“ขอต้อนรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวพร้อมด้วยเพื่อนๆ ทั้งสองฝ่ายด้วยค่ะ”
คนรับหน้าที่เป็นพิธีกรจำเป็นกล่าวต้อนรับขบวนเจ้าบ่าวเจ้าสาวพร้อมรอยยิ้มกว้าง พลางนึกในใจว่าดีนะที่เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวมีแค่สองคู่ เพราะบางงานมีเป็นโขยง ทว่ารอยยิ้มของรสิกาก็ค่อยๆ หุบลงแล้วเปลี่ยนอาการเป็นตกใจขึ้นมาแทนที่ เมื่อเห็นเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวที่เดินขึ้นมาบนเวทีเป็นคู่สุดท้าย คนที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวนั้นเธอรู้แล้วว่าเป็นนางเอกละครชื่อดัง น้ำผึ้ง ลัลริน
แต่คนที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนี่สิ! คือผู้ชายที่ขับรถเฉี่ยวเธอ และที่สำคัญใบหน้าของเขาเหมือนพระเอกนิยายในจินตนาการของเธอ แม้จะพยายามบอกกับตัวเองว่าไม่ใช่ก็ตาม
“ท่านชายก้อง”
โลกหนอโลก ทำไมถึงได้กลมเกลี้ยงจนทำให้เธอกับเขามาเจอกันอีกจนได้ ไม่นึกเลยว่าสิ่งที่เธอกลัวจะกลายเป็นจริงขึ้นมา
ไม่รู้ว่าตาเธอฝาดไปหรือเปล่า ที่เห็นรอยยิ้มถูกส่งมาจากดวงหน้าหล่อแบบโบร่ำโบราณนั่น แต่ครั้นมองกลับไปอีกทีก็ไม่เห็นแล้วหรือจะตาฝาดไปจริงๆ
ขณะที่ความคิดกำลังอยู่ในช่วงเตลิดเปิดเปิงอยู่นั้น เสียงปรบมือที่ดังขึ้นก็ช่วยเรียกสติของหญิงสาวให้กลับคืนมาในฉับพลัน จำต้องรีบข่มความรู้สึกดังกล่าวลง และทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปตามกำหนดการต่างๆ ที่ท่องไว้จนขึ้นใจ
ตั้งแต่เชิญญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือของเจ้าบ่าวขึ้นมาคล้องมาลัยมงคลให้คู่บ่าวสาวพร้อมทั้งกล่าวคำอวยพร
จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของบิดามารดารวมทั้งญาติผู้ใหญ่และบุคคลสำคัญหลายคนผลัดกันขึ้นมาพูดแนะนำเรื่องการครองเรือนซึ่งก็กินเวลาพอสมควร ระหว่างนั้นรสิกาจึงต้องพาตัวเองมายืนอยู่ใกล้ๆ กับเจ้าของร่างสูงสง่าไปโดยปริยาย
“อุ๊ย”
จู่ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเข่าที่ไม่เคยมีปัญหาอะไรก่อนหน้านี้ ก็เกิดอาการอ่อนแรงจนเกือบจะทรุดฮวบลงกองกับพื้นเวที ดีที่ได้เจ้าของร่างสูงข้างๆ ช่วยประคองเอาไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรหรือเปล่า ยืนไหวไหม” น้ำเสียงนุ่มๆ ถามขณะยังช่วยประคองเธออยู่
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ขอบคุณมาก” คนเข่าอ่อนกะทันหันละล่ำละลักพูด พลางฝืนตัวเองจนทรงตัวยืนได้ ก่อนจะรีบเบี่ยงตัวเองออกมาจากการถูกประคอง นึกด่าตัวเองที่ตอนพูดบนเวทีก่อนหน้านี้ก็ผ่านมาได้ด้วยดี แต่มาทำขายหน้าเอาตอนนี้ ดีที่เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ คงไม่มีใครสังเกตเห็น
แล้วที่เขาถามว่ายืนไหวไหม! เธออยากจะย้อนถามออกไปนักว่าถ้าตอบว่ายืนไม่ไหวแล้วเขาจะทำอย่างไร!
