บทที่ 1 นายตรี ปิ่นรักษา 1
บรึ้น!
เสียงรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านพร้อมกับคนที่ขับบังคับมาเปิดประตูก้าวเท้าลงมาจากรถด้วยท่าทางองอาจ นานๆ ทีเขาจะกลับมาบ้านหลังใหญ่ เพราะปกติจะพักคอนโดมากกว่า เพราะที่คอนโดเป็นส่วนตัว จะพาสาวขึ้นห้องกี่คนก็ได้ แต่ที่บ้านเขา คุณแม่ที่รักที่แสนหวงลูกชายอย่างท่านนั้นไม่ยอมแน่หากเขาจะพาสาวมานอนค้างอ้างแรมที่บ้าน ฉะนั้นตัดปัญหาค้างคอนโดดีที่สุด
“พี่ทองเอารถไปจอดให้ผมด้วยนะครับ” เขาตะโกนบอกคนดูแลสวนของบ้านแล้วเดินเป่าปากฮัมเพลงเข้าไปในบ้านโดยไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าหากเข้าไปในบ้านจะเจออะไรบ้าง และเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แค่แม่โทรไปบอกว่าให้กลับบ้าน เขาก็มาตามสั่งดั่งสายฟ้าแลบ
นายตรี ปิ่นรักษา หรือตรี วัย 32 ปี ลูกชายคนเล็กของตระกูลใหญ่ผู้มีชื่อเสียงด้านการนำเข้ารถยนต์สัญชาติยุโรปและนำเข้าอะไหล่รถยนต์ด้วย แต่แปลกเขากลับไม่ชอบงานของครอบครัว เขาแยกตัวไปทำงานที่ชอบที่รักนั่นก็คือผับ แน่นอนว่าเขาชอบดื่มเหล้าเคล้านารี สำหรับเขาแล้วเหล้ากับผู้หญิงเป็นของคู่กัน และผู้ชายอย่างเขาก็ต้องคู่กับผู้หญิงสวยๆ
แต่ใช่ว่าแยกตัวไปเปิดผับเป็นของตัวเองแล้วจะไม่ได้มาดูแลงานที่บริษัท เขาจะเข้ามาประชุมประจำเดือนทุกครั้งและหากมีประชุมสำคัญ เขาก็จะมาบริษัทตลอด แต่ไม่ได้ประจำการที่บริษัทเหมือนพี่ชายทั้งสองอย่างโทและเอก เท่านั้นเอง
เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในบ้านก็ได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะดังออกมาจากทางห้องรับแขก เขาถอดแว่นกันแดดออกมาสอดไว้ที่คอเสื้อเชิ้ตสีดำของตัวเอง วันนี้ร่างสูงใหญ่องอาจแต่งตัวสบายๆ เสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนทั้งสองข้างถึงข้อศอกและกางเกงสแล็คสีดำ ส่วนผมก็เสยขึ้นเปิดหน้าผากเปิดโหงวเฮ้งความรวย
เท้าใหญ่ก้าวย่ำลงส้นเท้าหนักๆ เดินไปยังทิศทางเสียงหัวเราะที่ดังลอดมาถึงข้างนอก อยากรู้นักว่าพูดคุยอะไรกัน ทำไมถึงเสียงดังขนาดนี้ แต่พอเดินไปถึงประตูหน้าห้อง แม่ที่เคารพรักที่โทรตามเขากลับบ้านวันนี้ก็ตวัดสายตามองทางเขาพอดี และเขารู้เลยว่าตัวเองกำลังเจอกับปัญหาเสียแล้ว แต่ก็หมุนตัวกลับไปไม่ทันเสียแล้วเมื่อเสียงหวานแหบแห้งตามวัยของคุณแม่ที่รักร้องเรียกเข้าไปหาพร้อมกับกวักมือ
“มาแล้วเหรอลูกตรี มาไหว้สวัสดีเพื่อนๆ ของแม่สิลูกรัก”
‘ให้ตายเถอะ! ลูกรักทีไรงานเข้าทุกที’ เขาพึมพำกับตัวเองพร้อมส่งยิ้มแห้งๆ ให้แม่และกลุ่มเพื่อนของแม่ที่มาในวันนี้ แล้วก็ก้าวเดินเข้าไปหาท่านตามคำ ‘สั่ง’ มันคือคำสั่งเขารู้ดีไม่ใช่คำเรียก เพราะเขารู้จักแม่ของเขาดีพอควรเหมือนที่ท่านรู้จักเขาดีนั่นแหละ
“สวัสดีครับ” ทันทีที่เดินมาถึงก็ยกมือไหว้เพื่อนของแม่ทั้งสามคนอย่างมีมารยาท แล้วก็มองไปทางแม่ที่ส่งยิ้มแปลกๆ มาทางเขา
“มานั่งก่อนสิลูก” นางขยับตัวไปเล็กน้อยให้ลูกชายนั่งลงโซฟาตัวเดียวกับตน
“ครับ” เขาจะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะแม่ไม่ชอบให้ปฏิเสธ ยิ่งเวลามีเพื่อนด้วยแล้วหากเขาปฏิเสธนั่นคือการหักหน้าท่านต่อหน้าเพื่อนๆ เขาจึงตอบรับและส่งยิ้มรู้ทันให้แม่ ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ ท่าน
“คุณแม่มีแขก ผมว่าผม...” เขายังพูดไม่ทันจบความ ท่านก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“แขกที่ไหนกัน เนี่ยคนกันเองทั้งนั้น นั่งอยู่นี่แหละ แม่มีคนอยากแนะนำให้รู้จักน่ะ” นางบอกพร้อมกับส่งยิ้มขยิบตาให้เพื่อนรักทั้งสามที่นั่งอยู่ด้วย
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ เมื่อไปไหนไม่ได้แล้ว
“เนี่ยน้าปู น้าแพร น้านิ่ม เพื่อนแม่จ้ะ และนั่นที่กำลังเดินเข้ามาก็คือน้องแก้ว ลูกสาวน้าปูจ้ะลูกรัก” ท่านแนะนำทุกคนพร้อมกับแนะนำผู้ที่เดินเข้ามาใหม่ ก่อนหน้านี้หญิงสาวก็อยู่ในนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
‘นี่แม่หลอกฉันมาดูตัวเหรอเนี่ย’ เขาพึมพำในใจเมื่อรู้ตัวแล้วว่าตัวเองพลาดหนักมากในวันนี้
“หนูแก้วมาทำความรู้จักกับพี่ตรีสิลูก เพราะไม่นานก็ต้องหมั้นกันแล้วนะ”
นั่นคือคำเรียกของแม่เขา ซึ่งทำให้เขาตวัดสายตามามองคนเป็นแม่อย่างต้องการคำตอบทันที แต่ท่านก็เอาแต่ส่งยิ้มให้เขา มันเกิดอะไรขึ้น คุณแม่ที่รักที่หวงเขาจะเป็นจะตายมาวันนี้มาแนะนำผู้หญิงให้ไม่พอ ยังบอกอีกว่าเขาจะ ‘หมั้น’ กับหล่อนที่เพิ่งรู้จักกัน เขามองสำรวจร่างเล็กที่เดินเข้ามาพร้อมยกมือไหว้ตนเองก็อดยกยิ้มนึกสมเพชตัวเองไม่ได้ ‘ตัวก็เตี้ย แต่งตัวก็เชย ไร้รสนิยมที่สุด’ เขาพึมพำกับตัวเองเมื่อมองสำรวจผู้มาใหม่อย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว