บทที่13
รู้สึกตัวช้าไป
คอนโดทวีสุข
ฉันเดินขึ้นลิฟต์มาชั้น16 เจ้าขุนรีบแตะคีย์การ์ดให้ฉันเข้ามาอะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ห้องของพี่มาร์ชก็อยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เองดีที่พี่มาร์ชไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว อนาคตได้แต่งงานก็คงไปซื้อบ้านแยกตัวออกไปอยู่ข้างนอก
"ดูท่าอีกนานกว่าจะหยุด" เจ้าขุนหยิบน้ำดื่มออกมาเทใส่แก้วให้มิเกล เขาเห็นหน้าเธอแดงๆกลัวว่าเธอจะเป็นหวัดจึงยื่นมือไปอังหน้าผากจนคนตัวเล็กทำตาโตใส่ "ตัวไม่ร้อนแต่ทำไมหน้าแดงจัง"
กลิ่นหอมๆจากตัวเขามันเย้ายวนจนฉันหลงใหล ยิ่งเขาเข้าใกล้ฉันยิ่งถอยหลังช้าๆเจ้าขุนในวันนี้ช่างต่างจากเมื่อก่อนนัก เขาโตเป็นหนุ่มเต็มตัวยิ่งใส่ชุดนักศึกษาถกแขนเสื้อจนเห็นเส้นเลือดที่แขนยิ่งทำให้ฉันร้อนวูบวาบเหมือนคนโดนของ
"นะ นาย" มือเล็กๆยกขึ้นห้ามไม่ให้เจ้าขุนเดินขยับใกล้เข้ามาเพราะตอนนี้เธอติดกับโซฟาแล้ว
"ครับ"
"ฝนน่าจะเบาแล้วล่ะ เราเตรียมตัวกลับบ้านกันเถอะ"
เปรี้ยงงง!!!
เสียงฟ้าผ่าลงมาดั่งสนั่นหวั่นไหว มิเกลโผลเข้ากอดเจ้าขุนด้วยความตกใจ เขาเองก็กอดปลอบพร้อมลูบหัวเธอจนเธอใจเย็นลง
"ไม่ต้องกลัวนะ"
"ขะ ขอโทษนะ ฉันตกใจ" ฉันรีบผละออกจากเขาเสียงฝนด้านนอกก็กระหน่ำเทลงมาอย่างหนัก
"ไม่เป็นไร" เจ้าขุนมองริมฝีปากที่เขาเคยจูบพาให้อารมณ์ชายหวั่นไหวหัวใจอ่อนปวกเปียกชอบกล เขารีบนั่งลงแล้วหยิบหมอนขึ้นมาปิดขาตัวเองไว้ส่วนมิเกลขอเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าตั้งสติตัวเอง
เวลาผ่านไปมิเกลยังคงนั่งมองสายฝนที่เทลงมาด้านล่างถนนเส้นหลักน้ำท่วมจนจราจรติดขัดเป็นอัมพาตกันทั้งสายดีที่เจ้าขุนวนรถกลับมาเสียก่อนไม่งั้นคงได้นอนแอ้งแม้งอยู่บนถนนแล้ว
"หิวอะไรไหมมิกเกล"
"ไม่ ฉันไม่หิวตอนนี้อยากกลับบ้านแล้ว" ฉันกลัวใจตัวเองยิ่งอยู่กันแบบนี้แถมเจ้าขุนพยายามใกล้ชิดฉันด้วย
"รอไปก่อนฉันก็อยากกลับบ้านเหมือนกัน ง่วงนอนอยากนอนมากเลย"
ฉันหันมาอีกทีเจ้าขุนก็เอนตัวลงมานอนหนุนตักฉันแล้ว ฉันจะดึงเขาออกแต่มือไม้มันสั่นจนเขาดึงมือฉันไปกอดเอาไว้ ไม่ได้แบบนี้ไม่ดีแน่
"นายอย่ามาทำกับฉันแบบนี้นะเจ้าขุน"
"อย่าเสียงดังฉันจะนอน"
"นี่! นายกำลังล่วงเกินฉันอยู่นะเจ้าขุน"
"แค่นี้ทำโกรธ ทีเธอจูบปากฉันล่ะ เธอสอดลิ้นพันกับลิ้นฉันด้วย"
"อย่าพูดนะ!"
"ก็ได้ไม่พูดแล้วก็ได้แต่เธอช่วยอยู่นิ่งๆหน่อยฉันขอนอนสัก10นาที"
มิเกลหยุดชะงักนั่งมองคนนอนหนุนตักด้วยอาการสับสนเธอกำลังตัดใจแต่เขากลับมาทำแบบนี้กับเธอ มือเล็กๆที่ถูกเขาดึงไปถูกหอมเบาๆที่หลังมือ ขนแขนมิเกลลุกชันหัวใจกำลังมีเสียงเปราะๆเหมือนกำแพงจะพัง
"ทำแบบนี้ไม่ดีนะเจ้าขุน ลุกเถอะ"
นอกจากไม่ลุกยังแกล้งหลับอีกเขาไม่สนใจคนที่นั่งอยู่เลยเวลานี้เขาอยากทำทุกอย่างเพื่อให้เธอกลับมารู้สึกดีและชอบเขาเหมือนเมื่อก่อน ถ้าเธอใจแข็งแบบนี้เขาคงต้องยัดเยียดตัวเองให้เธอแล้วล่ะ
ครบกำหนดสิบนาทีเจ้าขุนลืมตาขึ้นมามิเกลก็ทำท่าตาปรือเหมือนคนง่วงนอนเขาจึงลุกขึ้นมานั่งจนมิเกลลืมตาขึ้นมามองหน้าเขา ทั้งสองสบตากันต่างคนต่างมีความอึดอัดในใจเจ้าขุนไม่รู้ว่าทั้งหมดที่เขาทำและทุกอย่างที่เขาเป็นมันคืออะไร แต่เขาทนไม่ได้ที่ต้องเห็นเธออยู่ใกล้ชิดผู้ชายแถมยังหมางเมินเขาแบบนี้
"มิเกลถ้าฉันรู้สึกดีกับเธอ เธอจะว่าอะไรฉันไหม"ผมตัดสินใจถามเธอไปตรงๆเพราะผมไม่อยากให้เธอปันใจให้ใคร
"ทำไมนายพึ่งมารู้สึกตัวตอนนี้ ทำไมนายถึงไม่เคยรับรู้อะไรเลยที่ผ่านมาฉันโคตรพยายามมีตัวตนในสายตาของนายเลยนะเจ้าขุน ฉันตั้งใจเรียนก็เพราะอยากอยู่ห้องเดียวกับนาย พยายามแต่งตัวก็เพราะอยากให้นายมองแต่สุดท้ายฉันก็เป็นแค่ยัยเฉิ่มที่นายมองข้ามฉัน วันที่ฉันบอกชอบนาย วันที่เราจูบกันฉันรู้ตัวดีว่าทำอะไรลงไปที่ฉันยอมหน้าด้านไร้ยางอาย ยอมถวายตัวให้เผื่อว่านายจะหันมามองฉันสักนิดแต่นายกลับไม่เคยเห็นคุณค่าของฉันเลย ฮึก!"
"มิเกลไม่ร้องสิ ฉันขอโทษไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรแต่ฉันแค่ไม่อยากให้เราสองคนต้องเลิกคบกัน ไม่อยากให้เรากลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก ฉันรู้ว่าเธอโคตรพยายามทุกอย่างและฉันมันก็เห็นแก่ตัวที่คิดว่ายังไงหันไปก็เจอเธอ สุดท้ายตอนที่เราต้องถอยออกจากกัน ตอนที่เธอหายไปฉันเองก็แย่.... ฉันคิดถึงเธอ"
มิเกลลุกขึ้นยืนเธอหยิบกระเป๋าและหนังสือเตรียมตัวจะออกจากห้องแต่เจ้าขุนลุกขึ้นดึงเธอมาจูบอย่างดูดดื่ม เขายอมเป็นคนเลวดีกว่าปล่อยให้เธอหลุดมือไป หัวใจเธอต้องเป็นของเขาแม้แต่ร่างกาย
"อื๊ออ พอแล้วเจ้าขุน อื๊ออ"
จ๊วบ!
เขาบดขยี้ริมฝีปากหนักขึ้นจนเธอหายใจไม่ทันต้องอ้าปากปล่อยลิ้นเกี่ยวพันกันอย่างดูดดื่ม แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดลงเมื่อสายโทรเข้ามาจากโทรศัพท์ของทั้งคู่ดังขึ้น มาร์ชออกจากห้องฉุกเฉินเขาก็รีบโทรหาน้องสาวทันที เช่นเดียวกับเจ้าขาที่โทรหาลูกด้วยความเป็นห่วง
"ฝนเบาแล้วฉันว่าเรารีบกลับบ้านเถอะเจ้าขุนพี่มาร์ชเป็นห่วงฉันแย่แล้ว"
"โอเค...."
__________________
นายต้องเข้าใจนะเจ้าขุนที่ผ่านมามิเกลพยายามมาตลอดจนวันนึงทุกอย่างมันพังเธอสร้างกำแพงขึ้นมาแล้วนายจงเป็นฝ่ายพยายามบ้างเถอะ