“ดีใจที่เห็นผมจนเข่าอ่อนเลยเหรอครับ”
คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเจ้าของร่างสูงทำให้รสิกาหันขวับไปมอง แม้เจ้าตัวจะพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก แต่คนหูดีอย่างเธอมีหรือจะไม่ได้ยิน แต่ก็พบเพียงสีหน้าเรียบเฉย ไม่ส่อแววว่าเมื่อสักครู่ได้พูดกับเธอด้วยถ้อยคำหลงตัวเองนั่นแต่อย่างใด ภายในใจของหญิงสาวจึงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง นัยน์ตาคู่สวยวาวเจิดจ้า
ขอถอนคำพูดที่ว่าหน้าตาของอีกฝ่ายเหมือนพระเอกในจินตนาการของเธอ เพราะท่านก้องไม่ใช่คนหลงตัวเองเช่นนี้ คนผีทะเล!
เป็นเพราะตกอยู่ในอารมณ์ฉุนโกรธ ทำให้พิธีกรจำเป็นลืมหน้าที่ของตัวเอง กระทั่งคนเป็นเจ้าบ่าวที่เพิ่งพูดความรู้สึกของตัวเองในวันแต่งงานจบลงเป็นคนสุดท้ายและต้องส่งไมค์คืนให้เธอ พูดกระเซ้าออกไมค์ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“พิธีกรสาวสวยของเราคงจะเคลิบเคลิ้มกับคำพูดของผมมาก จนผมส่งไมค์ให้ก็ดูเหมือนจะยังไม่รู้สึกตัว”
คำพูดของเจ้าบ่าวเรียกเสียงโห่ฮาได้ทันที กลายเป็นสร้างความครื้นเครงให้ผู้ร่วมงานไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนคนถูกกระเซ้าที่เพิ่งรู้สึกตัวรีบรับไมค์จากมือเจ้าบ่าว และทำหน้าที่ของตัวเองต่อได้อย่างคล่องแคล่ว
“ท่านแขกผู้มีเกียรติคงจะมีความรู้สึกไม่แตกต่างกับโรสนะคะ คือรู้สึกอิจฉาเจ้าสาวอย่างคุณเมธาวีจัง แม้จะรับบทเป็นนางร้ายในละคร แต่ในชีวิตจริงกลับเป็นนางเอกของนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณกันตภพ”
แม้เธอจะไม่ได้ฟังว่าเจ้าบ่าวพูดอะไรออกมาบ้าง แต่คนหัวไวอย่างเธอก็สามารถพูดปิดท้ายได้อย่างไม่ติดขัด ซึ่งก็ได้รับการปรบมือเห็นด้วยจากด้านล่าง
“เอาละค่ะ ก่อนจะถึงเวลาสำคัญที่สาวๆ ในงานต่างรอคอย นั่นคือช่วงเวลาโยนช่อดอกไม้หรือบูเก้ของเจ้าสาวนะคะ ซึ่งตอนนี้คงกลายเป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันแทบจะทุกงาน แต่สำหรับงานนี้ถ้ามีการโยนช่อบูเก้อย่างงานแต่งทั่วไป ก็คงจะไม่เข้ากับบรรยากาศที่ถูกเนรมิตจนมีกลิ่นอายของยุคในอดีตแฝงอยู่ใช่ไหมคะ” รสิกาพูดน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ดังนั้นจากช่อบูเก้จึงต้องเปลี่ยนเป็นพวงมาลัยที่ถูกร้อยรัดอย่างสวยงาม และยังหมายถึงหัวใจสองดวงของบ่าวสาวถูกร้อยรัดไว้ด้วยกันค่ะ”
สิ้นคำพูดของพิธีกรสาวก็มีเสียงปรบมือแสดงความชอบอกชอบใจดังขึ้น และคนที่ถือมาลัยพวงงามขึ้นมาให้เจ้าสาวก็คือกรองขวัญนั่นเอง
“เราทุกคนคงเคยได้อ่านสังข์ทอง ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่สองใช่ไหมคะ นางเอกต้องใช้พวงมาลัยในการเลือกคู่ แต่ในงานนี้ทางตัวเจ้าสาวคือคุณเมธาวีจะต้องทำตัวเป็นกามเทพ ส่งต่อพวงมาลัยพวงนี้ให้แก่คนที่จะได้เป็นเจ้าสาวเป็นรายต่อไปค่ะ แต่ไม่แน่นะคะงานนี้คนที่ได้รับอาจจะเป็นผู้ชายก็ได้ใครจะรู้ ตอนนี้ก็ขอเชิญหนุ่มสาวทุกท่านรวมทั้งเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวลงไปยืนหน้าเวทีด้วยนะคะ แต่คงต้องขอยกเว้นตัวเองสักคนนะคะ”
เจ้าของร่างสูงสง่าชำเลืองมองคนพูดแวบหนึ่งแล้วยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงก้าวตามกรวิชญ์ลงจากเวที โดยมีลัลรินก้าวตามลงไปติดๆ