ตอนที่ 5

1344 คำ
ถึงแม้จะไม่ได้เต็มใจกระทำสิ่งเหล่านี้ก็ตาม แต่หล่อนปฏิเสธได้ไหมล่ะ ว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตราบาปเหล่านี้มันคงจะต้องตามติดตัวของหล่อนไปจนตายอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง “ไปสิ ยืนเหม่ออยู่ได้ เดี๋ยวไม่ทัน ฉันจะฆ่าแกจริง ๆ นะ” หญิงสาวสะดุ้ง สมองที่เลื่อนลอยออกไปไกลถูกดึงกลับมาทันควัน เวลาที่หล่อนต้องแปลงร่างเป็นแม่สาวนักขุดทองใกล้เข้ามาจนรดต้นคอ ดวงยิหวาเหลือบตามองหน้านารีอย่างเศร้าใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินตรงไปยังห้องพักของตนเอง แต่กระนั้นเสียงแหลมปรี๊ดของนารีที่ด่าทอแผดดังลั่นบ้านก็ยังไล่ตามหลังมาติด ๆ หญิงสาวปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาตามร่องแก้มด้วยความสังเวชใจ หญิงสาวไม่เคยมีความสุขเลย เมื่อมีนารีอยู่ใกล้ ๆ หล่อนจะต้องทำอย่างไรนะ ถึงจะออกจากวงจรนรกที่น้าของตัวเองขุดขึ้นได้สักที เมื่อได้อยู่ตามลำพังกับตัวเอง ภาพคืนวันเก่า ๆ ก็ย้อนกลับเข้ามาราวกับเทปที่กำลังเล่นซ้ำ ภาพที่พ่อใช้กำลังทำร้ายแม่ของเขา ภาพที่แม่ยืนร้องไห้ราวกับจะขาดใจเมื่อเห็นบิดากำลังพลอดรักกับแม่พวกผู้หญิงหิวเงินพวกนั้น เขาเกลียด! เกลียดพ่อ เกลียดผู้หญิงทุกคน เพราะพวกหล่อนมีจิตใจที่สกปรกต้องการสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง แม่ของเขาต้องตรอมใจตายหลังจากเลิกรากับบิดาไปได้ไม่กี่ปี และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่เคยติดต่อกับบิดาอีกเลย จวบจนถึงวันนั้น วันที่พ่อของเขาใกล้จะเสีย... จดหมายจากประเทศไทยฉบับแรกที่ส่งมาหาเขาที่เอเธนส์ คุณตาเป็นคนเอามายื่นให้เขาตรงหน้า และเขาก็เกรงใจคุณตามากเกินกว่าจะปฏิเสธที่จะรับจดหมายฉบับนั้นมาอ่าน ‘พ่ออยากให้มาร์สมาอยู่บ้านของเรา ช่วยดูแลกิจการของพ่อ และช่วยดูแลลักษกรแทนพ่อด้วย’ และนี่ก็เป็นข้อความในจดหมายที่บิดาเขียนมาหาเขาก่อนตาย ทั้ง ๆ ที่คิดว่า ไม่แคร์ ไม่รัก แต่พอบิดาจากไปจริง ๆ เขาอดรู้สึกโศกเศร้าไม่ได้ และด้วยไอ้จดหมายบ้าบอนี่เองที่ทำให้เขาต้องคอยบินไปกลับเอเธนส์ - ไทยถี่ยิบในตลอดสองปีที่ผ่านมา ลักษกรสร้างปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน แถมยังเจ้าชู้จนเขาต้องระอาใจ มาร์คัสหลุดออกจากความหลังเมื่อประตูห้องส่วนตัวของตนเองถูกเปิดออกโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ชายหนุ่มตวัดสายตาคมกล้าสีนิลระยับจ้องมองแขกผู้มาเยือนด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อภาพของผู้ชายสูงผอมของน้องชายกระทบเข้ามาในดวงตา มุมปากข้างหนึ่งของมาร์คัสก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แต่มันไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความดีใจ หากมันคือรอยยิ้มเย้ยหยันและดูถูก จนลักษกรหน้าซีดลงทันที ที่ถูกพี่ชายต่างมารดาจ้องมองเหยียดหยามแบบนั้น “ผมขอโทษครับพี่มาร์ส ผมอยากเจอพี่มากไปหน่อย เลยลืมเคาะประตู” คำแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ของน้องชายทำให้มาร์คัสแทบจะอาเจียน ดวงตาสีดำสนิทของมาร์คัสหุบต่ำลงเพื่อซ่อนความรู้สึกบางอย่าง ก่อนที่น้ำเสียงเย็นชาจะหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักสวยของเขา “นั่งสิ เล่ามาให้หมด และที่สำคัญห้ามโกหก!” ลักษกรทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับพี่ชาย ขณะเงยหน้าประสานสายตากับดวงตาสีนิลที่แฝงไปด้วยความดุร้ายของมาร์คัสด้วยความหวาดหวั่น คลื่นความอำมหิตของผู้ชายตรงหน้าทำให้ความเย็นจากสุดขั้วโลกคืบคลานเข้าสู่ร่างกาย และมันก็เย็นวาบไปตามไขสันหลัง “ครับ พี่มาร์ส” ลักษกรเริ่มเล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาถูกแบล็กเมล์ให้กับพี่ชายฟัง ชายหนุ่มลอบสังเกตสีหน้าไร้ความรู้สึกของพี่ชายว่าเขาจะแสดงอารมณ์อะไรออกมาบ้างไหม แต่มาร์คัสเหมือนสวมหน้ากากน้ำแข็งเอาไว้ ความรู้สึกต่าง ๆ ช่างหาไม่ได้เลยบนใบหน้าหล่อเหลาปานเทพกรีกนั้น มาร์คัสยังคงเงียบสงบราวกับท้องทะเลยามไร้เกลียวคลื่น “แล้วนายจะทำยังไง” เมื่อลักษกรเล่าจบ มาร์คัสจึงถามขึ้นเสียงห้วน “ผมจนปัญญา คงต้องให้พี่มาร์สช่วยเหลือ เพราะให้เงินเขาก็ไม่เอา บอกจะแต่งงานกับผมอย่างเดียว” เสียงถอดถอนหายใจของน้องชายซึมซาบเข้ามาในโสตประสาท มาร์คัสลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะหมุนตัวเดินไปหยุดที่ขอบหน้าต่าง ดวงตาคมกล้าจ้องมองผ่านม่านแดดออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอก แต่ความสวยงามของพุ่มไม้หาได้ทำให้ความขยะแขยงในหัวใจลดต่ำลงได้เลย “แล้วคืนนี้แม่นั่นนัดนายที่ไหน” กระแสเสียงเต็มไปด้วยความรังเกียจ เมื่อสมองพยายามนึกภาพใบหน้าของแม่สาวคนนั้น คนที่หวังจะเข้ามาขุดทองในตระกูลอัครพรชัย สวยหรือ! สวยแต่เลว มันจะไปมีประโยชน์อะไรล่ะ “ที่นี่ครับ พวกเธอจะมาตอนสองทุ่ม เพื่อมาบังคับให้ผมแต่งงานด้วย” ลักษกรตอบด้วยน้ำเสียงหมดอาลัยตายอยาก ขณะเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง “อย่างนั้นหรือ…” คิ้วหนาที่พาดอยู่เหนือดวงตาคมกล้าเลิกสูงขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนที่รอยยิ้มแห่งเพชฌฆาตจะระบายแต่งแต้มใบหน้าหล่อจัดของมาร์คัสแจ่มชัด “นายกลับห้องไปได้แล้ว และก็ไม่ต้องออกมาพบแม่พวกนั้น พี่จะจัดการเอง แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย จำเอาไว้!” “ครับพี่มาร์ส” ลักษกรลุกขึ้นยืน ใบหน้าหล่อใสเจื่อนลงเล็กน้อยกับคำพูดของพี่ชาย พร้อมกับรีบก้าวยาว ๆ ออกไปจากห้องส่วนตัวของมาร์คัสที่ป้าสร้อยจัดไว้ให้โดยไม่รอให้พี่ชายพูดซ้ำ ตอนนี้เขาโล่งใจยิ่งกว่าได้รับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเสียอีก เขาเชื่อใจมาร์คัสเสมอ เพราะในพจนานุกรมของพี่ชายไม่เคยมีคำว่าผิดพลาดบันทึกอยู่ในนั้น ‘พี่จะจัดการเอง’ คำนี้แหละที่เขาอยากฟังมันมาตลอดห้าวันเต็ม ๆ แม้ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่มาร์คัสจะช่วยเหลือเขาก็ตาม... มาร์คัสหมุนตัวเดินกลับมาทรุดนั่งบนเก้าอี้หน้าโน้ตบุ๊กสีดำเงาวับ กรามแกร่งขบกันจนเป็นสันนูน ความรังเกียจระคนขยะแขยงแจ่มชัดในดวงตาสีนิลที่อยู่ในกรอบขนตางอนดกดำของตัวเอง ถึงแม้เขาจะไม่เคยสนใจกับพวกทรัพย์สมบัติของบิดาแม้แต่นิดเดียว แต่ก็ไม่อาจจะทนมองเฉย ๆ ให้ปลิงตัวเมียหน้าเงินมาสูบเลือดจนหมดตัวได้ เขาจะต้องทำให้แม่ผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นกระเด็นออกจากเส้นทางชีวิตของลักษกรและไม่มีทางย้อนกลับมาสร้างความหายนะให้น้องชายของเขาได้อีก และเขาก็คิดแผนการไว้แล้ว... ผู้หญิงน่ารังเกียจแบบนั้นจะต้องการอะไรมากไปกว่า ‘เงิน’ แต่ที่พวกหล่อนไม่ยอมตกลงรับข้อเสนอของลักษกรก็เพราะว่าเงินมันน้อยไปล่ะสิ เงิน คือ สิ่งที่มีอำนาจทำให้ผู้หญิงกลายร่างเป็นปลิงดูดเลือด มาร์คัสคิดอย่างชิงชัง อีกไม่ถึงชั่วโมงเขาก็จะได้พบหน้าแม่ผู้หญิงที่ลักษกรบอกว่าสวยมาก แต่ร้ายยิ่งกว่างูพิษเสียอีก อยากจะรู้นักว่าความเน่าเฟะของหล่อนมันจะส่งกลิ่นรุนแรงแค่ไหน มันจะสามารถทำให้อาเจียนจนหมดไส้หมดพุงหรือเปล่า ชายหนุ่มแสยะยิ้มออกมาด้วยความเหยียดหยัน แต่ที่แน่ ๆ เขาไม่มีวันปล่อยให้ ผู้หญิงคนไหนมามีอำนาจควบคุมสมอง หรือแม้แต่หัวใจของเขาได้อย่างแน่นอน...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม