มิลินไม่เห็นด้วยแย้ง เธอเคยว่ายน้ำได้นานกว่านี้ หากเพื่อนชายของภูมิไม่มาป่วน
ถึงจะเป็นเด็กมิลินก็พอเข้าใจ ลุงคนนั้นไม่พอใจและคงทะเลาะกับปะป๋า
“ลงไหมล่ะ ฉันจะลงเป็นเพื่อนเธอเอง”
เอเดนพูดแทรกท่าทางขึงขัง
“อิอิ แน่ใจเหรอคะเอเดน” มิลินหัวเราะคิก ยกมือขึ้นชูสูงๆ แถมทำท่าจะโถมเข้าใส่อ้อมอกของชายแปลกหน้า ภูมิถึงกับเหงื่อตก สายสัมพันธ์ที่มองไม่เห็นดึงดูดคนทั้งคู่เข้าหากันไวอย่างเหลือเชื่อ มิลินไม่ใช่เด็กที่ไว้ใจคนแปลกหน้าได้ในช่วงเวลาสั้นๆ กับอเนกยังใช้เวลาหลายเดือนกว่ามิลินจะว่างใจ
แต่กลับผู้ชายตรงหน้า ไม่ถึงชั่วโมงที่คนทั้งคู่ได้เจอกัน มิลินไว้วางใจและยอมสนิทด้วยเกินกว่าเอนกที่รู้จักมาหลายปีเสียอีก
มิลินไม่รังเกียจการสัมผัสของคนแปลกหน้า ใกล้ชิดขนาดยอมให้อยู่ใกล้
ภูมิครางในอก หากมิลารู้เรื่องนี้เขา เพื่อนของเธอคงจิตตก และระแวงมากขึ้น
“แน่ใจสิ ฉันใส่ชุดว่ายน้ำเพื่อมาว่ายน้ำนี่ ไม่ได้ใส่มาโชว์สาว” ชายหนุ่มกล่าวเสียงขึงขัง เขาสลัดเสื้อคลุมกองไว้ข้างตัว ยกแขนขึ้นและกำหมัดจนกล้ามแขนขึ้นเป็นลูก
“เอเดนกำลังทำให้ปะป๋ามิลินน้ำลายหกค่ะ”
เมื่อชายหนุ่มหันมามองที่ผู้ปกครองเด็กหญิง ภูมินั่งมองเขาตาค้าง ท่าทางเหมือนที่มิลินพูดไว้ไม่ผิด เอเดนหรี่เปลือกตาลง สัญชาตญาณบางอย่างเตือนเขา ผู้ชายตรงหน้ามีบางอย่างผิดปกติ ท่าทางแบบนี้เหมือนกับ ชายตรงหน้ามีรสนิยมชอบ...ผู้ชาย
ภูมิเสหลบตา เขาคงบ้าไปแล้วแน่ๆ
ในขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ค่อนข้างสุ่มเสี่ยง
เขาดันหลงใหลไปกับพลังงานทางเพศที่ล้นเหลือของชายตรงหน้า และเผลอแสดงความชอบออกมาจนแม้แต่เด็กอย่างมิลินยังจับได้ แล้วชายผู้ฉลาดปานอัลเบิร์ต ไอน์ไตน์คนนี้จะไม่ฉุกใจบ้างเชียวหรือ
“...” เอเดนไหวไหล่ไม่ได้พูดออกมา เขาคิดในใจ และมีข้อสงสัยร้อยแปด
แต่นั่นไม่สำคัญ เขาสืบเอาเองที่หลังได้ ตอนที่สิ่งที่สำคัญสุด และน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาหายเบื่อ
คือรอยยิ้มสดใสของเด็กหญิงตรงหน้านั่นเอง
“ไปเถอะ...ห่วงยางนั่นไม่เหมาะกับเธอเลย วันนี้เธอน่าจะลอยคอในสระได้ แทนการใช้ห่วงยางนั่นด้วย”
“มิลินกลัวจมอะค่ะ”
มิลินหมดความสนใจภูมิ เด็กหญิงเดินจูงมือกับผู้ชายแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักไม่ทันครบหนึ่งชั่วโมง ปล่อยให้ภูมินั่งตาค้างอยู่ที่เดิม
ในสระสองคนที่เพิ่งรู้จักกันหัวเราะใส่กันไม่หยุด
แต่คนที่นั่งอยู่ขอบสระ รู้สึกเหมือนนั่งอยู่กลางกองไฟ เขาควรทำแบบไหนดี ทำอย่างไรให้สองคนนี่อยู่ห่างๆ กัน การพามิลินมาหัดว่ายน้ำที่สระของคอนนอร์เทรด คือสถานที่อันตรายไปเสียแล้ว และเขาจะอธิบายอย่างไรให้เด็กฉลาดอย่างมิลินไม่สงสัย ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะชายผู้นี้ปรากฏตัว ที่สำคัญหากเขาปริปากบอกมิลา เพื่อนของเขาคงรู้สึกไม่ต่างอะไรกับการตกลงไปในเหวลึก ที่น่ากลัว
ตืดดดดดดดด...
