#หลงเมียครั้งที่สอง

1391 คำ
02 #หลงเมียครั้งที่สอง สามปีต่อมา โรงพยาบาลวัชรานุรักษ์ “...จากที่ดูฟิล์ม ตัวเหล็กที่ใส่เข้าไปแทนที่มันมีการเคลื่อนที่ค่อนข้างเยอะ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้คุณลดน้ำตัวลงและมากายภาพให้ตรงตามนัดนะครับ” คุณหมอหนุ่มเพ่งตามองภาพเอกซเรย์ข้อเข่าในมือ หัวคิ้วขมวดกันเป็นปม รู้สึกกังวลไม่น้อยเมื่อผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแลของตนอาการแย่ลง เหตุผลเพราะความดื้อรั้นของเจ้าตัวล้วน ๆ “เอ่อ พี่เองก็ลดอาหารไม่ดีลงไปเยอะ ช่วงกายภาพก็ชนกับธุระด่วนพอดีจึงไม่ค่อยสะดวกมาตามนัดเท่าไหร่น่ะค่ะ” หญิงสาววัยแตะเลขห้าพูดคำโป้ปดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคงสักเท่าไหร่ สายตาก็เฉไฉไปทางนู้นทีทางนี้ทีราวกับคนมีพิรุธ ภวินทร์ก้มลงมองผลเลือดของผู้ป่วยในมือที่เพิ่งเจาะเมื่อเช้าและได้ผลเมื่อสักครู่นี้ มือหนาเลื่อนกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวเลขที่ขึ้นสีแดงมากมายไปตรงหน้าของคุณป้าก่อนจะอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ค่าไขมันดีไม่เพิ่มขึ้นซ้ำยังลดลงกว่าเดิม ค่าไขมันเลวเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ผมมั่นใจว่าในระยะหกเดือนกว่าหากคุณปรับพฤติกรรมจริง ๆ อย่างที่ว่ายังไงค่าไขมันเลวจะต้องลดลงแน่ ๆ” “อึก ค่ะ” เมื่อได้ฟังคำอธิบายของแพทย์ คนไข้ที่แสนดื้อรั้นก็เผยยิ้มแหย ๆ ออกมา ยอมจำนนรับผิดแต่โดยดี “ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตอีกสักเล็กน้อยนะครับ หมั่นกายภาพแต่ไม่หักโหม งดยกของหนัก ที่สำคัญคือคุมอาหารและลดน้ำหนักตัวครับ” ดวงตาคมกริบละสายตามามองจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าก่อนจะรัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์บันทึกและสั่งยาอย่างรวดเร็ว “ผมคอนเซาท์นักกายภาพและนักโภชนาการทีมใหม่ให้เรียบร้อย อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าจะนัดมาติดตามอาการอีกที...มีข้อสักถามตรงไหนไหมครับ” “มะ ไม่มีแล้วค่ะ” คนป่วยส่ายศีรษะพัลวัน เลี่ยงไม่กล้าสบตาคุณหมอกระดูกเจ้าของไข้ “รอรับยาและบัตรนัดกับคุณพยาบาลข้างนอกนะครับ...สวัสดีครับ” ภวินทร์กดกริ่งหน้าห้องตรวจก่อนจะมีเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำแผนกเดินเข้ามาเข็นรถนั่งผู้ป่วยออกไป คล้อยหลังจากที่ผู้ป่วยรายสุดท้ายของวันออกจากห้องไปแล้ว นายแพทย์หนุ่มที่นั่งหลังตรงวางมาดนานอยู่หลายชั่วโมงก็ทิ้งตัวบนพนักพิงหลังทันที ไม่วายส่งนิ้วเรียวออกแรงนวดระหว่างคิ้วที่ขมวดขึงตึงตั้งแต่เช้าเบา ๆ ก๊อก ๆ ๆ “เชิญ” ภวินทร์ปรับท่านั่งให้กลับมาดังเดิมก่อนจะเอ่ยปากอนุญาต พยาบาลสาวในชุดยูนิฟอร์มสีเลือดหมูของโรงพยาบาลเดินเข้ามาในห้อง มือเล็กวางขวดเครื่องดื่มเกลือแร่ลงตรงหน้าคุณหมอรูปหล่อ ก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทีเหนียมอาย “เก้าซื้อน้ำเกลือแร่มาให้ค่ะ...พักหลัง ๆ มานี้เคสผ่าตัดค่อนข้างเยอะเลย เอ่อ...หมอภามอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะ” พูดจบพยาบาลสาวก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที ทิ้งให้นายแพทย์หนุ่มมองตามอย่างงง ๆ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ ตั้งแต่ที่ใช้ชีวิตทำงานมาหลายปี หัวกระไดบ้านไม่เคยแห้งเลยสักครั้ง ไหนจะเพื่อนร่วมงานไหนจะพยาบาลขยันเข้ามาเสนอตัวดูแลเขาไม่ขาด แต่ก็นะ...ยังไม่เจอที่ถูกใจเลยสักคน ก๊อก ๆ ๆ นั่น...ยังพูดไม่ทันขาดคำ สาวน้อยสาวใหญ่แวะเวียนกันมาหาเขาที่ห้องตรวจจนแทบจะไม่มีเป็นของตนเอง แกร๊ก “ภาม...