ชลทิศไม่อยากบ่นว่าหลานสาวเรื่องกิริยาที่แสดงออกต่ออัญมณีเพราะรู้ว่าดวงดาราต้องเถียงไม่ยอมฟังและเขามีงานต้องทำมากมายเกี่ยวกับงานศพของพุดจีบ เขาจึงปล่อยเรื่องนั้นไปแล้วไหว้วานให้ดวงดาราเตรียมเสื้อผ้าสำหรับนำไปเปลี่ยนให้พุดจีบในวันพรุ่งนี้แทน
“ดูที่สวยๆ ที่คิดว่ายายชอบที่สุดนะ เครื่องประดับที่ยายใส่ติดตัวถ้ามีก็เอามาด้วย อย่าลืมรองเท้าด้วยละ น้าโทรบอกญาติก่อน เดี๋ยวจะมาหาของกินให้”
“เดี๋ยวดาราทำกับข้าวให้น้าชลกินเอง” ดวงดาราบอก แล้วเดินเข้าไปในครัว ชลทิศเดินตามเข้าไป ดวงดาราจึงหันมาบอก
“หุงข้าวทิ้งไว้ก่อน เดี๋ยวไปจัดเสื้อผ้าให้ยายเสร็จค่อยมาดูว่าทำอะไรกินค่ะ น้าชลเชื่อสิดาราทำได้”ดวงดารายิ้ม
“โอเคจ้ะ งั้นน้าออกไปโทรศัพท์หน้าบ้านนะ” เขาบอกแล้วเดินออกไปหาที่โทรศัพท์บอกข่าวร้ายแก่ญาติๆ เขายังคิดไม่ออกว่าจะจัดการศพที่ไหนอย่างไร คงต้องให้ญาติช่วยกันตัดสินใจ เพราะพุดจีบมีทรัพย์สมบัติติดตัวพอสมควร หากเขาตัดสินใจทำอะไรเองเกรงจะถูกครหาว่าทำเพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง
แล้วสิ่งที่คิดก็เกิดขึ้นจริงญาติต้องการนำศพพุดจีบไปทำพิธีที่บ้านเกิด
อัญมณีกำลังเดินเข้าบ้านแต่ต้องหยุดรอชายหนุ่มที่กำลังก้าวยาวๆ มาจากเขตบ้านตัวเอง เขามาหาหล่อนแน่นอนเพราะมองมาตาไม่กะพริบ ซ้ำเมื่อมาถึงก็ลากไปนั่งที่เก้าอี้สนาม
“ทำไมหมอชลมาส่งอีกแล้ว พี่ไม่ชอบให้สนิทสนมกันเลยนะ”
“อ้าวทำไมคะ ก็พี่วิชเคยบอกให้ล้วงความลับจากหมอมาให้นี่คะ” หล่อนแกล้งยั่ว
“ข้อมูลพวกนั้นพี่ไม่อยากได้แล้ว เลิกสนิทสนมกันเสียที พี่หึง”
“อุ้ย! พูดตรงไปนะคะ ว่าแต่ทำไมไม่อยากได้แล้วละคะ”
“พี่ปิดต้นฉบับแล้ว”
“ยินดีด้วยนะคะ ไหนบอกว่าไม่ถนัดแต่ทำไมเขียนเร็วกว่าเรื่องก่อนๆ”
“ก็ไม่ยาวมาก ทิ้งท้ายเอาไว้ต่อยอดทำเล่มต่อไปด้วย ถ้ามีคนสนใจ”
“อย่างอัญมณีนะยังไงคนอ่านก็ต้องรออ่านเล่มต่อไป การตลาดดีเยี่ยมเลยนะคะ”
“พี่หมอนจะให้พี่เปิดตัวในงานหนังสือด้วย แต่พี่ขอดูก่อนกลัวจะตรงกับวันแต่งงานของเรา”
“เปิดตัวเสียทีก็ดีนะคะ ใครบางคนจะได้เลิกคิดว่านี่คืออัญมณีเสียที” หล่อนคิดว่าจนป่านนี้ทั้งชลทิศและหลานสาวคงยังคิดว่าหล่อนคือเจ้าของนามปากกาอัญมณี ดูจากท่าทีกระด้างที่ดวงดาราทำใส่ แม้แต่ชลทิศเองก็คอยจิกกัดอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งพอรู้ว่าหล่อนจะแต่งงานเขายังคิดว่าแต่งเพื่อกลบข่าวว่าเป็นทอมเป็นเลส
อัญมณีกำลังจะพูดต่อแต่เหมือนสวิชก็มีอะไรจะพูดเช่นกัน ทำให้ต่างชะงักแล้วเขาก็บอกให้หล่อนพูดก่อน อัญมณีสูดลมหายใจลึกๆ แล้วถาม
“พี่วิชแน่ใจหรือคะว่ารักนี่”
“รักสิ ทำไมถามพี่แบบนี้ หรือมานี่ไม่รักพี่”
เมื่อถูกย้อนถามหล่อนกลับพูดไม่ออกอยากบอกว่าไม่แน่ใจก็ไม่ได้ อยากบอกว่าไม่อยากแต่งงานก็ไม่ได้ เพราะรู้ว่าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต้องไม่ยินยอม เมื่อก่อนหล่อนยอมหมั้นเพราะสวิชคือผู้ชายที่คิดว่าอยู่ด้วยแล้วมีความสุข คือพระเอกในดวงใจ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนความรู้สึกเหล่านั้นก็ลดลงเรื่อยๆ จนมองเขาเป็นแค่คนข้างบ้าน จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่มีผลกับความรู้สึกอีกแล้ว แล้วอย่างนี้จะให้แต่งงานกับเขา หล่อนจะทำใจรักและรับเขาได้หรือ แต่ยังไงก็คงปฏิเสธไม่ได้แม่คงไม่ยอมแน่ๆ อัญมณีลอบถอนใจ เอื้อมไปกำมือเขาบีบเบาๆ
“นี่แค่กลัวทำให้พี่วิชเสียแฟนคลับ ถ้ารู้ว่าอัญมณีไม่โสด” หล่อนแกล้งพูด แกล้งหัวเราะ ทั้งที่ในใจทุกข์ระทมกับคำว่าไม่รัก ไม่อยากแต่งงาน
ชลทิศนำเสื้อผ้าชุดใหม่ไปให้เจ้าหน้าที่เปลี่ยนให้พุดจีบก่อนเคลื่อนศพไปบ้านเกิดซึ่งอยู่ต่างอำเภอโดยรถมูลนิธิ ส่วนเขาขับรถตามไปพร้อมดวงดารา หลานสาวบ่นมาตลอดทางเรื่องความลำบากและอดเคืองญาติๆ ไม่ได้ ที่ยืนกรานให้นำศพพุดจีบกลับไปทำพิธีที่วัดใกล้บ้านเกิด
“มาทำงานไกลขนาดนี้ ดาราคงไม่มีปัญญามาทุกคืน ตอนหยุดเรียนทำงานศพแม่ก็ยังเรียนไม่ทันเพื่อนเลย”
“น้ารู้ แต่จะทำยังไงได้ก็ญาติๆ เราเค้าต้องการอย่างนี้ แต่บางทียายพุดก็อาจอยากกลับมาอยู่บ้านแกก็ได้ เผาแกที่นี่แกคงพอใจ ดาราไม่ต้องมาทุกคืนหรอก ไว้น้าพามาคืนสุดท้ายกับวันเผาก็แล้วกัน”
“เค้าจะว่าเราหรือเปล่า ว่าพายายไปตายแล้วไม่ดูดำดูดี”
“ใครจะมาคิดแบบนั้น เราไม่ได้อยากให้ยายพุดตายเสียหน่อย ไม่เอาแล้ว อย่าคิดมาก”
บรรยากาศในวัดที่ทางญาติรอรับศพพุดจีบดูสับสนวุ่นวาย บ้างเตรียมสถานที่รดน้ำศพ บ้างจัดแต่งดอกไม้ไว้ประดับหน้าโลง และหน้ารูปถ่ายคนตาย บ้างเตรียมอาหารเลี้ยงญาติกับแขกที่มารดน้ำและฟังสวดคืนแรก คนแก่ๆ ที่ช่วยทำงานไม่ไหวก็นั่งรอ เมื่อรถบรรทุกศพมาถึงคนส่วนหนึ่งเข้าไปออดูและช่วยกันหามไปในศาลารอเวลารดน้ำตามประเพณี
