่นลมหายใจพรืดยาวราบกับหลุดพ้น ยังคงไม่กล้าหันไปมอง ความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องยังคงปั่นป่วนไม่หาย
สามปีเศษแล้วหลังจากเรื่องคืนนั้น เขาคนนั้นยังคงเป็นคนแรกและคนเดียวของเธอเสมอ ร่างกายเธอน่วมสลบไปเป็นวัน ๆ กว่าจะกินยาคุมฉุกเฉินก็วันที่สามซึ่งไม่ทันเสียแล้วเมื่อเด็กชายตัวน้อยถือกำเนิดขึ้น ถ้าจะต้องมีคนรับผิดในเรื่องนี้คงไม่พ้นเธอเป็นแน่
หลังจากวันนั้นเธอเลือกที่จะหนีหายไปจากชีวิตของเขาโดยไม่แม้แต่จะร่ำลา ทำเพียงแต่หายไปเสียดื้อ ๆ กลับมาจัดการกับความรู้สึกของตนเองที่ไม่กล้าบอกกับใครแม้กระทั่งครอบครัวของตนเอง กว่าเรื่องจะแดงน้องครามก็ครบหนึ่งเดือนเป็นที่เรียบร้อย
...เธอปอดแหกและขี้กลัวกว่าที่ทุกคนคิด
แต่กระนั้นไม่รู้ว่าเพราะโชคชะตาเล่นตลกหรือฟ้าลิขิตยังไงถึงได้เหวี่ยงให้เธอกับเขาวนกลับมาเจอกันอีกรอบ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอหลีกหนีหลบหลักฐานทุกช่องทางจนมั่นใจว่าไม่มีใครสาวถึงตัวเธอแน่
...ทั้งที่หายไปหลายปีแล้วแท้ ๆ ทำไมถึงได้มีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นกับเราสองคน
ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยประกายความอ่อนโยนจ้องมองแพขนตาของลูกชายตัวน้อยด้วยความเอ็นดูจนอดใจไม่ไหวส่งนิ้วเรียวไปเกลี่ยข้างแก้มใสอย่างแผ่วเบา ปล่อยให้ความคิดค่อย ๆ ตกผลึกอย่างช้า ๆ ไตร่ตรองทบทวนความคิดทุกอย่างอย่างระมัดระวังและมีสติมากที่สุด
ความรู้สึกผิดต่อลูกแล่นวาบขึ้นมา พันดาวได้แต่กลืนความผิดบาปนี้เอาไว้กลับตัวเพียงลำพัง หลังจากวันนี้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คุณพ่อของน้องครามยังคงเป็นบุคคลที่อยู่ในที่ไกลแสนไกลเสมอ
ทว่าสัญชาตญาณกำลังร้องเตือนแปลก ๆ กลัดกลุ่มเสียจนจุกอก ราวกับต้องการย้ำเตือนความจริงที่ว่าเขาคือพ่อของลูกโถมทับลงมาจนรู้สึกเจ็บในอกไปหมด เธอไม่รู้ว่าจะดีใจที่พ่อกับลูกได้เจอกันหรือเสียใจดีที่สุดท้ายแล้วเราก็ต้องกลับไปเป็นคนแปลกหน้ากันดังเดิม
เช้ามานี้พันดาวรู้สึกไม่สดชื่นเหมือนวันก่อน ๆ อาจะเป็นเพราะมีเรื่องให้ต้องคิดมากทั้งคืนประกอบกับต้องลุกขึ้นมาดูอาการลูกชายตัวน้อยเป็นระยะทั้งคืนจนแทบไม่ได้นอน ดวงตาที่เคยสุกใสบัดนี้กลับแดงก่ำซ้ำขอบตายังดำช้ำราวกับหมีแพนด้าก็ไม่ปาน
พันดาวมองหน้าลูกชายที่กำลังหลับอุตุอยู่บนเตียงนอนก็ยิ้มออกมาบาง ๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมหลับในท่านั่งด้วยความอ่อนเพลียจากการพักผ่อนไม่เพียงพอทั้งคืน
แอ๊ด
แกร๊ก!
