พลเอกเริงฤทธิ์เห็นผู้เป็นมารดาเงียบไปก็เริ่มรู้สึกตัว “ผมขอโทษครับคุณแม่ แต่ผมอึดอัดจนทนแทบไม่ไหวแล้วครับ เมื่อคืนถ้าไม่เป็นเพราะสนิทสนมกับคุณธันว์และคุณกนกรัตน์แล้วละก็ ผมคงไม่ไปปั้นหน้าอยู่ที่งานหรอกครับ ยังโชคดีที่ไปไม่ทันอวยพรคู่บ่าวสาว เพราะถ้าขืนขึ้นไปอวยพรมีหวังไม่นานคู่นี้คงได้เลิกรากันเป็นแน่” เมื่อได้พูดก็เหมือนเป็นการระบายอารมณ์และความรู้สึกออกมาบ้าง ความเคร่งเครียดที่สะสมอยู่ก็ค่อยคลี่คลายลง เพราะด้วยตำแหน่งหน้าที่การงานอีกทั้งส่วนประกอบอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ทำให้ต้องปั้นสีหน้าว่าเขากับภรรยายังเป็นคู่สมรสที่คนอื่นมองว่าเหมาะสมกันราวกิ่งทองกับใบหยก ดังนั้นเวลาอยู่บ้านเท่านั้นที่ได้เป็นตัวของตัวเอง “แม่ผิดเองที่เอาแต่ใจของตัวเองเป็นใหญ่ จนไม่คำนึงถึงความรู้สึกของลูก ทำกับน้องคนเดียวไม่พอยังทำชีวิตของฤทธิ์พังอีก” คุณกรรณิการ์พูดน้ำเสียงสั่นอย่างรู้สึกผิดซึ่งไม่เคยรู้สึกเท่านี้ม