หวงเพื่อนสนิท (หรอวะ)

2194 คำ
แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องผ่านช่องบานหน้าต่างเข้าแยงตา ปลุกให้ผมยกฝ่ามือหนาขึ้นมาปกป้องดวงตาไว้ขณะที่ยังไม่ลืมตาตื่น จักโมงจักยามแล้ววะ (กี่โมงกี่ยามแล้ววะ) ผมค่อย ๆ หรี่ตาเปิดขึ้นช้า ๆ รับแสงที่สาดกระทบเข้ามา ปัง ปัง!! “เซียง ตื่นยังเอ่ย” เสียงใสตะโกนเรียกอยู่ด้านล่างสลับกับเสียงทุบประตูหน้าบ้านราวกับจะพังมันให้แหลกคามือ “ใครวะ” ไอ้คาลค่อย ๆ หรี่ตาขึ้นมาด้วยความงัวเงีย แม้จะอยากนอนต่อก็ทำไม่ได้ ผมจำเป็นต้องดันร่างตัวเองขึ้นยืน ก่อนจะเดินลงบันไดลงมาข้างล่างยังสะลึมสะลือเพื่อตรงไปเปิดประตูหน้าบ้าน ปรากฏให้เห็นสาววัย 30 ต้น ๆ ที่วาสนาดีได้ผัวฝรั่ง เลยได้กวาดซื้อที่ไว้ปล่อยให้คนเช่าเรียกได้ว่าเสือนอนกินเลยล่ะครับ แต่ถึงแกจะรวยขนาดไหนแกก็ยังไม่ทำตัวเป็นคุณนายนอนสบายให้ผัวเลี้ยง แกยังคงทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองแถมยังส่งน้องเรียนต่อเมืองนอกด้วย อย่าหาว่าเสือกเลยนะครับ ผมรู้เพราะแกเคยเล่าสู่ฟังตั้งนานแล้ว ให้เรียกว่าใส่ใจคนรอบข้างจะเหมาะสมกว่า “ว่าจังได๋ครับเจ๊ดาวมาแต่เซ้าแท้” (มีอะไรหรอครับเจ๊ดาว มาแต่เช้าเลย) “มาซื้อหวย” วันที่ 16 แล้วตั๊วหนิ ผมกะลืมคักลืมแน (วันที่ 16 แล้วนี่นา ผมก็ลืมไปเลย) เจ๊ดาวไม่รอให้ผมอนุญาต แกเดินเข้ามากางสมุดโพยหวยลงบนโต๊ะพร้อมกับกดปากกาเตรียมจด “ผมคือบ่มีเลขมักน้องวดหนิ” (งวดนี้ผมไม่มีตัวเลขที่ชอบเลย) “โอ้ยยยย!! มีเยอะแยะ เมื่อวานนี้นะมีงูตัวใหญ่มันเข้าบ้านป้าหมอน หัวมันนี่นะ ขนาดเท่าขาเจ๊เลย พูดแล้วขนลุก บ้านเลขที่แก 73 เอาเลยมั้ย” เจ๊ดาวเม้าส์มอยส์อย่างออกรสออกชาติ ผมก็ตั้งไจฟังจนไม่รู้ว่าไอ้คาลมันเดินลงมานั่งอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ หันไปอีกทีก็เห็นมันนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้แล้ว “เอาเลยเจ๊ 73 กลับนำเด้อ 100 × 100” (เอาเลยเจ๊ 73 กลับด้วยนะ 100 × 100) นี่แหละครับ ความตื่นเต้นของชีวิต ไผสิเล่นเอาม่วนกะเล่นโลดครับ ผมสิเล่นเอารวย “มึงมักเลขโตได๋คาล” (มึงชอบเลขตัวไหนวะคาล) ผมหันไปขอความคิดเห็นจากไอ้คาล มันไม่เคยซื้อหวย ผมเลยอยากให้มันได้ลอง “กูหรอ เอ่อ… 9 มั้ง” “สองโตแหม” “อืมม…97” “ เอา 97 กลับนำ ซาวคูณซาวพอ มันเปลือง” (เอา97 กลับให้ด้วย 20 × 20 พอ มันเปลือง) “จัดไปค่าา หนุ่ม ๆ ว่าแต่เพื่อนเรามาอยู่ประจำที่นี่เลยใช่มั้ย” เจ๊ดาวเอ่ยถามตามนิสัยอยากรู้อยากเห็น “กะอยู่จนกว่ามันสิหางานใหม่พุ่นล่ะเจ๊” (ก็อยู่จนกว่ามันจะหางานใหม่ได้นู่นแหละเจ๊) “ดี ๆ ตั้งแต่ได้เพื่อนมาช่วยเนี่ยขายดิบขายดีเลยนะ สาว ๆ แน่นร้านทุกวัน ว่าแต่มีแฟนหรือยังอะเรา” ประโยคหลัง เจ๊ดาวหันไปคุยกับไอ้คาล “ยังไม่มีครับ” “อุ๊ย! ดีเลย เจ๊มีสาวมาแนะนำ เป็นรุ่นน้องที่เรียนมหาลัยเดียวกัน ขาว รวย สวย เอ็กซ์ ถูกสเป็ค แน่ ๆ” “บักคาลมันบ่มักดอกเจ๊” (ไอ้คาลมันไม่ชอบหรอกเจ๊) ไม่ทันที่ไอ้คาลจะได้เอ่ยปากพูดอะไร ผมก็รีบปฏิเสธแทนมันอย่างทันควัน ไม่รู้สิครับ แต่ผมรู้สึกไม่ชอบให้มันไปยุ่งกับใคร และไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับมันด้วย หรืออาการนี้เค้าจะเรียกกันว่าหวงเพื่อนสนิท “อย่าเพิ่งปฏิเสธสิ ไปดูตัวกันก่อน เผื่อชอบ” “บ่คือดอกเจ๊ บักคาลมันคุยสาวบ่เป็น แล้วล่ะแม่นบ่เลขหั่น ถ่าหักเอาหลังเลขออกโลดเด้อ นั่นประตูทางออก” (ไม่เวิร์คหรอกเจ๊ ไอ้คาลมันคุยสาวไม่เป็น เสร็จแล้วใช่มั้ยหวยน่ะ รอหักเอาหลังหวยออกเลยนะ นั่นประตูทางออก) ผมออกปากเชิญแกออกจากบ้านอย่างมีมารยาทพร้อมกับพับสมุดเก็บปากกาให้แกเสร็จสรรพ “โอเค ๆ แต่ถ้าเปลี่ยนใจบอกเจ๊ได้เลยนะคาล” เจ๊ดาวยังไม่วายเดินอ้อมไปยื่นนามบัตรส่งให้ไอ้คาลอีกรอบ ก่อนจะยกตัวเองออกไปจากร้านทิ้งไว้เพียงอารมณ์ขุ่นมัวในใจผม “เอามานี่” ทันทีที่เจ๊ดาวเดินออกไปจนสุดสายตาผมก็ยื่นมือไปตรงหน้าไอ้คาลทันที “เอาอะไรวะ” มันขมวดคิ้วทำหน้างุนงง “เจ๊ดาวเลาเอาอีหยังให้มึงวังยาหนะ” (เมื่อกี้เจ๊ดาวอะไรให้มึง) ผมชักสีหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ “อ๋ออ~ นามบัตรน่ะหรอ” มันว่าก่อนจะวางแผนกระดาษทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่าบัตรประชาชนวางลงที่ฝ่ามือของผม ‘เจ๊ดาวยั่วบริการรับหาคู่ ติดต่อที่เบอร์ 0xx-xxx-xxxx’ โอ้ บัดได๋แท้ เพินหาเงิน ผมกะว่าอยู่ อยู่ซือ ๆ คึสิมาหาผู้สาวให้ เจ๊ดาวยั่วว่าติ เจอบักเซียงสกัดดาวยั่วแนเป็นได๋ (ที่ไหนได้แกหาตังค์นี่เอง ผมก็ว่าอยู่ อยู่ดี ๆ ทำไมถึงมาติดต่อหญิงให้ เจ๊ดาวยั่วอย่างงั้นหรอ เจอไอ้เซียงสกัดดาวยั่วหน่อยเป็นไง) ผมใช้มือฉีกเบอร์ติดต่อออกเหลือไว้เพียงข้อความสั้น ๆ ‘เจ๊ดาวยั่ว บริการจัดหาคู่’ ส่งคืนให้ไอ้คาล “สิมีผู้สาวกะหาให้มันดี ๆ อย่าไปหาจีบไปทั่วทีปทั่วแดนเข้าใจบ่” (จะมีแฟนก็หาให้มันดี ๆ อย่าจีบไปมั่วเข้าใจมั้ย) เริ่มแรกผมก็คิดว่ามันจะโกรธที่ผมเอาแต่ใจแบบนี้ แต่ผิดคาด นอกจากมันจะไม่โกรธแล้วมันยังยกยิ้มจนน่าแปลกใจ “จริง ๆ กูก็ไม่ได้สนใจที่เจ๊ดาวเสนอให้หรอกนะ คือกู…มีคนที่ชอบอยู่แล้วน่ะ” ผมเหมือนหูอื้อไปชั่วขณะ มีคนที่ชอบอยู่แล้วงั้นหรอ?อยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนใจกระตุกวูบจนรู้สึกปวดหนึบไปทั่วแผ่นอก จุกจนพูดอะไรไม่ออกเลยครับ “อืม กูไปอาบน้ำละ จะเข้ามหาลัย” ว่าแล้วผมก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงขึ้นบันไดโดยมี ไอ้คาลยืนมองตามด้วยสีหน้าสงสัย “มึงมีเรียนบ่ายไม่ใช่เหรอวะ” “กะกูอยากไปเรียนเช้าแหมะ มึงมีปัญหาหยังบ่ คันหิวกะหาสะแตกเองโลด กูอารมณ์บ่ดี” (ก็กูอยากไปเรียนเช้าไง มึงมีปัญหาอะไรมั้ย ถ้ามึงหิวก็หาแดกเองเลยแล้วกันกูอารมณ์ไม่ดี) ผมตะโกนกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ ทั้งที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมอารมณ์เสียเรื่องอะไร ผมแค่รู้สึกไม่พอใจที่มันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ยอมรับตรง ๆ ว่าผมโคตรไม่มีเหตุผล โคตรเอาแต่ใจ ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ผมก็เริ่มเป็นแบบนี้ได้ไม่นานหรอกครับ แถมผมยังเป็นแค่กับไอ้คาลด้วย ถ้าอาการแบบนี้เรียกว่าหวงเพื่อนสนิท แล้วทำไมทีกับไอ้แคนไอ้ปึ๊ดผมถึงไม่เป็นล่ะครับ นี่ผมกำลังเป็นอะไร!? “คือทรงหน้าบูดแต่เช้าแท้ล่ะจารย์” (หน้าบูดแต่เช้าเลยนะมึง) ไอ้ปึ๊ดเอ่ยถามขณะกดเล่นเกมแข่งกับผม หลังจากที่ผมต่อสายปลุกพวกมันให้หอบสังขารมามหาลัยเป็นเพื่อน “หน้าบูดหยัง กะหน้าปกติเด้ล่ะ” (หน้าบูดไรวะ ก็ปกติหนิ) “บ้านมึงเอิ้นปกติเบาะแนวหนิ มึงเป็นหยังเถียงกับบักคาลติ” (อย่างนี้บ้านมึงเรียกปกติเหรอวะ มึงเป็นอะไร เถียงกันกับไอ้คาลหรอ) “บ่ได้เถียง บ่ต้องเว่าซือมันให้กูได้ยินนำ” (กูไม่ได้เถียง แล้วก็ไม่ต้องเอ่ยชื่อมันให้กูได้ยินด้วย) ผมตอบกลับไปมือก็กดยิงเกมอย่าหัวร้อน กูคือสูนแท้วะ หนีมาข้างนอกยังได้ยินซื่อมันตามมาหลอกหลอนอีก (มันน่าโมโหจริง ๆ ขนาดออกมาข้างนอกแล้ว ยังได้ยินชื่อมันตามมาหลอกหลอนอีก) “มึงคิดคือกูบ่เพี่ยน” (มึงคิดเหมือนกูมั้ยวะเพื่อน” “กูว่าแน่นอน 100% คันแมนเลขกะว่าแมนถือฮอดสามตัวตรงพุ่นล่ะไป๋” (กูว่าแน่นอน 100% ถ้าเปรียบเทียบกับถูกหวย กูก็ว่าได้สามตัวตรงนุ่นแหละ” เสียงไอแคนกับไอ้ปึ๊ดกระซิบกระซาบกัน ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้ผมเข้าไปใหญ่ “สู กูถามหยังแน” (พวกมึง กูถามอะไรหน่อยสิ” ผมเอ่ยถามพวกมันขณะที่ตายังจับจ้องดูหน้าจอมือถือ ส่วนมือก็กดเล่นเกมยิก ๆ “ว่าจังได๋” (ว่าไง”) “คันกูมีคนที่มัก สูสิเคียดให้กูบ่” (ถ้ากูมีคนที่กูชอบ มึงจะโกรธกูมั้ยวะ) “เอ้า กูสิเคียดหาสะแตกหยัง” (เอ้า แล้วกูจะโกรธมึงทำซากอะไร) “กะเคียดที่กูสิมีผู้สาวนี่เด้” (ก็โกรธที่กูจะมีแฟนนี่ไง) “มีกะมีตั๊ว มึงสิฮักกันสี้กันกะแล้วแต่มึง หัวใจมึง หำมึง เกี่ยวหยังนำกูบัดหนิ” (มีก็มีสิ มึงจะรักกันเอากันก็เรื่องของมึงหัวใจมึงของของมึงเกี่ยวอะไรกับกู) “เว้นแต่ว่า…” ไอแคนเว้นวรรคยาวจนผมลอบมองมันด้วยหางตาเพื่อลุ้นรอฟังคำตอบ “กูสิแอบมักผู้สาวมึง” (กูจะแอบชอบแฟนมึง) “แล้วคันมึงบ่เคยพ้อผู้สาวกูล่ะ” (แล้วถ้ามึงไม่เคยเจอแฟนกูเลยล่ะ) “กะแปลว่ากูมักมึงทอนั่นตั๊ะ” (ก็แปลว่ากูชอบมึงเท่านั้นแหละ) “มักแม่มึงเบาะ มันเป็นผู้ชาย กูกะเป็นผู้ชาย สิมักกันได้จังได๋” (ชอบแม่มึงดิ มันเป็นผู้ชาย กูก็เป็นผู้ชาย จะชอบกันได้ยังไงวะ) “แน~ วังยามึงยังยกโตอย่างกูกับมึงอยู่เลยเพี่ยน ตอนนี่มันคือเป็นมึงกับบักได๋แล้ว” (ฮันแน~ เมื่อกี้ยังยกตัวอย่างกูกับมึงอยู่เลย ไหงตอนนี้กลายเป็นมึงกับใครไปแล้ววะ) ไอ้ปึ๊ดว่าอย่างจับผิด ก่อนจะวางมือถือลงหลังจากที่จบเกมเรียบร้อย “กูกะเว่าไปซั่นล่ะ ยกโตอย่างซือ ๆ” (กูก็พูดไปงั้นแหละ ยกตัวอย่างเฉย ๆ) “มึงมีหยังปิดบังซุมกูแม่นบ่บักเซียง เบิ่งแต่เอ็นตากูก็ฮู่แล้ว” (มึงมีอะไรปิดบังพวกกูหรือเปล่าวะไอ้เซียง ดูแค่ตากูก็รู้แล้ว) “ปิดบังห่าหยัง กูบ่ได้ปิดบังหยังเด้ล่ะ” (ปิดบังเหี้ยไร กูไม่ได้ปิดบังอะไรทั้งนั้นแหละ) ผมพยายามควบคุมน้ำเสียงให้ดูปกติ แต่ยิ่งบังคับให้มันปกติ มันก็ยิ่งดูมีพิรุธเข้าไปใหญ่ “บักเซียง มึงว่ากูเป็นหมู่มึงมาจักปีแล้ว อ้าปากขึ้นมากะเห็นฮอดไส้ติ่ง” (ไอ้เซียง มึงกับกูเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้ววะ แค่มึงอ้าปากกูก็เห็นถึงไส้ติ่งแล้ว) ถ้าจะให้ผมพูดเรื่องนี้กับพวกมันจะไม่แปลกหรอครับ พวกมันจะมองผมเป็นคนยังไง ถ้ารู้ว่าผมมีความรู้สึกแปลก ๆเวลาอยู่กับไอ้คาล “ว่าจังได๋ มึงสิเว่าดี ๆ หรือสิให้กูบังคับ” (ว่าไง มึงจะพูดดี ๆ หรือจะให้กูบังคับ) ไอ้ปึ๊ดทำทีเป็นหักข้อกระดูกนิ้วเสียงดังกรอบแกรบ สายตาก็จับจ้องมาเพื่อคาดคั้นคำตอบจากผม ช่วยไม่ได้ครับ นาทีนี้ต้องหาทางหนีก่อน ผมพยายามกวาดสายตามองหาทางหนีทีรอดก่อนจะคว้าแก้วน้ำชาเย็นที่มีเกือบเต็มแก้วขึ้นมาดูดรวดเดียวจนหมด “เอ้า น้ำเบิดแล้วตั้วหนิ เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำใหม่ก่อนเด้อ” (น้ำหมดแล้วนี่หว่า เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำใหม่ก่อนนะ) ไม่ทันที่พวกไอ้ปึ๊ดจะได้เค้นเอาคำตอบที่พวกมันต้องการ ผมก็รีบดันตัวเองลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้ววิ่งแจ้นไปต่อแถวซื้อน้ำทันที ผมพลาดบักคักแล้วล่ะครับ ที่เฮ็ดให้ซุมนี่สงสัย มันได้ฮนผมเบิดมื่อแท้ ๆ (ผมพลาดมากที่ทำให้พวกมันสงสัย มันคงจะเค้นคำตอบจากผมทั้งวันแน่)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม