“ถึงแล้ว”
เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อรถขับมาจอดเทียบฟุตพาทที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง กานต์มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นว่าเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่
อันที่จริง...ก็ไม่ได้ใหญ่นักหรอกสำหรับออสติน เขามีบ้านที่หลังใหญ่กว่านี้อีกหลายหลัง หลังที่พากานต์มาอยู่เรียกได้ว่าเป็นหลังเล็กที่สุดแล้ว
“โทษทีนะที่พามาอยู่บ้านหลังเล็ก ฉันเห็นว่ามันใกล้กับโรงเรียนใหม่ของเธอ เลยให้มาอยู่ที่นี่”
ชายหนุ่มว่าพลางทอดสายตามองไปทางบ้านหลังนั้นด้วย ทำเอากานต์รีบหันมาส่ายศีรษะให้กับเขา
“ไม่เล็กเลยครับ ใหญ่มาก ใหญ่กว่าบ้านยายของผมเยอะเลย”
เขาว่าไปตามความจริง มองจากสายตาแล้ว สนามหญ้าหน้าบ้านน่าจะกว้างกว่าตัวบ้านของยายเขาด้วยซ้ำ แล้วราคาก็น่าจะแพงหูฉี่ด้วย นี่มันหมู่บ้านจัดสรรในละแวกแมนฮัตตันที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งธุรกิจเลยนี่นา ขนาดแมนชั่นยังแพง แล้วประสาอะไรกับบ้านเป็นหลังๆ กันล่ะ
“งั้นเหรอ” ออสตินครางรับเสียงแผ่ว “ถ้างั้นก็ไปเอากระเป๋าเถอะ ฉันจะได้พาเธอไปดูข้างในบ้าน”
พูดจบ กานต์ก็ไม่รอช้า ลงจากรถไปคว้ากระเป๋าออกจากท้ายรถ ลากเข้าบ้านตามหลังออสตินไป
ภายนอกบ้านก็ว่าใหญ่แล้ว พอเปิดประตูเข้าไป ภายในกลับใหญ่กว่า มิหนำซ้ำยังตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เข้าเซตกันเป็นอย่างดี ทำเอากานต์ที่อยู่บ้านปูนชั้นเดียวในต่างจังหวัดมาโดยตลอดถึงกับอ้าปากค้าง มองนั่น สำรวจนี่ด้วยความสนใจ
“ห้องของเธออยู่ชั้นบน” ออสตินทำลายความเงียบ “ห้องฉันก็อยู่ข้างๆ เธอ ที่ชั้นบนมีห้องน้ำอยู่อีกห้อง” เขาเสริมขึ้นมาอีก
พอกานต์หันไปมอง ออสตินก็ชี้นิ้วไปทางห้องหนึ่งที่อยู่หลังบ้าน
“ห้องที่ถัดจากห้องนั่งเล่นเป็นห้องครัว ตรงนั้นห้องน้ำ ถ้าจะซักผ้าก็ห้องนี้ ปกติแล้วแม่เธอจะเป็นคนทำความสะอาดที่นี่ แต่พอแม่เธอประสบอุบัติเหตุ ฉันก็เลยไม่ได้มาอยู่พักใหญ่ อาจจะมีฝุ่นสักหน่อย แต่ฉันให้แม่บ้านมาทำความสะอาดให้เมื่อเช้าแล้ว”
กานต์พยักหน้า
บ้านหลังนี้...แม่ก็เคยอยู่เหรอ?
“ห้องที่เธอนอนคือห้องของแม่เธอ”
ออสตินพูดราวกับรู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคิดอะไร แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไร ออสตินก็สรุปรวบรัด
“เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บแล้วอาบน้ำพักผ่อนให้เรียบร้อย มื้อเย็นค่อยลงมาร่วมโต๊ะกับฉัน วันนี้ฉันจะเลี้ยงต้อนรับเธอ สักหกโมงเย็นค่อยลงมา”
“ครับ” กานต์ว่าเสียงแผ่ว ในใจรู้สึกประหลาดอยู่ไม่น้อยที่พ่อเลี้ยงมาเลี้ยงต้อนรับเขาในวันที่แม่ไม่อยู่
ถ้าเขาได้เจอกับออสตินในวันที่แม่มีชีวิตอยู่ มันน่าจะดีกว่านี้...
แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก้าวขึ้นไปยังชั้นบน ทำตามที่ออสตินบอก ภายในห้องนั้นที่ออสตินบอกว่าเป็นห้องเดิมของแม่เขา ตอนนี้มันไม่มีข้าวของเครื่องใช้ของมารดาเขาอยู่แล้ว ห้องถูกจัดเก็บทำความสะอาดใหม่ทั้งหมด ที่หลงเหลืออยู่ก็จะมีแค่รูปถ่ายต่างหน้าที่มารดาเขาพกติดตัวมาด้วย
มันเป็นรูปของเธอในวัยสาวที่อุ้มลูกชายวัยกระเตาะไว้ในอ้อมแขน กานต์เดินไปหยิบกรอบรูปที่วางอยู่บนชั้นขึ้นมาดู พลันความคิดถึงก็แผ่กำจาย ก่อนที่จะวางรูปนั้นลงที่เดิมเมื่อตระหนักขึ้นมาได้ว่าผู้ชายที่อยู่ข้างล่างสั่งให้เขาทำอะไร
เพราะเดินทางอย่างยาวนานทำให้เด็กหนุ่มเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะลุกขึ้นไปจัดข้าวของ เขาทำได้แค่เตรียมเสื้อผ้าไปอาบน้ำแล้วก็กลับมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียง ก่อนจะผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เลยเวลามื้อเย็นแล้ว
กานต์กระเด้งตัวผึง ตกใจอยู่ไม่น้อยที่มาตื่นเอาในเวลานี้ เขาพอจะรู้อยู่บ้างว่าคนอเมริกันค่อนข้างจริงจังกับเรื่องเวลา การที่เขาผิดนัดเป็นเรื่องที่เสียมารยาทเป็นอย่างมาก และมันก็เสียมารยาทสุดๆ ไปเลยสำหรับผู้มีพระคุณอย่างออสติน
เด็กหนุ่มหุนหันออกจากห้อง รีบลงไปที่ชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ก่อนจะต้องชะงักขาเมื่อเห็นว่าออสตินนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา สายตาจับจ้องอยู่ยังหน้าจอโน้ตบุ๊กที่วางบนตัก
“ตื่นแล้วเหรอ”
อีกฝ่ายรับรู้ถึงการมาของกานต์ ก่อนจะเบนหน้าหันไปถาม ตอนนี้เขาไม่ได้ใส่สูทแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในชุดเดิม เพียงแต่ไม่ได้สวมเนกไทและสูท มีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ปลดกระดุมสองสามเม็ดกับกางเกงสแล็กส์ที่สวมอยู่เท่านั้น
ดูอย่างไรก็มีเสน่ห์...
แต่ไม่ใช่เวลาที่กานต์จะมาชื่นชม
“ขอโทษครับ พอดีผมผล็อยหลับไป”
อันดับแรกเลยต้องขอโทษ จิตใต้สำนึกของกานต์บอกว่าอย่างนั้น
“ฉันรู้แล้ว เห็นอยู่” ออสตินว่า “ฉันขึ้นไปเรียกเธอที่ห้องมา แต่เห็นเธอหลับอยู่ก็เลยปล่อยให้นอน”
กานต์ได้ยินแล้วก็นิ่ง ขณะที่อีกฝ่ายยิ้มขึ้นมาบางๆ
“เตียงนอนสบายดีไหม”
ไม่รู้จะตอบยังไงก็เลยได้แต่พยักหน้า “สบายครับ”
“ฉันเพิ่งไปซื้อมาเปลี่ยนให้เธอเมื่อวานนี้เอง ฟูกเก่ามันมีกลิ่นอับ” ออสตินว่าสบายๆ ยกโน้ตบุ๊กจากตักไปวางบนโต๊ะกระจกข้างหน้าแล้วลุกขึ้นยืน “หิวหรือยัง ฉันจะได้ไปเตรียมอาหาร”
กานต์พยักหน้า ไม่หิวก็ต้องหิวแล้วล่ะ นี่จะสองทุ่มอยู่แล้ว
“งั้นไปนั่งรอในครัว ฉันก็หิวแล้ว”
เด็กหนุ่มเดินไปตามคำสั่ง ขณะที่ออสตินเองก็เข้าไปในครัวเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ตรงไปนั่งที่เก้าอี้ เดินไปคว้าผ้ากันเปื้อนสีดำมาสวม ถลกแขนเสื้อขึ้นสูง จากนั้นก็เดินไปเปิดตู้เย็น คว้าเอาวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารออกมา จากนั้นก็สาละวนกับการทำอาหารโดยปล่อยให้ลูกเลี้ยงได้แต่นั่งมอง
ผู้ชายคนนี้นอกจากจะมีเสน่ห์มากๆ แล้ว ยังจะใจดีอีก แล้วที่เป็นเจ้าของบริษัทหลักทรัพย์ นั่นก็คงเพราะเก่งน่าดู
เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมไปทุกด้าน แถมอันตรายต่อใจคนมองจริงๆ...