โทรศัพท์สั่นเตือน ภูมิยื่นมือสั่นระริกไปกดรับ เขาพยายามสงบใจให้เป็นปกติ มิลารู้เรื่องที่เกิดขึ้นแบบบังเอิญตอนนี้ไม่ได้
“ยัยหนูเป็นไงบ้างภูมิ”
งานติดพันและปลีกตัวไม่ได้จริงๆ แต่มิลาก็ไม่วายเป็นห่วงบุตรสาว
“อยู่ในสระสิ กำลังสนุกเชียว”
“เหรอ แสดงว่าชอบ คงต้องพามาบ่อยๆ จะได้น้ำหนักลงบ้าง” เพราะเป็นเด็กชอบกิน มิลินเลยอ้วนท้วนจ้ำม่ำ เด็กแข็งแรงใครๆ ก็ชอบ แต่มันเป็นปัญหาระยะยาว ผู้หญิงไม่ชอบให้ตนเองมีไขมันส่วนเกิน มิลินตอนที่เป็นสาวก็คงไม่ชอบเช่นกัน ดังนั้นการรีดไขมันไว้แต่เนิ่นๆ น่าจะเป็นการดี
ภูมิเหมือนน้ำท่วมปาก เขากระอึกกระอัก แต่โชคดีที่มิลาไม่ได้อยู่ตรงหน้า เพื่อนของเขาเลยยังไม่รู้ถึงความลำบากใจที่ภูมิกำลังเผชิญหน้าอยู่
“ยัยหนูอยู่กับใคร เนกมาด้วยเหรอ”
มิลาถาม แล้วก็ตอบเองเสร็จสรรพ ภูมิแอบผ่อนลมหายใจ เขามองภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสับสน ชายตัวใหญ่กำลังหัดให้หลานสาวเขาพยุงตัวเองในน้ำ โดยไม่ใช่ห่างยางเป็ดสีเหลืองอ๋อย ท่าทางขมีขมันของมิลิน เด็กหญิงเกาะบ่ากว้างไว้และใช้ปลายเท้ากระทุ่มน้ำแรงๆ เอเดนหมุนตัวเป็นวงกลม เขายิ้มจนตาหยี แถมหัวเราะเสียงดังลั่น ชายหนุ่มคงไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังตกเป็นเป้าสายตา ผู้หญิงที่อยู่ในบริเวณนี้มองเขาเป็นตาเดียว แต่เอเดนไม่สนใจ เขาโฟกัสที่มิลินเท่านั้น
“อืม...ไม่กวนแล้ว ปล่อยให้ออกแรงๆ เยอะกลับบ้านคงหิวโซ ฉันไม่แวะเข้าไปนะ จะเลยไปตลาด หาซื้อของโปรดไปฝากยัยหนูดีกว่า”
มิลามองงานตรงหน้าสลับกับการคำนวณในใจ
งานเหลืออีกไม่เท่าไหร่ และหากเสร็จงาน เธอควรรีบกลับไปเตรียมอาหารโปรดรอบุตรสาว เพราะต่อให้ไปที่สระ เธอก็ทำได้แค่มอง เพราะไม่ได้เตรียมชุดว่ายน้ำมาด้วย
ภูมิผ่อนลมหายใจออกมาจากช่องท้องยาวเหยียด เขายกมือกุมข้างขมับ ไม่รู้ว่าตนเองจะปิดบังเพื่อนได้อีกนานแค่ไหน ชายหนุ่มได้แต่หวังว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ คนที่งานรัดตัวแบบเอเดน เขาไม่น่าจะมีเวลาว่างเหลือเฟือ นี่จะเป็นครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายที่คนแปลกหน้าสองคนจะมาเจอะเจอกัน
“สัญญากับปะป๋าได้ไหมมิลิน เรื่องเอเดนมิลินจะไม่บอกแม่จ๋า”
ก่อนที่จะเข้าบ้านภูมิตัดสินใจชี้นำหลานสาว เรื่องนี้ต้องไม่เข้าหูมิลาเด็ดขาด แค่การปรากฏตัวของเอเดน มิลาก็จิตตกไปหลายวัน หากรู้ว่ามิลินกับชายผู้นั้นเจอกันแล้ว มิลาจะเป็นอย่างไร คงทุรนทุรายแทบบ้าทีเดียว
“ทำไมล่ะคะ เอเดนเป็นคนดีนะ ไม่ใช่คนร้าย”