ชลทิศจอดรถใต้ร่มไม้แล้วรีบเดินเข้าไปในศาลา ไหว้ทักทายญาติพี่น้องคนแล้วคนเล่า บางคนเข้ามาถามถึงสาเหตุการตาย ถึงสภาพศพ สภาพแวดล้อมบ้านที่อยู่ว่าทำไมถึงเกิดเหตุเช่นนี้ได้ บ้างถามหาของมีค่าที่ติดตัวพุดจีบตลอดเวลา เพราะคนต่างจังหวัดที่มีฐานะดีมักชอบซื้อทองหยองใส่ บ้างอวดร่ำอวดรวย บ้างใส่ติดตัวไม่ให้เพื่อนบ้านดูถูกดูแคลน เช่นเดียวกับพุดจีบที่สวมสร้อยทองและสร้อยข้อมือเป็นประจำ และน่าจะเป็นเหตุให้ถูกฆาตกรรมในครั้งนี้
“เอาออกเถอะนะ เผาไปก็ไม่ได้ไปกับแกหรอก ให้ลูกหลานไว้ดูต่างหน้าดีกว่า”
ชลทิศได้ยินคำนี้จึงรีบเข้าไปดูว่าญาติที่รุมล้อมร่างไร้วิญญาณของพุดจีบพูดถึงอะไร ชายหนุ่มแปลกใจทันทีที่เห็นสร้อยทองที่คอพุดจีบซึ่งญาติคนหนึ่งกำลังลูบคลำเหมือนอยากถอดออกเต็มที ที่ข้อมือก็มีสร้อยทองลายไทยโบราณที่เขาเคยชมว่าสวยแปลกตาดี แม้กระทั่งแหวนทองวงเกลี้ยงก็ยังสวมอยู่ที่นิ้ว
‘ก็ของพวกนี้หายไป โจรฆ่าชิงทรัพย์น้าพุด แล้วมันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง’
ชลทิศรีบเดินไปหาเจ้าหน้าที่มูลนิธิที่มาส่งศพซึ่งกำลังจะกลับ สอบถามข้อสงสัยเล็กน้อย ก็ได้คำตอบที่ทำให้แปลกใจอีกคำรบ สองคนบอกว่าของทุกอย่างอยู่ในถุงเสื้อผ้าที่เขานำไปให้เจ้าหน้าที่ผู้หญิงเปลี่ยนให้พุดจีบ รวมถึงเครื่องประดับและกระเป๋าสตางค์
“มีกระเป๋าตังค์ด้วยหรือ” เขาถามงุนงง แต่เหมือนคนถูกถามจะงงมากกว่า
“อ้าวหมอ ก็หมอเอามาให้เอง พี่อ้อยยังว่าเสียดายจังถ้าจะเผาไปกับศพ ดูเหมือนพี่อ้อยจะวางไว้บนอกนั่นแหละครับ แต่ถูกหามถูกยกน่าจะหล่นไปอยู่ข้างๆ หรือใต้ศพ หมอลองดูดีๆ นะครับ”
ชลทิศขอบคุณสั้นๆ แล้วรอให้ทั้งคู่ขึ้นรถแล้วขับออกไปก่อนจึงเดินกลับเข้าศาลา แต่ต้องหันกลับมาเพราะเสียงเรียกที่คุ้นเคย
เมื่อหันไปก็เห็นตั้ม อัญมณีและสวิชกำลังเดินมาหา
“มาทันใช่ไหมครับ” ตั้มถาม
“ครับยังไม่ได้เริ่มเลย ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์มา สวัสดีครับคุณสวิช คุณอัญมณี เชิญข้างในก่อน” เขาทักทายสองคนที่เดินตามตั้มมา แล้วเดินเข้าศาลา เชื้อเชิญให้ทั้งสามนั่งรอแล้วตนเองเดินไปหาดวงดาราที่ยืนดูญาติๆ กำลังเถียงกันเรื่องของมีค่าของพุดจีบ
“ดาราหาน้ำไปต้อนรับน้าตั้มกับเพื่อนหน่อย สองคนนั้นเค้าเป็นแฟนกันกำลังจะแต่งงาน เลิกคลางแคลงเรื่องนั้นได้แล้ว จำไว้ว่าเราเป็นเจ้าภาพ อย่าทำอะไรไม่ดีไม่งามนะ” เขากำชับ ดวงดารามองหน้าเขาแล้วแบะปากเล็กๆ ก่อนจะเดินไป ชลทิศได้แต่หวังว่าดวงดาราจะทำหน้าที่เจ้าภาพที่ดี ส่วนเขามีเรื่องต้องทำความตกลงกับญาติที่ห้อมล้อมศพอยู่
