“บ้า ละเมอกลางวันหรือไงคะ”
หญิงสาวแกะมือปลาหมึกออกจากเอวเงยหน้าขึ้นมองค้อนชายหนุ่มที่ถือวิสาสะจุ๊บริมฝีปากโดยไม่ได้รับอนุญาต
“เขินเหรอ” แตะแก้มหล่อนหยอกเย้า
“ไหน ใครเขินกัน”
“เธอไง”
“ตาฝาดแล้วหน้าณดาก็เป็นแบบนี้ตลอด ใช่เขินที่ไหนกัน”
“งั้นจูบ”
“อย่าค่ะ เดี๋ยวมีคนเข้ามาเห็น”
“เห็นก็ช่างหัวเขา”
“คุณภู...” พิมพ์ณดาผลักอกกว้างออกส่ายใบหน้าไปมาปรามไม่ให้เขาจูบจริงๆ ติดกระดุมต่อให้ครบทุกเม็ด “คิดออกแล้วค่ะ ตอนเย็นเราไปกินหมูกระทะกันเนอะ ณดาอยากนึกกินมาหลายวันแล้ว”
“ได้สิแม่หมู เดี๋ยวพาไปนะ”
ภวัตกระเซ้าเย้าแหย่แม้หล่อนจะติดกระดุมให้หมดแล้วแต่ก็ไม่ยอมปล่อยเอวคอดให้เป็นอิสระคอยกอดคอยหอมหากำลังใจก่อนต้องเข้าไร่ไปดูแปลงเกษตรกับลูกน้องคนสนิท
“พี่ภูขา”
เสียงนั้นทำให้ทั้งสองรีบผละออกจากกัน
ผู้มาใหม่เปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมส่งเสียงทักทายทว่ารอยยิ้มต้องหุบลงเมื่อเห็นพี่สาวตัวเองก็อยู่ในนี้ด้วย พิมพ์นาราร้องถามเสียงร้อนรนห้วนกว่าตอนทักผู้ชายเยอะ
“ทำไมพี่ณดาเข้ามาอยู่ในห้องทำงานของพี่ภู”
“จะถามอะไรก็หัดมีสามัญสำนึกบ้าง พี่เป็นพี่สาวเธอนะนารา”
“ไม่รู้แหละหนูนาหวงพี่ภู”
ภวัตยังคงนั่งบนโต๊ะทำงานยกปลายนิ้วขึ้นเกาขมับเตรียมปวดประสาทกับการก่อกวนของพิมพ์นารา เพียงเสี้ยวพริบตาเท่านั้นสาวลุคหวานทว่าเปรี้ยวจี๊ดก็เข้ามาคล้องแขนดึงให้ลงมายืนเคียงกาย
“สวัสดีค่ะพี่ภูไม่ได้เจอตั้งหลายเดือนหนูนาคิดถึงที่สุดเลย”
“จ้ะ” เอนกายไปอีกทางแต่สาวสวยก็ขยับเข้ามากอดแขนเหมือนเดิม “แล้วนี่หนูนามาได้ยังไงเหรอ”
“หนูนาเบื่อก็เลยลาออกจากงานแล้วค่ะ ส่งเรซูเม่ไปสมัครโรงแรมที่กรุงเทพฯ ไม่รู้เขาจะรับไหม อยู่ว่างๆ ก็เลยมาหาพี่ภู”
ซบพวงแก้มแนบท่อนแขนแข็งแรง เน้นย้ำว่ามาหา ‘พี่ภู’ ซะจนพิมพ์ณดากลอกตาเป็นเลขเเปดเอือมระอา
“ทำไมถึงไม่อยู่ช่วยงานที่ร้านอาหาร แม่ไม่สบายนทก็ต้องดูแลร้านดูแลพนักงานคนเดียวช่วงศุกร์เสาร์อาทิตย์คนเยอะจะตายไม่สงสารน้องบ้างเหรอ นทเรียนปีสุดท้ายแล้วนะช่วงนี้มีสอบด้วย”
“ทำไมหนูนาไม่อยู่ช่วยงานที่ร้านของแม่” เห็นว่าพิมพ์ณดาถามแต่พิมพ์นาราทำเฉยเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ไม่สนใจฟังก็เลยถามซ้ำให้
“หนูนาเบื่อร้านเบื่อหน้าไอ้นทค่ะขี้เกียจทะเลาะกับมัน ขออยู่กับพี่ภูสักสองสามวันนะคะอีกเดี๋ยวหนูนาก็จะไปกรุงเทพแล้ว” ซบใบหน้าลงบนต้นแขนกำยำอีกครั้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่อายพี่สาวตัวเอง
“เอาที่สบายใจเถอะ อยากทำอะไรก็เชิญอย่ามาขอเงินพี่ก็แล้วกัน” สุดจะทนพิมพ์ณดาก็เลยประชดแล้วเดินหนีออกจากห้อง ได้ยินเสียงน้องสาวร้องตามหลังก็ยิ่งปวดหัวหนักมากกว่าเดิม
“แล้วคิดว่าหนูนามาที่นี่ทำไมล่ะ!”
การมาของพิมพ์นาราป่วนไปทั้งบ้านป้านงค์ต้องตามเก็บของพิมพ์ณดาในห้องนอนของภวัต รวมถึงเก็บของภวัตออกจากห้องนอนของพิมพ์ณดาเพื่อไม่ให้พิมพ์นาราล่วงรู้ความลับ
พิมพ์นาราสาวสวยสุดมั่น ปีนี้อายุยี่สิบสี่มีนิสัยค่อนข้างเอาแต่ใจคนอื่นพูดอะไรไม่เคยฟังทำเสียงเเข็งใส่ตลอดเว้นแค่ภวัตคนเดียวเท่านั้นที่พิมพ์นารายอมอ่อนข้อให้ สองพี่น้องแตกต่างกันราวหน้ามือหลังมือ น้องสาวศัลยกรรมหลายจุดสวยน่ารักชายไหนเห็นก็เข้ามาจีบ สวมเสื้อผ้าทันสมัยมั่นอกมั่นใจส่วนพี่สาวนั้นเชยแสนเชยอย่างเช่นในตอนนี้ที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำ “แน่ใจนะคะว่านั่นคือชุดนอนไม่ใช่ชุดปฏิบัติธรรมของแม่ชีสำนักไหน”
“ทำไม เหมือนเหรอ” ก้มลงมองชุดตัวเอง
“มันเชยมากน่ะสิคะ ดูชุดหนูนาเป็นตัวอย่างนะมันต้องแบบนี้” หมุนกายสามร้อยหกสิบองศาเชิดหน้าสูงปิดท้ายยกมือเท้าเอว
“เป็นผู้หญิงก็ต้องหัดแต่งหน้าแต่งตัวให้สวยสมเป็นผู้หญิงหน่อยสิ มิน่าล่ะพี่ถึงไม่มีใครหลงเข้ามาจีบอนาคตมีหวังขึ้นคานแน่ๆ”
“วิจารณ์ให้มันน้อยๆ หน่อย ใส่ชุดไหนมันก็นอนได้เหมือนกันนั่นแหละ” ยัยน้องสาวบ้าพูดซะหล่อนเสียความมั่นใจ ใส่แบบนี้ทุกคืนภวัตก็ไม่เห็นจะว่าอะไรเพราะสุดท้ายเขาก็จับถอดออกอยู่ดี
“หนูนาหวังดีหรอกถึงพูด แต่ก็ดีนะคะ แต่งแบบนี้แหละพี่ภูจะได้ไม่หน้ามืดมาสนใจพี่ไง” พิมพ์นาราหัวเราะคิกคักสนุกอยู่คนเดียว
น้องสาวหล่อนก็ไม่ต่างจากบรรดาแฟนคลับของเขา คิดอะไรตื้นจริงเชียว เห็นเงียบๆ แบบนี้แต่แอบกินเรียบนะจ๊ะ
พิมพ์ณดาอยากโม้เหลือเกินคนอื่นจะได้เลิกดูถูกสักทีทว่าก็ได้แค่คิดเท่านั้น เรื่องนี้มันละเอียดอ่อนเกินกว่าจะให้ใครรู้
ทั้งสองคุยกันอีกนิดหน่อยก็ปีนขึ้นเตียงมานอน กลางดึกคืนเดียวกันนอนไม่หลับเช่นเคยเหงากายแปลกๆ พลิกไม่รู้กี่ครั้งก็ยังนอนไม่หลับยันกายลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์
‘คิดถึง’
ข้อความสั้นๆ ถูกส่งมาจากภวัต หล่อนแอบมองน้องสาวเห็นยังหลับสบายก็เดินเข้าห้องน้ำไม่อยากให้แสงหน้าจอโทรศัพท์รบกวน
‘คิดถึงเหมือนกันค่ะ’
‘มาหาหน่อย’
‘ไม่ได้ค่ะเดี๋ยวน้องตื่นมาเห็น’
‘แป๊บเดียว จะออกไปรอที่ระเบียงบ้านนะ’
“เอาแต่ใจไม่มีใครเกิน”