ขาเรียวสูงสาวเท้าเดินเข้ามาในห้อง บรรยากาศในห้องเงียบเฉียบราวกับไม่มีคนอยู่ กระนั้นก็รู้สาเหตุจริง ๆ ยามเมื่อเห็นคุณแม่หน้าหวานฟุบหลับเฝ้าลูกชายที่หลับอุตุอยู่บนเตียงผู้ป่วย
ภวินทร์สาวเท้าเดินเข้ามาหาคนหน้าหวาน ดวงหน้าละมุนนี้สินะที่ทำเขานอนไม่หลับเพราะเอาแค่ถึงหน้าเจ้าหล่อนวนซ้ำ ๆ ทั้งคืน นัยน์ตาคู่ดุกวาดสำรวจแทบทุกมุมใบหน้าของอีกคน แพขนตายาวและริมฝีปากบางกระจับถูกส่งต่อให้ลูกชายราวกับแกะ
“...อือ”
ร่างสูงละสายตาจากคนหน้าหวานก่อนจะปรายตามองคนไข้ตัวน้อยที่ดูท่าน่าจะกำลังจะตื่น เปลือกตาสีไข่ขยับขยุกขยิกก่อนจะค่อย ๆ เลิกขึ้น แสงสว่างที่เล็ดลอดม่านบาง ๆ เข้ามาทำเอาเด็กน้อยต้องหยีตาอีกครั้ง
“อย่าขยี้ครับ” ภวินทร์เอ่ยห้ามปรามออกมาพร้อมกับคว้ามือป้อมข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกกำลังขยี้ตาตนเองอย่างแรง
“อือ เห...คะ ใคร ฮึก”
เด็กน้อยเมื่อเห็นบุคคลที่ไม่คุ้นตาก็ทำท่าจะคว่ำปากร้องไห้อีกคราแต่กระนั้นเสียงสะอื้นพลันหยุดชะงักไปเมื่อผู้ใหญ่ตรงหน้าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงใจดี
“คุณหมอครับ ว่าแต่...คนนี้ชื่ออะไรน่ะเรา”
“ยุงหมอหยอฮะ” แววตาฉงนปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของเด็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะเอียงศีรษะพร้อมกับเอ่ยถามออกมา
“ใช่ครับ” นายแพทย์ตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัวว่าน้ำเสียงดุ ๆ ของตนเองและแววตาที่ใช้มองเด็กน้อยตรงหน้าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ทั้ง ๆ ที่หน้าที่ของเขาสิ้นสุดแค่ส่งขึ้นไข้ขึ้นหอผู้ป่วย แต่ไม่รู้ทำไมถึงอยากเจอทั้งคู่อีกครั้งจนต้องรีบมาหากันตั้งแต่เช้า ความรู้สึกเหมือนของรักของหวงจะหายไปแล่นปราดเข้ามาทั้งคืนจนน่าหงุดหงิดไม่น้อย
“นี่น้องครามเอง...ลูกหม่ามี๊พันดาวฮะ”
“อ่า...ครับ” และก็เป็นอีกคราที่มีรอยยิ้มมุมปากเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคุณหมอยิ้มยากโดยไม่รู้ตัว
ร่างบางที่กำลังถูกเสียงบางอย่างรบกวนก็คล้ายจะลืมตาตื่นเต็มที กระนั้นความรู้สึกหนักอึ้งบนเปลือกตาทำเอาลืมตาแทบไม่ขึ้น แต่ทว่าไม่ทันจะได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวก็ต้องชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นเหนือศีรษะจึงจำต้องแกล้งหลับไปอีกสักพัก
“แล้วคุณพ่อน้องครามไปไหนครับ”
“หม่ามี๊บอกว่าคุณพ่ออยู่ที่ไกล ๆ ไกลมาก ๆ เลยฮะ”
นายแพทย์มองเด็กน้อยพูดอู้อี้เพราะแก้มกลมถูกซาลาเปาไส้หวานยัดเข้าไปเต็มคำ แววตาสุกสกาวสดใส น้ำเสียงเหมือนพูดกับดินฟ้าอากาศทั่วไป ไม่ปรากฏท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจหรือการประชดประชันใด ๆ ทั้งสิ้น
“แล้ว...อยากเจอพ่อไหม”
“โอะ! อยากฮะ! น้องครามอยากเจอคุณพ่อที่สุดในโลกเลย”