ถึงปากจะบ่นแต่ขากลับเดินออกจากห้องน้ำแอบเปิดประตูออกไปหาเขาตรงจุดนัดหมาย มาถึงยังไม่เห็นแม้กระทั่งเงาคนต้นคิด เสียฟอร์มเล็กน้อยกลัวถูกหัวเราะหาว่าคิดถึงมากกว่าจะเดินกลับก็ถูกโจรห้าร้อยที่ไหนไม่รู้เอื้อมมือมาปิดปากฉุดกระชากพาไป
“เดี๋ยวหนูนาก็ได้ยินหรอก” ภวัตกระซิบเตือนเสียงแหบพร่าปล่อยกายเย้ายวนให้เป็นอิสระจับมือคนหน้าบึ้งมานั่งบนตักกอดแน่น
“วันนี้ณดาอดกินหมูกระทะเลย อุตส่าห์คิดไว้ว่าจะชวนไปกินที่ร้านเด็ดในตัวเมือง”
“ไว้วันหลังนะ ถ้าเราไปหนูนาก็ตามไปด้วยฉันปวดหัว”
“ไปกินร้านที่มีซีฟู้ดด้วยเนอะ”
“อืม อยากกินอะไรไว้มีเวลาว่างจะพาไป”
“ย่างกุ้งให้ณดากินด้วย”
“อืม อยากกินอะไรจะทำให้กินหรอก ขอนู่นนี่นั่นเยอะจริงน้ำหนักขึ้นกี่กิโลแล้ว” ใช้ตาชั่งไม่ได้มาตรฐานวัดก็คือยกตัวหล่อนขึ้นแล้วคำนวณนั่นเอง “หนักขนาดนี้เกือบหกสิบโลได้แล้วมั้ง”
“บ้า ก็แค่ห้าสิบสาม” บ่นพึมพำไม่ยอมรับว่าตัวเองอ้วน หนักแค่นี้ไม่อ้วนสักหน่อยออกจะเหมาะสมกับส่วนสูงไม่ได้ผอมกะหร่อง
“กินจุทุกวันแต่ตรงนี้ไม่เห็นใหญ่สู้หน้าท้องได้เลย” ภวัตหยอกเย้าทำหื่นจับหน้าอกพิมพ์ณดาไล้มือลงมาวางบนหน้าท้องเเบนราบ
“กินข้าวก็ต้องลงท้องสิคะ ไม่ได้ยัดซิลิโคนนะหน้าอกจะได้ใหญ่ขึ้น” เถียงชายหนุ่มอีกตามเคยไม่อยากได้ยินจากปากเขาอีกแล้วว่าหล่อนด้อยมากแค่ไหน ก็ดีได้เท่านี้แหละมาตรฐานเขามันสูงเองต่างหาก
“ไม่ต้องทำเสียงเหมือนงอน ฉันชอบแบบนี้แหละ” ยิกแก้มคนขี้งอนดึงไปมากระทั่งหล่อนยิ้มได้
“แข็งไปหน่อยแต่นอนสบายจัง” หญิงสาวยิ้มหวานเอนศีรษะพิงบนแผ่นอกกว้างมองดวงดาวบนฟ้า
“สบายก็มาอ้อนบ่อยๆ จะให้นอนทุกวันทุกคืน”
“อ้อนแบบหนูนาน่ะเหรอคะ พี่ภูขา หนูนาคิดถึงพี่ภูที่สุดเลย”
ภวัตหลุดเสียงหัวเราะขนลุกซู่ไปทั้งกาย
“แบบนั้นก็ไม่ไหวนะ”
“หนูนาใช่ไหม”
“เธอนั่นแหละพูดแล้วชวนขนลุกชะมัด เสียงหนูนาไม่ดัดจริตแบบนั้นหรอกนะ” กล่าวจบแม่คุณงอนแก้มป่องถลึงตาใส่เขาทันที
ดวงดาวบนท้องฟ้าคืนนี้สวยกว่าทุกคืนทั้งสองช่วยกันนับดาวทายชื่อดาวไม่รู้เบื่อ ภวัตโอบกอดคนตัวเล็กพอหลวมๆ ปล่อยให้หล่อนหลับใหลในอ้อมแขนยอมนั่งนิ่งเป็นเบาะให้พักพิง
หัวฟูทำงานทั้งวันช่วงบ่ายวันต่อมามีมือปริศนาแบมาตรงหน้า พิมพ์ณดาเงยหน้าขึ้นมองก็ถอนหายใจยาว “คราวนี้จะขอเท่าไหร่ ใช้เงินให้น้อยๆ หน่อยได้ไหมนารา กว่าจะหาได้พี่เหนื่อยนะ”
“บ่นมากน่ารำคาญชะมัด หนูนาขอห้าพันค่ะ รวมกับไถไอ้นทได้สองพันก็พออยู่ถึงกลางเดือนหน้าพอดีถ้าเขารับเข้าทำงานหนูนาก็ไม่ต้องรบกวนพี่ณดาอีก”
