บทที่ 5 มาลัยเสี่ยงรัก EP.2

1202 คำ
“ไอ้ภาม เมื่อกี้บนเวทีอย่านึกว่าฉันไม่เห็น” กรวิชญ์ที่ยืนอยู่บนเวทีถัดจากภีมวัจน์พูดยิ้มๆ แล้วยกแก้วเหล้าที่เพิ่งรับมาจากบริกรขึ้นจิบ “เห็นก็เห็นแล้วทำไมฉันต้องนึกด้วยล่ะ” คนเป็นเพื่อนตอบน้ำเสียงเอื่อยๆ พลางยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มรวดเดียวหมด นัยน์ตาคมมองไปทางหน้าเวทีที่เวลานี้มีบรรดาหญิงสาวทั้งหลายกรูกันไปยืนออกันอยู่เป็นวงกว้างอย่างเห็นขัน ก่อนจะเบือนสายตาไปบนเวทีที่เจ้าของร่างระหงยังยืนอยู่กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว ทำให้อดนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้ ร่างนุ่มนิ่มที่มีโอกาสได้สัมผัสแม้จะเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็สร้างความรู้สึกวาบวามได้ไม่น้อย กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยมาจากร่างของเธออีกล่ะ ภีมวัจน์ไม่เคยอยู่ใกล้ผู้หญิงคนไหนแล้วเกิดความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน นี่ขนาดอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ถ้าอยู่ในที่ลับตาคนล่ะอะไรจะเกิดขึ้น! ดวงตาวาววับที่มองมายังเขาอย่างขุ่นเคืองนั่นอีกล่ะ ช่างเป็นผู้หญิงที่นอกจากหน้าตาจะสวยประหลาดแล้วยังมีท่าทีไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนอีก เพราะคงจะมีผู้หญิงน้อยคนนักที่จะแสดงท่าทีเช่นนี้ใส่เขา “แกเป็นอะไรมากหรือเปล่าวะ ยิ้มคนเดียวก็ได้” กรวิชญ์ถามพลางมองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย “เฮ้ย”คนถูกถามยังไม่ทันตอบก็ร้องอุทานด้วยความตกใจ เพราะจู่ๆ มาลัยพวงงามที่ถูกโยนมาจากเจ้าสาวและควรจะตกอยู่หน้าเวที กลับลอยละลิ่วตกลงมาบนแก้วเหล้าที่ถือในมือซ้ายแม่นอย่างกับถูกใครจับวาง เรียกเสียงฮือฮาจากคนรอบข้างที่พากันหันมามอง เพราะคนที่ได้มาลัยพวงงามเป็นหนุ่มในฝันของสาวๆ อย่างภีมวัจน์ “มาได้ไงวะ อุตส่าห์ยืนอยู่ตั้งไกล” คนได้มาลัยบ่นพึมพำ ไม่ได้มีทีท่าดีอกดีใจแต่อย่างใด “นั่นสิวะ สงสัยแกจะเป็นคนต่อไปที่จะได้แต่งงานต่อจากไอ้กันต์แล้วมั้งไอ้ภาม” กรวิชญ์พูดกระเซ้าเสียงกลั้วหัวเราะ “แกอย่าพูดเรื่องไร้สาระ” คนได้มาลัยโต้เสียงขุ่น “เออ แล้วฉันจะคอยดู แต่ตอนนี้แกคงต้องขึ้นไปให้สัมภาษณ์บนเวทีแล้วว่ะ คุณพิธีกรคนสวยประกาศเรียกอยู่โน่น” คนได้พวงมาลัยเดินขึ้นไปบนเวทีอีกครั้งด้วยความเต็มใจ ทว่าด้วยเหตุผลอื่น ไม่ใช่เพราะมาลัยที่ถืออยู่ในมืออย่างแน่นอน เพราะคนอย่างเขาไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เสียงปรบมือดังกึกก้องขึ้นเมื่อร่างสูงสง่าของนักธุรกิจหนุ่มสุดหล่อ เจ้าของฉายาที่สาวๆ พากันตั้งให้ว่าหล่อสามโลกหรือผู้ชายที่สาวๆ อยากร่วมฝันด้วยขึ้นไปยืนบนเวทีอีกครั้ง ในฐานะคนที่ได้รับมาลัยเสี่ยงรักจากผู้เป็นเจ้าสาว ซึ่งต่างจากความรู้สึกของพิธีกรสาวที่แอบก่นด่าคนได้อยู่ในใจด้วยความหมั่นไส้ ทำไมจะต้องให้ผู้ชายคนนี้ได้ด้วยนะ ทั้งๆ ที่คนอยากได้มีตั้งเยอะตั้งแยะ เห็นบรรดาผู้หญิงต่างพากันไปยืนอออยู่หน้าเวที แต่กลับต้องผิดหวัง ผิดกับผู้ชายคนนี้ที่เธอเห็นเขาไปยืนอยู่เสียห่างเชียวแต่ดันได้เฉยเลย โลกหนอโลกนอกจากจะกลมจนเกลี้ยงแล้วยังจะลำเอียงจนเห็นได้ชัดอีก แล้วเหตุไฉนสายตาของเธอตามไปมองดูเขาตั้งแต่เมื่อไรกันล่ะนี่ รสิกาตั้งคำถามอย่างไม่เข้าใจตัวเอง “ตกลงจะสัมภาษณ์ผมหรือเปล่าครับคุณพิธีกร” คนได้มาลัยโดยไม่ได้ตั้งใจถามพร้อมกับอมยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก จงใจให้คนตรงหน้าเห็นเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะไม่นานก็ทำหน้านิ่งดุจเดิม รอยยิ้มที่แม้จะเห็นเพียงแวบเดียวก็ตาม ทว่าก็ทำให้สมองของคนมองเริ่มมึนงงระคนสับสน แล้วยังคำถามที่ฉายแววยั่วเย้าในน้ำเสียงนั่นอีกล่ะ จนต้องตะโกนก้องถามตัวเองอยู่ในใจ ตกลงผู้ชายคนนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่! แต่เพราะภาระหน้าที่ที่ยังไม่เสร็จสิ้น ทำให้รสิกาปรับสีหน้าและท่าทางให้เป็นปกติโดยเร็ว “แขกผู้มีเกียรติคะตอนนี้เราก็ได้ผู้โชคดีที่ได้รับมาลัยเสี่ยงรักจากเจ้าสาวกันแล้วนะคะ และก็เป็นเรื่องที่ผิดความคาดหมาย เพราะแทนที่จะเป็นสุภาพสตรีอย่างเคยกลับเป็นสุภาพบุรุษ ขอทราบชื่อหน่อยค่ะ” คำถามของพิธีกรสาวทำให้คนถูกถามหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ตกลงเธอไม่รู้จักเขาเลยหรือไงนะ แต่ก็จำต้องตอบน้ำเสียงนิ่งๆ ออกไป “ภีมวัจน์ครับ” ชื่อที่ได้ยินทำให้รสิกาเบิกตาโตขึ้น ผู้ชายคนนี้เองหรือที่เพื่อนสนิทของเธอคลั่งไคล้ อะไรจะช่างบังเอิญขนาดนี้ เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนเธอได้ยินชื่อครั้งแรกถึงคุ้นเคยนัก ที่แท้เป็นเพราะนามบัตรที่เขาให้ไว้นั่นเอง ไม่นึกว่าจะเป็นคนคนเดียวกันไปได้ เบื่อทฤษฎีโลกกลมจริงๆ แต่ก็นะเมื่อความหมั่นไส้บังเกิดรสิกาก็ขอแขวะแบบเนียนๆ หน่อยเหอะ “แขกผู้มีเกียรติทุกท่านคงอยากทราบกันแล้วนะคะว่า คุณภีมวัจน์ เจ้าของฉายาหล่อสามโลกที่สาวๆ ตั้งให้ จะมีความรู้สึกอย่างไรกับการได้รับพวงมาลัยเสี่ยงรัก ที่หลายคนเชื่อว่าผู้ใดได้รับสิ่งนี้จากเจ้าสาวจะได้แต่งงานเป็นรายต่อไป” เสียงกรี๊ดกร๊าดที่ดังขึ้นยืนยันได้เป็นอย่างดีถึงความฮอตของเจ้าของนามภีมวัจน์ เจ้าของฉายาหล่อสามโลกมองคนพูดแล้วอยากจะจับตัวมาเขย่านัก ทีฉายาที่เขาไม่เคยยอมรับหรือรับรู้ด้วยเจ้าหล่อนดันรู้ แต่ชื่อของเขากลับไม่รู้จัก มันน่านัก! “สำหรับผมไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว” น้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่ยี่หระของคนพูดยิ่งเพิ่มความหมั่นไส้ให้คนสัมภาษณ์มากขึ้นเป็นลำดับ “แต่เท่าที่ทราบมา คนได้รับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวที่แม้งานนี้จะเปลี่ยนเป็นพวงมาลัยก็ตาม ส่วนใหญ่มักจะได้แต่งงานหลังจากนั้นนะคะ” “คนที่ได้รับแล้วแต่งงานอาจเป็นเพราะความตั้งใจเดิมอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับการได้รับดอกไม้” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบสนิท “ลองคิดดูนะครับว่าถ้าพวงมาลัยที่ถูกโยนจากเจ้าสาว เกิดตกไปอยู่ที่ผู้สูงอายุที่ไม่ได้ไปยืนอออยู่หน้าเวที เหมือนที่ผมเองก็ไม่ได้ไปยืนเช่นกัน แล้วคุณคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ไหมล่ะครับ” คำตอบของเขาเรียกเสียงปรบมืออย่างถูกอกถูกใจจากคนฟัง แต่คนถามกลับอึ้งไปไหนไม่ถูก แม้จะเป็นความจริงอย่างที่อีกฝ่ายพูดออกมาก็เถอะ แต่นั่นมันเป็นเรื่องที่เขาสมมุติขึ้นมาไม่ใช่หรือ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม