บทที่๙
‘กองบรรณาธิการบอกว่าต้นฉบับสั้นไปนะคะ อยากได้เพิ่มอีกสักสิบยี่สิบหน้า ก็พอดีอีกสักศพสองศพนะคะคุณอัน’
ดวงสมรบอกเมื่อโทรมาหา ฟังดูง่ายสำหรับคนออกคำสั่ง แต่สำหรับนักเขียนอย่างเขามันยากมาก ดวงสมรทำเหมือนไม่รู้ว่ากว่าจะได้ข้อมูลกว่าจะได้ตัวอย่างการลงมือและจำลองเหตุการณ์มันยากแค่ไหน
‘หมอนช่วยคุณอันเอง ไม่ต้องห่วงนะคะ หมอนไม่เคยปล่อยให้คุณอันโดดเดี่ยวอยู่แล้วคุณก็รู้’
ใช่เขารู้ว่าดวงสมรช่วยให้เขามีวันนี้ ช่วยเขามาตลอด แต่บางครั้งเขาก็ต้องช่วยตัวเอง ต้องหาข้อมูลเองเพื่อความรวดเร็วและคนที่จะช่วยเขาได้มากที่สุดและรวดเร็วซึ่งกำลังนึกถึงในตอนนี้ก็คือว่าที่เจ้าสาวแสนสวยของเขาเอง
“มีอะไรคะพี่วิช” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาตามสายเมื่อเขาโทรไปหาหล่อน
“คือพี่ต้องเขียนนิยายเพิ่มอีกสักบทสองบท ก็คงต้องหาคดีเพิ่มอีกสักรายสองราย มานี่มีข่าวคนตายที่น่าสนใจมั้ยจ้ะ”
“ใหม่สดๆ ก็คนจมน้ำตาย กระโดดตึกตาย แล้วก็รถชนตาย”
“ฆาตกรรมมีมั้ย ศพแปลกๆ หน่อย”
“ถ้าแปลกหน่อยก็รายน้าสาวหมอชลไงคะ ทีแรกคิดว่าฆ่าชิงทรัพย์ แต่เอาจริงๆ ทรัพย์สินยังอยู่ครบ แต่หมอชลบอกว่าเขาเห็นรอยสร้อยบาดที่คอ มั่นใจว่าต้องถูกกระชากสร้อยจนขาดแน่ๆ แต่สร้อยกลับไม่หายไปไหนกลับอยู่ที่ห้องนอนได้”
“แล้วหมอชลทำยังไง หรือตำรวจว่ายังไงบ้าง”
“ตอนนี้พยายามหาอาวุธสังหาร กับนำเครื่องประดับไปตรวจสอบลายนิ้วมืออยู่ค่ะ ไม่นานคงรู้ผล”
“หมาความว่าถ้าได้ลายนิ้วมือมาก็รู้ตัวฆาตกรหรือ”
“ไม่ถึงกับได้ตัวฆาตกรหรอกค่ะ อย่างน้อยก็ได้ผู้ต้องสงสัย”
“หมอชลบอกมานี่ทุกอย่างเลยหรือ สนิทสนมกันขนาดนี้เชียวหรือ”
“อ้าว! พี่วิชทำไมถามแบบนี้ นี่มันงานของนี่นะ ก็ต้องตามข่าว ต้องติดต่อกันธรรมดา”
“พี่แค่ถามทำไมต้องทำเสียงดังกลบเกลื่อนด้วยละ” เขากำมือแน่นเหมือนหวังขยำอย่างใดอย่างหนึ่งให้แหลกคามือ
“เอ๊ะ! พี่วิชนี่ นี่ไม่คุยด้วยแล้ว ทำงานดีกว่า” หล่อนวางสายไปแล้ว แต่สวิชยังมองโทรศัพท์มือถือนิ่งเหมือนมองหน้าว่าที่เจ้าสาว สลับกับภาพของหมอหนุ่มท่าทางนิ่งๆ แต่แววตายียวนพร้อมขยี้มือเปล่า
อัญมณีมองจอโทรศัพท์นิ่งคิ้วขมวดจนเพื่อนร่วมงานหรือจะเรียกว่าคู่หูอย่างตั้มอดถามไม่ได้
“เหมือนว่าแฟนจะโทรมา แล้วทำไมตอนวางทำท่าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อใคร”
อัญมณีหันไปมองคนพูด เกลื่อนสีหน้าให้เป็นปกติแล้วบอกเสียงเนือยๆ
“ก็อยากขบหัวแฟนนั่นแหละทำมาสงสัยว่านี่สนิทสนมกับหมอชลมากเกินไปหรือเปล่า”