“นทเป็นน้องของเธอนะนาราแถมยังเรียนมหาลัยอยู่ด้วยไปขอเงินน้องแบบนั้นได้ไง” บ่นยาวอีกฝ่ายก็ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาคว่ำมือดูเล็บสีใหม่ที่เพิ่งทำเสร็จเฉยเลย พิมพ์ณดาขี้เกียจพูด หยิบกระเป๋าเงินออกมาเพียงเสี้ยววินาทีก็เก็บกลับที่เดิม
“ไว้ตอนเย็นค่อยเอาแล้วกันจะเข้าเมืองไปกดมาให้”
“โธ่เอ๊ย ไม่มีเงินก็ไม่บอกไม่งั้นหนูนาไม่เดินตากแดดมาไกลถึงสำนักงานหรอก” ยกมือขึ้นกอดอกเชิดใบหน้าใส่พี่สาวหางตามองไปเห็นภวัตเดินมาก็เข้าไปคล้องแขน ดมกลิ่นตัวเขาแล้วรีบผละออกทันที
“อี๋ ทำไมเนื้อตัวพี่ภูตัวเลอะแบบนี้คะ”
“พรุ่งนี้เราค่อยเข้าไปดูอีก นายไปจัดการเรื่องที่ฉันสั่งเถอะ”
กวาดสายตามองแฟ้มงานที่คนสนิทส่งมาให้เพียงเเวบเดียวก็ส่งคืนพร้อมออกคำสั่ง
ภวัตหันกลับมาสนใจสองสาวแต่ทำเหมือนสนใจพิมพ์นารามากเป็นพิเศษ “พี่เพิ่งกลับจากไร่น่ะจ้ะ ไปคุมคนงานตัดต้นสักแล้วก็แวะไปดูไร่องุ่นคนงานมาบอกว่ามีแมลงแปลกๆ เข้ามาเจาะลูกองุ่น พรุ่งนี้ก็ต้องทำน้ำหมักตัวเหม็นกว่านี้แน่นอน”
“ไม่เห็นต้องลงมือทำเองทุกขั้นตอนก็ได้นี่คะน่าจะคนงานที่ไว้ใจได้เข้าไปคุมให้”
“พี่เป็นเจ้านายยังไงก็ต้องเข้าไปคุมเอง”
“ค่ะ หนูนาเข้าใจพี่ภู”
“แล้วนี่แวะมาถึงออฟฟิศมีอะไรหรือเปล่า”
ถามอีกคนทว่ามองไปยังอีกคนเห็นก้มหน้าก้มตาทำงานก็ยิ้มเอ็นดู วันนี้เงินเดือนออกแต่ดูท่าว่าจะพิมพ์ณดาจะใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ออกไปช็อปปิ้งหรือไปที่ไหนเหมือนพนักงานคนอื่นๆ
“หนูนามาไถเงินค่ะแต่ใครบางคนไม่มีเงินให้ไถก็เลยว่าจะเข้าไปนั่งตากแอร์ในห้องทำงานพี่ภู พี่ภูก็ดันมาถึงซะก่อน” จิกเสียงใส่พี่สาวแล้วลอยหน้าลอยตาไปทางอื่น
“เอาที่พี่ก็ได้ หนูนาอยากได้กี่บาท”
ตบหากระเป๋าตังค์ดูว่าอยู่ตรงไหนหยิบมันออกมาเปิดเตรียมหยิบให้พิมพ์นาราที่ตอนนี้ตาวาวเหมือนได้ยินเสียงสวรรค์
“ห้าพันค่ะ” พิมพ์นารารีบบอกจำนวนเงิน
“นารา! รออีกเดี๋ยวก็เลิกงานแล้วพี่บอกจะเข้าเมืองไปกดให้ไง”
พิมพ์ณดาตวาด ลุกจากโต๊ะทำงานมายืนคั่นกลางระหว่างน้องสาวกับภวัตและเอ็ดเขาทางสายตา
“ไม่เป็นไร ถือว่ายืมก่อนก็ได้ถ้าเธอไม่สบายใจก็ค่อยกดมาคืน” นับธนบัตรเเบงค์พันให้เกินจากจำนวนนั้นไปเล็กน้อยอีกฝ่ายยกมือไหว้เข้ามากอดจูบแก้มแทนคำขอบคุณ
“พี่ภูน่ารักที่สุดเลย หนูนาขอตัวไปช็อปปิ้งในเมืองก่อนนะคะแล้วจะซื้อขนมมาฝาก” จูบเงินซ้ำอีกครั้งรีบเดินหนีก่อนพี่สาวจะว้ากใส่
“ไหนบอกว่าจะเอาไว้ใช้เดือนหน้าตอนไปอยู่กรุงเทพไง” พิมพ์นาราไม่สนใจจะฟังเลยสักนิดเดินบิดสะโพกออกไปทันที
ให้มันได้อย่างนี้สิ!
พิมพ์ณดาหมดสิ้นทุกคำพูดกลอกสายตากลับมามองภวัต