“ขอโทษนะครับ ผมขอเก็บของพวกนี้ไปก่อนไว้เสร็จคดีแล้วจะเอามาให้ ตอนนั้นใครจะแบ่งกันยังไงก็ตามแต่ใจนะครับ” ชลทิศจัดแจงถอดเครื่องประดับและควานมือไปใต้ร่างแข็งเย็นเพื่อหากระเป๋าสตางค์ เขารู้ว่ามีหลายคนอยากค้านแต่ไม่กล้า ได้แต่มองเขาแล้วมองกันเองก่อนถอยห่าง
“ดาราเอาสร้อยทองยายพุดมาจากไหน” เขาถามในขณะขับรถไปส่งดวงดาราที่บ้านหลานสาวหันมามองแปลกใจก่อนบอก
“ก็อยู่ในห้องยายพุด แกคงถอดออกมาซ่อมแล้วลืมไว้”
“ซ่อมหรือ”
“ก็เห็นร้อยด้ายเอาไว้ สร้อยคอแกน่าจะขาดเลยเอามาร้อยด้ายต่อกันก่อนไปทำที่ร้าน แล้วน้าชลก็บอกว่าให้เอาของใช้เครื่องประดับที่แกใส่ประจำให้แกไปด้วย แกอาจจะหวง ดาราก็เลยใส่ไปในห่อผ้าด้วย ทำไมหรือคะ”
”ไม่มีอะไรจ้ะ แค่ดีใจที่ไม่ได้ถูกจี้ไปนะ”
หากพุดจีบไม่ได้ใส่ของมีค่าออกจากบ้านแล้วโจรจี้ทำไม เสื้อที่น้าสาวเขาสวมตอนเสียชีวิตก็เปิดคอเห็นได้ชัดว่าใส่สร้อยทองหรือไม่ และอีกอย่างเขาเห็นรอยบาดที่คอของศพที่คราแรกคิดว่ารอยสร้อยบาดคอเพราะถูกกระชากอย่างแรง
รถเงียบไปพักใหญ่เหมือนดวงดาราจะหลับเพราะดึกมากแล้ว แต่จู่ๆ เด็กสาวก็ถามขึ้น
“น้าชลล้มเลิกความคิดว่านังผู้หญิงคนนั้นเป็นต้นเหตุทำให้แม่ตาย เพราะมันกำลังจะแต่งงานแค่นี้หรือคะ”
ชลทิศลอบถอนหายใจก่อนตอบโดยไม่เหลียวมอง
“ทำไมบอกไม่จำว่าอย่าเรียกใครว่ามัน”
“ก็มันทำให้แม่ถูกพ่อฆ่าตาย ดาราเกลียดมัน” ดวงดาราเน้นคำพูด ดวงตาวาวโรจน์
“เราเอาอะไรไปปรักปรำเขา อีกอย่างงานเขาคือช่างภาพ งานก็ยุ่งไม่แพ้น้าเลย จะเอาเวลาที่ไหนไปเขียนนิยาย น้าว่าดาราคงเข้าใจผิด”
“คนจะเขียนนิยายไม่ต้องมีเวลาเขียนเองหรอกคะ เค้าให้คนอื่นเขียนแทนให้ได้”
“มีอย่างนั้นด้วยหรอ ให้คนอื่นเขียนก็เป็นงานของคนอื่นไปสิ จะมาเป็นของนักเขียนคนนั้นได้ยังไง”
“ไม่ค่ะ คือเขาอัดคำพูดไว้ ให้คนช่วยพิมพ์ตามที่พูดค่ะ”
“ทำไมดารารู้”
“เคยอ่านเจอค่ะ ว่ามีนักเขียนเมืองนอกทำ”
“เราเลยปักใจว่าคุณมานี่เป็นนักเขียนคนนั้น แต่ถึงเขาจะใช่หรือไม่ใช่ มันก็ไม่เกี่ยวกับการตายของแม่เรานะ เราต่างรู้ดีว่าพ่อดาราเป็นคนทำ ไม่อย่างนั้นจะ”
“ก็ถ้ามันไปตามนัด ไปอธิบายให้พ่อฟังว่าไม่ได้เป็นชู้กับแม่ พ่อก็คงไม่ฆ่าแม่ ดาราเกลียดมัน เกลียด เกลียด” ดวงดารากรีดเสียงขัดขึ้น แล้วปิดหน้าร้องไห้