หมดเคสตรวจแล้วใช่ไหม รินมาชวนไปกินข้าวค่ะ” ร่างเพรียวของมาลารินในชุดเดรสสีอ่อนคลุมทับด้วยเสื้อกาวน์สีขาวตัวยาวสาวเท้าเดินเข้ามาในห้อง ดวงหน้าละมุนระบายยิ้มบาง ดวงตาจับจ้องไปที่นายแพทย์หนุ่มที่ตนเองหมายปองไม่วางตา “อื้ม เอาสิ” ภวินทร์คลายมือที่กำลังนวดอยู่ข้างขมับออก ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มสูงและสาวเท้าเดินตามเพื่อนร่วมงานไปติด ๆ ภาพของแพทย์หญิงหน้าตาสละสวยเดินเคียงข้างกับแพทย์หนุ่มดีกรีหมอกระดูกมือหนึ่งของโรงพยาบาล คนหนึ่งหล่อ คนหนึ่งสวย ความเหมาะสมดั่งกิ่งทองใบหยกต่างดึงดูดสายตาหลายคู่ให้จ้องมองตาเป็นมัน ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ภายในร้านเปิดเพิ่งเปิดใหม่ในชั้นใต้ดินของโรงพยาบาล ยังคงมีสายตาหลายคู่จ้องมองมา เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่กระนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้เอามาใส่ใจ “เอ้อภาม...เดี๋ยวนี้ใส่สร้อยข้อมือแล้วเหรอ” มาลารินเอ่ยแซวออกมา มุมปากเจือยิ้มบาง ๆ ดวงตาเฉี่ยวได้รูปเพ่งมองไปที่สร้อยข้อมือสีเงินเพียงชั่วครู่ก่อนจะเบนสายตากลับมาที่ชายหนุ่มตรงหน้าดังเดิม “...” ภวินทร์ชะงักมือที่กำลังถือช้อน ตวัดสายตามองสร้อยสีเงินคล้องร้อยอยู่ที่ข้อมือข้างขวา นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองมันนิ่ง ๆ มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับไป “คล้ายสร้อยข้อมือของผู้หญิงเลย...มีคนให้ภามมาเหรอ” สุดท้ายมาลารินก็เลือกที่จะถามในสิ่งที่ตนอยากรู้ออกไป เธอสังเกตเห็นว่าภวินทร์สวมสร้อยข้อมือนี้มาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว เครื่องประดับที่ผลิตจากแบรนด์นี้สร้างไว้สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ...ใครคือเจ้าของสร้อยข้อมือเส้นนี้กันนะ “พอดีเราเก็บได้น่ะก็เลยเอามาใส่” “...อื้ม ทานต่อเถอะ” เมื่ออีกคนตอบกลับมาด้วยท่าทีสบาย ๆ ราวกับไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนอะไร มาลารินจึงแสร้งยิ้มออกมาบาง ๆ แต่ทว่ายังคงคาใจไม่น้อย เธอชอบของเธอมาตั้งกี่ปี ฉะนั้นคนที่จะได้เป็นเจ้าของนายแพทย์ภวินทร์ต้องเป็นเธอเท่านั้น ทางด้านภวินทร์เมื่อถูกทักเรื่องสร้อยก็เผลอย้อนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ในคราแรกก็เร่งตามหาตัวเจ้าหล่อนแต่ทว่าเบาะแสที่ได้มีเพียงสร้อยข้อมือและภาพจากกล้องวงจรปิดที่แทบจะมองอะไรได้ไม่ชัดเจนเพราะไฟทางเดินแสงไฟที่มืดสลัว ไม่รู้จักชื่อแซ่ แม้กระทั่งหน้าตาของอีกฝ่ายเขาก็จำไม่ได้ คงจะมีเพียงกลิ่นหอมของดอกกุหลาบและความร้อนแรงในคืนนั้นที่ยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำ ตอนแรกก็กระวนกระวายไม่น้อยหากผู้หญิงคนนั้นคิดจะทำอะไรบ้า ๆ ขึ้นมาอย่างเช่นปล่อยให้ตัวเองท้องแล้วบังคับให้เขารับผิดชอบทุกอย่าง แต่ทว่าเวลาก็ล่วงเลยมาจะสามปีแล้ว เธอคนนั้นกลับหายไปจากชีวิตของเขา ไร้ร่องรอย ไร้การติดต่อกลับมา ไร้ซึ่งคำขู่ให้รับผิดชอบ ไม่มีหลักฐานชิ้นไหนเลยที่เป็นเครื่องยืนยันความสัมพันธ์เร่าร้อนของเราทั้งคู่ว่าเคยเกิดขึ้นจริง ๆ กระนั้นกลับกลายเป็นเขาซะเองที่เริ่มนั่งไม่ติดที่เพราะเอาแต่เฝ้าคิดถึงกายนุ่มนิ่มและกลิ่นหอมจาง ๆ วนซ้ำไปซ้ำมาจนไม่สามารถไปหลับนอนกับผู้หญิงคนไหนได้อีก มาลารินเมื่อเห็นว่าภวินทร์นิ่งเงียบไปก็เงยหน้าขึ้นมามอง อีกฝ่ายเอาแต่จ้องมองสร้อยเส้นนั้นไม่วางตา นิ้วเรียวก็คอยลูบสัมผัสไปที่จี้ตัวอักษรที่ห้อยอยู่ไม่ละออกไปสักนาทีเดียว “...าม ภาม!” มาลารินเรียกคนที่เอาแต่นั่งเหม่อเสียงดังก่อนเจ้าของชื่อจะรีบดึงสติกลับมา “หืม...มีอะไรเหรอ” “เหม่ออะไรคะ...มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” “เปล่า...ทานต่อเถอะ” ภวินทร์ละสายตาออกจากสร้อยข้อมือเจ้าปัญหาก่อนจะลงมือรับประทานอาหารต่อ ใบหน้ายังคงฉาบด้วยความเรียบนิ่งดังเดิมทว่าในใจกลับร้อนรุ่ม ในหัวสมองเอาแต่นึกถึงเจ้าของสร้อยเส้นนี้วนไปมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม