คฤหาสน์ อัครพรชัย ถูกสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีเขียวเกือบทั้งหลัง ตั้งตระหง่านอยู่กลางเนื้อที่หลายสิบไร่ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่เขียวขจี สองข้างทางประดับประดาด้วยพุ่มไม้ราคาแพงที่ถูกตัดแต่งไว้อย่างดี ดอกไม้แสนสวยนานาชนิดชูช่ออยู่ในกระถางสไตล์ยุโรปตลอดสองข้างทางน่ามอง
“คุณแม่ครับผมจะทำยังไงดี ถ้าพรรู้เข้า มีหวังฆ่าผมตายแน่”
ลักษกร อัครพรชัย ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูง ใบหน้าหล่อเหลาน่ามอง ผิวกายขาวผ่อง ตาชั้นเดียวเหมือนกับบิดาที่ล่วงลับไปแล้ว เดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์อย่างร้อนใจ
อีกไม่ถึงหนึ่งเดือนข้างหน้าเขาก็จะต้องเข้าพิธีมงคลสมรสกับพรทิวา ผู้หญิงที่คุณหญิงเลอลักษณ์เลือกให้ ซึ่งหล่อนเป็นบุตรสาวคนเดียวของข้าราชการระดับสูงในกระทรวงกลาโหม และที่สำคัญบิดาของพรทิวายังเป็นเพื่อนสนิทกับพันตำรวจเอกรังสรรค์ คุณพ่อของเขาที่เสียไปเมื่อหลายเดือนก่อนอีกด้วย
ดังนั้นลักษกรจึงไม่มีทางเลือกที่จะปฏิเสธการแต่งงานในครั้งนี้ แม้จะไม่ได้รักได้ชอบพรทิวานัก แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจหล่อน เพราะพรทิวาจัดได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สวยจัดคนหนึ่ง แม้จะดูกร้านโลกไปสักนิดก็ตาม
“คลำไม่มีหางก็คว้าหมด แล้วเป็นยังไงล่ะ เจอดีเข้าให้”
คุณหญิงเลอลักษณ์เบ้หน้า ต่อว่าลูกชายออกไปด้วยความไม่พอใจ กับความเจ้าชู้ที่ลักษกรไม่เคยลดละแม้กระทั่งจะแต่งงานกับคู่หมั้นคู่หมายในเดือนหน้าอยู่รอมร่อทำให้หล่อนแสนจะระอาใจ
“โถ คุณแม่ครับ ก็เห็นสวย ๆ แบบนั้นไม่คิดว่าจะร้ายลึก แต่เขาก็เงียบ ๆ นะ มีแต่น้าเขาคนเดียวเท่านั้นแหละที่ทำเป็นเต้น”
ลักษกรหยุดเดิน หันมามองมารดาอย่างขอความเห็นใจ ขณะที่ใบหน้าหวาน ๆ ของแม่สาวคนนั้นแทรกเข้ามาในความคิด
“แล้วทำไมไม่เสนอเงินให้ไปล่ะ สักแสนสองแสน ก็น่าจะหมดเรื่องแล้ว ไม่เห็นต้องไปโทรตามเจ้ามาร์สให้กลับมาเลย”
เมื่อนึกถึงลูกชายอีกคนหนึ่งของสามีที่เกิดจากภรรยาเอก ก็พานทำให้เลอลักษณ์อารมณ์เสียขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ หล่อนเกลียดแม่ของมัน และก็เกลียดมันด้วย ดีนะที่มาร์คัสไม่มีท่าทางที่จะมาแย่งสมบัติของลักษกร ไม่อย่างนั้นหล่อนคงได้ลงมือฆ่าคนแน่ ๆ
“ผมทำทุกอย่างที่แม่พูดมาแล้วครับ แต่มันไม่ได้ผลสักอย่าง เขายืนกรานให้ผมแต่งงานด้วยอย่างเดียว”
ชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยชื่อดังทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้นุ่มตรงข้ามกับมารดา ใบหน้าหล่อใสตามสไตล์เกาหลีนั้นเคร่งเครียดจนน่าสังเวชใจ
“ก็เพิ่มเงินให้อีกสิ ห้าแสน หรือล้านหนึ่งก็ได้ เงินแค่นี้มันเล็กน้อยสำหรับเรา”
คุณหญิงเลอลักษณ์ยักไหล่ ขณะยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน
“ผมเสนอแล้วครับ เขาไม่เอา เขาบอกว่าสิบล้านเขาก็ไม่เอา”
เมื่อเห็นความยุ่งยากใจฉายชัดอยู่ในดวงตาของลูกชาย คนเป็นแม่อย่างเลอลักษณ์ก็ไม่อาจจะทนนิ่งเฉยได้
“แล้วมันจะเอาอะไร ถ้าเล่นตัวนัก ก็ส่งนักเลงไปจัดการมันสิ”
ลักษกรส่ายหน้า “ไม่ได้หรอกครับคุณแม่ หากเราทำเขา ภาพพวกนั้นได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับอย่างแน่นอน”
เสียงถอดถอนหายใจหนักหน่วงของลักษกรทำให้เลอลักษณ์ต้องนิ่งเงียบ เก็บความคิดที่จะทำร้ายคนพวกนั้นเข้ากรุไปทันที
“และหุ้นของบริษัทฯ เราก็จะดิ่งลงเหวนะครับ แถมชื่อเสียงวงศ์ตระกูลก็ยังจะยับเยินด้วย”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เลอลักษณ์พ่นลมออกจากปากอย่างขัดใจ ก่อนจะเอ่ยถามถึงมาร์คัส ตัวช่วยสุดท้ายที่จะมาทำให้ลักษกรรอดพ้นจากบ่วงเล่ห์ของคนจรจัดพวกนั้น
“แล้วนายมาร์สจะมาเมื่อไหร่ล่ะ”
“พรุ่งนี้ครับ”
เลอลักษณ์เบ้หน้า ก่อนจะพูดออกมาคล้ายดูถูก “จะได้เรื่องหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ผมเชื่อมือพี่มาร์สครับ เพราะตลอดสองปีที่ผ่านมา พี่มาร์สก็ช่วยผมมาตลอด”
แม้จะไม่สนิทกัน แต่ลักษกรก็ไม่ได้รังเกียจมาร์คัส พี่ชายต่างมารดาเหมือนกับที่เลอลักษณ์รู้สึก เขาค่อนข้างจะเคารพและทึ่งในตัวมาร์คัสด้วยซ้ำไป
เขาอยากเป็นได้อย่างมาร์คัส สุขุม เยือกเย็น และดุร้ายได้ในเวลาเดียวกัน
“ก็แกมันขยันหาเรื่องนี่ คอยดูนะถ้าเจ้ามาร์สมันช่วยไม่ได้ มีหวังฉันต้องตรอมใจตายเพราะได้ลูกสะใภ้โสเภณีแน่เลย ๆ แล้วยังต้องถูกคุณวิชาญถอนหงอกอีก...”
เลอลักษณ์ถอนหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม ใบหน้าที่ประโคมเครื่องสำอางใส่จนแทบจะจำเค้าเดิมไม่ได้หม่นหมองลงผิดหูผิดตา
ลักษกรไม่ตอบ ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักโซฟา ขณะดวงตาคมกล้าจ้องมองเพดานห้องอย่างใช้ความคิด แม้จะเชื่อมั่นในตัวของพี่ชายมากแค่ไหน แต่หากมันไม่สำเร็จล่ะ เขาจะทำยังไงดี...
ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจแม่สาวน้อยคนสวยคนนั้นหรอกนะ แต่เขากลัวว่าจะถูกมารดาฉีกอกเอาต่างหาก