บทนำ (จบตอน)
ที่เธอมองว่าผู้ชายคนนี้หน้าเหมือนท่านชายก้อง อาจเป็นเพราะยังอินอยู่กับนิยายที่อ่านก็เป็นได้
รสิกาหาเหตุผลมาหักล้างแต่ดูเหมือนเป็นการปลอบใจตัวเองมากกว่า
“อ้าวเป็นงั้นไป...แล้วป้าเห็นเขายื่นอะไรให้หนูโรสไม่ใช่หรือจ๊ะ”
“นามบัตรจ้ะ” หญิงสาวบอกพลางยกมือขึ้นนวดคลึงสะโพก นับว่าเธอยังโชคดีมาก เพราะนอกจากอาการเจ็บที่สะโพกแล้ว ร่างกายส่วนอื่นก็มีแค่เคล็ดขัดยอกบ้างเท่านั้น
“เดี๋ยวพี่พาน้องโรสไปหาหมอที่คลินิกในซอยดีกว่า” สายพิณอาสาแล้วหยิบหนังสือในมือป้าสมใจมาถือไว้
“ฉันก็กำลังจะบอกแกอยู่พอดีนังสายพิณ ส่วนรถเข็นของแกเดี๋ยวฉันดูให้เอง”
ส้มจุกบอกอย่างมีน้ำใจ จนคนถูกรถเฉี่ยวหันไปมองหญิงสาวรุ่นพี่ทั้งสองอย่างขอบคุณ เธอและแม่ค้าทั้งสามค่อนข้างสนิทสนมกันเพราะมักจะช่วยอุดหนุนกันอยู่เป็นประจำ และที่สำคัญบ้านก็ยังอยู่ในซอยเดียวกันอีก มีอะไรก็พึ่งพาอาศัยกันด้วยดีเสมอมา
“แต่เจ้าของรถที่ขับรถเฉี่ยวน้องโรสนี่หล่อไปถึงสามโลกเลยนะนังจุก ขนาดมองเห็นไกลๆ ก็ยังหล่อ” สายพิณบอกส้มจุกด้วยน้ำเสียงชวนฝัน ก่อนแหงนหน้าขึ้นถามหญิงสาวด้วยความสูงที่ผิดกัน
“น้องโรสเห็นผู้ชายคนนั้นใกล้ๆ หล่ออย่างที่พี่บอกหรือเปล่าจ๊ะ”
รสิกาสะดุ้งเพราะไม่คิดว่าจะถูกถามเช่นนี้จึงได้แต่ตอบเสียงอึกอักออกไป “ก็...เอ้อ...ไม่เท่าไหร่หรอกจ้ะพี่สายพิณ หน้าตาก็งั้นๆ หาดูได้ตามท้องถนนทั่วไป”
“ไม่เท่าไหร่ก็แสดงว่าไม่หล่อเท่าที่ควร ว้า...แต่มันก็อาจจะเป็นได้ บางคนเห็นไกลๆ ก็ว่าหล่อแต่พอมองใกล้ๆ แล้วอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลๆ” ส้มจุกบอกเสียงกลั้วหัวเราะ รสิการีบพยักเพยิดเห็นด้วยทันที แม้จะรู้ว่าตรงกันข้ามกับความเป็นจริงก็ตาม
“ใช่จ้ะพี่ส้มจุก บางทีเรามองไกลๆ ก็อาจตาฝาดมองเป็นหล่อได้”
“แต่พี่ว่าตาพี่ไม่ฝาดนะน้องโรส ผู้ชายคนนั้นล้อ...หล่อ หรือจะเป็นดารา แต่หน้าตาไม่คุ้นเลยนะ” ส้มจุกยังมั่นใจในสายตาตัวเองแม้จะเริ่มสับสนอยู่บ้างก็ตาม
“ก็อาจเป็นอย่างที่แกว่านะนังจุก ไม่งั้นคงไม่รีบร้อนไปขนาดนี้หรอก”
ก่อนที่จะมีการถกเถียงเรื่องหล่อหรือไม่หล่อกันต่อ ป้าสมใจก็ยกมือขึ้นห้ามแล้วพูดตัดบทขึ้นมา
“จะมายืนเถียงอะไรกันริมถนนแบบนี้วะนังจุก นังสายพิณ รีบพาหนูโรสไปหาหมอก่อนเหอะ แล้วค่อยมาตัดสินว่าหล่อหรือไม่หล่อกันทีหลัง ป้าเองก็มองไม่ถนัดเหมือนกันมัวแต่ตกใจ”
“จริงของป้าใจ แกรีบพาน้องโรสไปหาหมอเถอะนังสายพิณ”
รสิกาเดินตรงไปยังคลินิกในซอยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของตัวเองนัก โดยมีสายพิณพยุงไปส่งจนถึงด้านหน้าทั้งยังอาสาจะอยู่เป็นเพื่อน แต่หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธเพราะเกรงใจ
“พี่สายพิณกลับไปขายของเถอะจ้ะ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว”
“น้องโรสกลับได้แน่นะ” แม่ค้าส้มตำถามอย่างเป็นห่วง
“ได้จ้ะ โรสไม่ได้เป็นอะไรมาก เจ็บที่สะโพกไม่ใช่ขานี่จ๊ะ แล้วบ้านก็อยู่แค่นี้เอง เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึง”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะน้องโรส”
หลังจากร่างท้วมๆ ของแม่ค้าส้มตำมากน้ำใจเดินออกไปจากคลินิกแล้ว รสิกาก็เข้าไปพบนายแพทย์เจ้าของคลินิกที่เธอเห็นอีกฝ่ายมาตั้งแต่เด็กเลยก็ว่าได้
“ลุงหมอขา”
“อ้าว...หนูโรส ทำไมเดินโขยกเขยกอย่างนั้น ไป...ไปนั่งก่อน” นายแพทย์วัยกลางคนบอกยิ้มๆ พลางวางหนังสือพิมพ์ในมือลง
“ค่ะลุงหมอ” หญิงสาวรับคำพลางเดินไปทรุดนั่งบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด
“หนูโรสไปโดนอะไรมาแล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ โรสเดินไม่ระวังจนถูกรถเฉี่ยว แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากแค่เจ็บสะโพกเท่านั้นเองค่ะ” รสิกาบอกเสียงอ่อย
“ถูกรถเฉี่ยวนั่นไม่นิดหน่อยแล้วมั้ง เดินโขยกเขยกแบบนี้ เดี๋ยวลุงให้ทั้งยาแล้วก็ครีมลดการอักเสบควบคู่ไปแล้วกัน”
“ค่ะลุงหมอ ยาไม่ต้องเยอะนะคะ” คนกินยายากรีบบอกน้ำเสียงเจื่อนๆ
“แล้วเดินยังไงถึงถูกรถเฉี่ยวได้ อย่าบอกนะว่าเดินไปอ่านหนังสือไปด้วย” นายแพทย์ธวัชชัยถามพลางมองหนังสือหลายเล่มที่วางอยู่ข้างๆ ตัวคนไข้สาว เพราะรู้ดีว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นหนอนหนังสือตัวยงมาตั้งแต่เด็ก เห็นเจ้าตัวครั้งใดก็ต้องมีหนังสือถือติดมืออยู่เสมอ
“เปล่าค่ะลุงหมอ” รสิกาส่ายหน้าปฏิเสธ แต่จะว่าไปแม้จะไม่ได้เดินอ่านหนังสืออย่างที่ถูกถาม แต่เธอก็เก็บเรื่องราวจากในหนังสือมาคิดจนทำให้ขาดความระมัดระวัง “ขอบคุณลุงหมอมากนะคะ”
เจ้าของร่างสูงเพรียวเดินออกจากคลินิก กลับไปยังบ้านของตัวเองที่เดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงพร้อมด้วยยาอีกถุงใหญ่ เธอรักษาฟรีอีกตามเคย แล้วหญิงสาวก็อดหวนนึกถึงสรรพคุณของใบบัวบกที่อ่านจากหนังสือไม่ได้ พลางคิดว่าต้องให้ป้าดวงหามาให้แล้ว อยากรู้ว่าจะช่วยได้ตามที่อ่านมาจริงไหม
ครั้นถึงบ้านหญิงสาวก็หยุดยืนตรงใต้ต้นจามจุรีหน้าบ้าน เพราะอดนึกถึงฉากในนิยายไม่ได้ เมื่อนึกแล้วก็อยากจะวิ่งชนดูสักหน เผื่อจะได้โผล่เข้าไปในสมัยอดีตและเจอผู้ชายอย่างท่านชายก้องบ้าง
‘ท่าจะบ้ากันไปใหญ่แล้วฉัน’
หญิงสาวก่นด่าตัวเองอยู่ในใจเมื่อรู้สึกว่าเริ่มจะคิดอะไรฟุ้งซ่านเลอะเทอะ พานโทษไปถึงเจ้าของเสียงดุๆ ที่ขับรถเฉี่ยวเธออีกครั้ง เพราะผู้ชายคนนั้นแหละทำให้เธอเป็นแบบนี้ ลำพังแค่เรื่องราวในหนังสือเธอก็เก็บเอามาคิดมากอยู่แล้ว ตอนนี้ดันมาเจอคนหน้าเหมือนอีก ทำให้ยิ่งคิดไปกันใหญ่จนต้องเอามือตบหน้าผากตัวเองแรงๆ รีบสลัดความคิดดังกล่าวออกจากสมองโดยพลัน