วลัญช์กลับหอแล้วและก็กำลังเตรียมเก็บของใส่กล่องที่เธอขอมาจากร้านชำตรงด้านล่าง
เธอจะย้ายไปอยู่หอหญิงข้าง ๆ มอ
ที่นั่นมีเพื่อนร่วมห้องสามคน และอยากได้คนเพิ่มมาหารค่าห้องพอดี วลัญช์ได้ยินคนในห้องคุยกันตอนวิชาเรียนรวม เลยบากหน้าเข้าไปขอแจมอยู่ด้วย ทีแรกนึกว่าจะไม่ให้ แต่พอพวกนั้นพยักหน้าว่าได้ก็ค่อยโล่งใจหน่อย
วลัญช์นึกแล้วเซ็งที่ไม่สามารถย้ายกลับเข้าไปอยู่ในหอของมหาวิทยาลัยได้อย่างเดิม เพราะย้ายเข้าและออกได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ยิ่งเด็กที่ไม่ชอบทำกิจกรรมแบบเธอด้วยแล้ว ยิ่งยาก ที่จะได้รับความเห็นใจจากอาจารย์ผู้คุมหอ
ตอนที่วลัญช์กำลังคิดวุ่นวายขณะเก็บข้าวของอยู่นั่นเอง มีเสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเรียกชื่อของเธอดังขึ้นตรงหน้าห้อง
"น้องไวท์คะ"
วลัญช์หยุดมือที่กำลังเก็บของลงกล่อง เธอเงียบไปอึดใจเดียวแล้วเดินไปที่ประตูห้อง เธอส่องดูที่ตาแมวแล้วถึงได้ส่งเสียงตอบกลับไป
"ค่ะพี่ มีอะไรหรือเปล่าคะ"
คนที่ด้านนอกบอกกลับมาว่า "มีคนฝากของไว้ให้น่ะค่ะ"
วลัญช์ได้ยินอย่างนั้นแล้วจึงเปิดประตูห้องออกให้ พบว่าเป็นผู้จัดการห้องชุด ที่ทำหน้าที่คอยดูแลความเรียบร้อยและมักจะประจำที่เคาน์เตอร์อยู่ตรงด้านล่างของอาคารนั่นเอง
วลัญช์รับของจากทางนั้นมาแล้วก็บอกกลับไปว่า "ขอบคุณมากนะคะพี่"
หญิงสาวคนนั้นยืนยิ้มเผล่ที่ตรงประตูห้องของเธอ พร้อมกับยักคิ้วให้ ก่อนส่งสายตามองมาที่กล่องข้าวของที่นำมาส่งให้เธอถึงที่ห้อง ท่าทางของอีกฝ่ายดูอยากรู้อยากเห็นแบบชัดเจนว่าของฝากที่เธอได้รับนั้นคืออะไร
วลัญช์ยิ้ม เธอไม่ได้พูดอะไร เธอก้าวถอยหลังเข้าห้องไป ก่อนจะดึงประตูลงเบา ๆ เป็นการบอกลา
วลัญช์แกะของออกก็พบของมีบัญชีเงินฝากเป็นเงินหกหลักและกุญแจรถยนต์อีกหนึ่งคัน ของพวกนี้มาจากใครไม่ได้หรอก ต้องเป็นของสมนาคุณจากพระพายอย่างแน่นอน เขาส่งมาให้เธอหลังจากเธอบอกเขาไปว่า ‘รัก’ ในคืนวันนั้น
ทำไมถึงเพิ่งคิดได้ก็ไม่รู้ว่าต้องทำแบบนี้ถึงจะรอดจากคนร้ายกาจอย่างพระพาย
คนอะไรหน้าหนา มัดมือชกหน้าด้าน ๆ
วลัญช์คิดพร้อมกับมองไปยังโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่เขาเคยซื้อไว้ให้ใช้ติดต่อกับเขา มองนิ่งอยู่แบบนั้นอึดในก็ค่อยตรงไปจัดแจงปิดเครื่องเตรียมนำลงกล่องเพื่อส่งคืนให้เขาทั้งหมด รวมกับของชิ้นอื่น ๆ ด้วย
วลัญช์จะย้ายออกจากที่นี่ในวันรุ่งขึ้น ตอนนี้ของที่จะคืนคงไม่ใช่แค่โทรศัพท์มือถือตัวใหม่ราคาแพงแสนแพง สร้อยและเงินสดจำนวนหนึ่งที่เขาให้ไว้ คงต้องคืนมันทั้งหมดนี่เลยให้กับพระพายไป
แล้วอดนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอกับพระพายต้องเข้ามาข้องเกี่ยวกันไม่ได้ ไม่น่าเลย คืนนั้นเธอไม่น่าเลย...
สามสัปดาห์ก่อน
ที่คณะจะจัดงานบายเนียร์ และนี่ก็เป็นสิ่งที่วลัญช์พยายามเลี่ยงมาโดยตลอด งานหรือกิจกรรมอะไรก็ตามแต่ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเรียนและต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นมา วลัญช์จะไม่เข้าร่วมเด็ดขาด ไหนจะค่าบัตร
ค่าของขวัญให้สายรหัสที่กำลังจบ
ค่าชุด ค่าแต่งหน้า
วลัญช์ไม่มีปัญญาหามาจ่ายได้อย่างแน่นอน ปีก่อนนั้นเธอเลยเลี่ยงด้วยการบอกกับพี่สายรหัสไปตามตรงว่าไม่มีเงิน
ทุกบาททุกสตางค์นอกจากต้องกู้กยศ.แล้ว บางทีเธอก็ต้องไปทำงานนอกเวลามาจ่าย แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อเธอเลยสักคน ทุกคนมองหน้าตาของเธอ มองผิวพรรณ ฟังน้ำเสียง ฟังคำพูดจาของเธอแล้ว ทุกคนต่างลงความเห็นว่าแบบนี้คือลักษณะของคนรวยอย่างแน่นอน ไม่ใช่คนที่ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนหาเงิน
วลัญช์ได้แต่ถอนใจอย่างหมดหนทาง แล้วเธอก็ตัดสินใจหนีปัญหาด้วยการหนีประชุมเชียร์ของคณะ
วลัญช์ไม่เข้าร่วมพบปะกับสายรหัส จนรุ่นพี่ถึงกับหมายหัวเธอเอาไว้ และเมื่อขึ้นปีสองก็ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอเคยทำมาจะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
“คงไม่มีใครในคณะ! ใช้ข้ออ้างเดิม ๆ! ว่าไม่มีเงิน! แล้วหนีประชุมเชียร์ของคณะ! หนีงานเลี้ยงสานสัมพันธ์ของสายรหัสอีกแล้วใช่ไหมครับ! น้อง ๆ!”
เสียงตะโกนถามเน้นคำ กระแทกกระทั้น ใส่อารมณ์ตามแบบของพี่ว๊าก ดังมาจากชายรุ่นพี่ร่างสูงใหญ่ผิวดำแดงที่ใช้เก้าอี้ของโต๊ะกินข้าวตัวหน้าสุดเป็นสเตจชั่วคราวไปพลาง ๆ ก่อน ก่อนที่คนพูดและพี่คนอื่น ๆ จะลากสายตามาหยุดลงที่เธอ