หล่อนเดินตามตั้มไปร้านข้าวแกงข้างสถานีตำรวจ วันนี้ทั้งสองมาตามข่าวอุบัติเหตุเมาแล้วขับที่ดูเหมือนว่าผู้ก่อเหตุจะลอยตัว คดีไม่คืบหน้า ญาติของผู้เสียหายจึงมาถามหาความยุติธรรม เมื่อเสร็จงานตั้มก็ชวนกินข้าวก่อนกลับสถานี
“มันก็น่าคิดนะ ดูเราสนิทสนมจริงๆ เจอกันในงานแล้วยังเจอกันด้วยเรื่องส่วนตัวอีก วันก่อนยังได้ยินหมอเรียกเราว่าที่รักเลย”ตั้มเดินนำไปโต๊ะว่างเพื่อวางของ
“โอ๊ย ก็เพราะคำพูดบ้าๆ ของหมอนั่นแหละ นี่ถึงต้องแต่งงานกับพี่วิชเร็วเกินคาด”อัญมณีทุบโต๊ะอย่างเคือง แล้วหันมองรอบๆ ก่อนยิ้มแหยๆ ขอโทษอุบอิบเพราะคนหันมามอง
ตั้มยิ้มขันแต่ยังสงสัย
“เรื่องเป็นยังไงหรือ”
“ก็พี่วิชกลัวหมอชลจีบนี่นะสิ เลยเร่งรัดเรื่องแต่งงาน ทั้งที่ผ่านมาเป็นปีเป็นชาติไม่เคยพูดเรื่องนี้กันเลย เพราะหมอชลคนเดียว” หล่อนขบเขี้ยวฟันแม้พูดไม่ดังมาก
“คุณต้องแต่งงานเพราะผมหรือนี่ แย่จัง” คนถูกพาดพิงมาหยุดยืนใกล้
สองคนที่กำลังคุยกันสะดุ้งเหมือนทำความผิดแล้วถูกจับได้
“หมอชลได้หลักฐานเพิ่มเติมคดีคุณน้าหรือครับ”ตั้มรีบถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ มองอัญมณีเหมือนรอให้หล่อนพูดอะไร แต่เขาไม่อยากได้ยินคำขอโทษที่พูดพาดพิง แต่เมื่อหล่อนเงียบเสมองไปที่ร้านค้า เขาจึงพูดต่อ
“หิวครับ นั่งด้วยคนนะ” เขาวางของโดยไม่รอคำอนุญาตแล้วเดินไปที่ร้านข้าวแกง ซึ่งมีทั้งข้าวราดแกงและอาหารตามสั่ง ขนมหวานและเครื่องดื่มที่ชงใส่ขวดโหลเอาไว้ พร้อมที่จะตักใส่แก้วเมื่อมีคนมาสั่งซื้อ
“มานี่ไปเลือกเองไหมจะกินอะไร” ตั้มถามอัญมณี แต่หล่อนไม่ทันบอกเขาก็พูดต่อ
“มานี่ไปเลือกก่อนดีกว่า ผมเฝ้าของเอง” แล้วเขาก็นั่งลง
อัญมณีกำลังจะเดินไปแต่ชลทิศเดินกลับมาพร้อมจานข้าวราดแกงสองใบ
“ผมซื้อมาเผื่อ คุณไปซื้อน้ำให้ผมด้วยนะ” เขาวางจานข้าวลง แล้วถามตั้ม “กินอะไรดีครับ เดี๋ยวผมไปซื้อให้”
“ผมไปเลือกเองดีกว่า ฝากหมอเฝ้าของด้วยก็แล้วกัน” ตั้มบอก มองจานข้าวแล้วมองอัญมณียิ้มๆ ก่อนผละไป
อัญมณีรู้ว่าตั้มยิ้มทำไม แต่เมื่อตั้มเดินไปแล้วจึงต้องค้อนคนที่อยู่ตรงหน้าแทน เพราะเขาทำตัวเป็นคนรู้ใจซื้อข้าวราดแกงที่หล่อนชอบมาเผื่ออย่างนี้นี่เล่า ตั้มถึงยิ้มล้อ
“เอาน้ำอะไร” หล่อนถามเสียงห้วนเมื่อจำเป็นต้องทำหน้าที่นี้
“เหมือนคุณแหละ”
และคำตอบของเขาก็น่านัก หล่อนจึงค้อนใส่อีกรอบแล้วเดินไปถามตั้มว่าจะเอาน้ำอะไร แล้วก็ถูกตั้มล้อด้วยคำตอบเดียวกัน
“เหมือนคุณแหละ”
อัญมณีค้อนใส่ อยากให้กลายเป็นอาวุธที่สามารถสร้างความเจ็บปวดให้ชายทั้งสองได้เสียจริง