มิลาเลี้ยงบุตรสาวให้มีเหตุผล หากมิลินติดใจเด็กหญิงจะไม่ปล่อยผ่าน จะถามจนความสงสัยในใจคลี่คลายลง
“แม่จ๋าคงไม่พอใจหากรู้ว่ามิลินฝ่าฝืนคำสั่ง จำไม่ได้เหรอคะ แม่จ๋าสอนไว้ว่ายังไง”
ภูมิพยายามเกลี้ยกล่อมสุดฤทธิ์
มิลินย่นจมูก ยกมือกอดอก เอเดนคือคนแปลกหน้าที่เธอไม่ควรพูดหรือคุยด้วย ไม่ควรรับเครื่องดื่มหรือกินอาหารที่เขาให้ นั่นเป็นคำสอนของมารดาที่ย้ำเป็นประจำ คนแปลกหน้าคือต้นเหตุของอันตรายที่เป็นภัยกับเธอเอง
“ก็ได้ค่ะ รอให้นานกว่านี้ก่อน มิลินค่อยให้แม่จ๋ากับเอเดนรู้จักกัน ยังไงเอเดนกับมิลินก็เป็นเพื่อนกันแล้ว”
ภูมิยิ้มแหยๆ หลานสาวของเขาวางใจชายคนนั้นในเวลาอันรวดเร็ว
สายสัมพันธ์ที่มองไม่เห็นผูกพันคนสองคนไว้แล้วหรือ ภูมิได้แต่ถามตัวเอง เขาไม่กล้าที่จะหาคำตอบ เพราะกลัวเหลือเกิน
“อุ้ย กลิ่นกุ้งทอดนี่คะ แม่จ๋าทำกุ้งทอดให้มิลินแน่ๆ เลย”
กลิ่นหอมลอยมาในอากาศ และคนจมูกดีก็ได้กลิ่นเข้า มิลินตะเกียกตะกายเตรียมลงจากรถยนต์
“สัญญากับปะป๋าก่อนว่าจะไม่บอกให้แม่จ๋ารู้เรื่อง...เอเดน” ภูมิย้ำ
มิลินพยักหน้ารัวๆ แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ภูมิคอตก ความลับนี่ เขาจะเก็บไว้ได้นานแค่ไหน หากมิลารู้เข้า คงเหมือนวันโลกแตกของเธอ
เอเดนมองรูปที่การ์ดเขาถ่ายเก็บไว้ เขารู้ดีว่าภาพพวกนี้จะถูกส่งต่อไปที่ใคร ต่อให้ไกลตามารดา ท่านก็ยังพยายามสอดส่องเขาตลอด มีเรียมเป็นคนคอยเก็บกวาดปัญหากวนใจเขา เรื่องผู้หญิง แต่ไม่คิดว่าเด็กสี่ขวบก็ไม่เว้น
“แม่ฉันสั่งเหรอไง” ชายหนุ่มถาม
“ครับ”
“เด็กนะ ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีนมโตๆ สักหน่อย”
ลูคัสอมยิ้ม หากเป็นผู้หญิงสาวสวยเขาคงส่งให้มาดามมีเรียมแล้ว ไม่มีทางให้เจ้านายหนุ่มจับได้ แต่เพราะเขาประมาทเอเดนเกินไป เผลอแปบเดียวโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาก็ไปอยู่ในมือของเจ้านายหนุ่มเสียแล้ว
“คุณหนูมิลินก็เป็นผู้หญิงนะครับ”
“ประสาท ฉันไม่ได้มีรสนิยมชอบเด็กเสียหน่อย” เอเดนบ่นอุบ
เด็กอายุไม่ถึงห้าปี เขาจะไปพิศวาสเด็กแบบนั้นได้ยังไง เขาแค่เอ็นดูมิลินแค่นั้น
“คุณไม่เคยสนใจเด็กนี่ครับ นี่เป็นครั้งแรก”
เอเดนไหวไหล่ ไม่รู้สิ สำหรับมิลินเขารู้สึกแปลกๆ กับเด็กนั่น
“ฉันอาจจะอยากมีลูกก็ได้ เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ แม่ฉันอยากให้ฉันมีครอบครัวนานแล้วนี่” เอเดนแถจนสีข้างแทบถลอก
ลูคัสเผลอหัวเราะ “เจ้านายไม่อยากแต่งงานนี่ครับ”
นั่นคือความจริง เอเดนหวงความโสดอย่างหนัก เขาไม่อยากถูกควบคุมด้วยพันธะทางกฎหมาย จนทำให้ตนเองขาดอิสรภาพ
“เสือกรู้อีก”