ลูกค้าvip

1389 คำ
ผมกับไอ้คาลเดินมาถึงร้านก็จัดการเปิดร้านทันที วันนี้ลูกค้าแน่นร้านเหมือนเดิม ผมกับไอ้คาลเราต่างช่วยกันทำลาบจนหัวหมุน จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาเกือบถึงตีสอง ผู้คนที่แน่นร้านเริ่มบางตาลงไปมาก “เหนื่อยไหม” ไอ้คาลเอ่ยถามขณะยื่นน้ำส่งมาให้ผม “บ่เมื่อยดอก มึงเด้” (ไม่เหนื่อยหรอก มึงล่ะ) “ไม่เหนื่อยหรอก กูชินแล้ว” มันซอยงานผมได้หลายอีหลีครับ ผมได้เงินมากะแบ่งมันเทือละสองสามร้อยพอให้ได้ใช้ซื้อของส่วนโต (มันช่วยงานผมได้เยอะจริง ๆ ครับ ผมได้เงินมาก็แบ่งมันครั้งละสองสามร้อย พอได้ใช้จ่ายซื้อของส่วนตัว) “เดี๋ยวกูไปล้างจานก่อนเด้อ” ไม่ทันที่ผมจะได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ รถตู้สีดำเกือบสิบคันก็มาจอดเทียบที่หน้าร้าน ไม่กี่อึดใจชายชุดสูทสีดำดูท่าทางน่าเกรงขามจำนวนไม่ต่ำกว่าสิบคนก็เดินเข้ามาภายในร้าน ผมจำหน้าผู้ชายคนนี้ได้แม่นเขาคือคนที่แวะมาซื้อลาบกับผมบ่อย ๆ แถมยังให้แบงค์พันไม่ต้องทอนอีก ส่วนคนที่เดินนำเข้ามาแต่งตัวดูดีมีชาติตระกูลดวงตาเฉี่ยวคม ผมสีดำขลับลับกับสันจมูกโด่ง เขาคงเป็นเจ้านายของคนที่มาซื้อลาบทุกวันสินะ มองดูเผิน ๆ ผมก็คุ้นหน้าเขาเหมือนกันนะ หน้าเขาเหมือนใครบางคนที่ผมรู้จัก ใช่แล้ว! หน้าเขาเหมือนไอ้คาลนี่เอง “สวัสดีครับ” คนที่เข้ามาใหม่เอ่ยทักทายอย่างมีมารยาท “สวัสดีครับ” ผมยกมือสวัสดีตอบรับอย่างเป็นมิตร “ผมชื่อคิลนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเซียง” เขาส่งยิ้มบาง ๆ พร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าทำผมงุนงง เขารู้จักผมได้ยังไงกัน!? “พอดีว่าภรรยาแล้วก็น้องชายผมเนี่ยเขาติดใจฝีมือ ลาบของคุณมากเลย ผมก็เลยอยากจะเห็นหน้าคนทำลาบกับตาตัวเอง” อ๋ออ~ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง “โดยเฉพาะน้องชายผมนะครับ ดูท่าเขาจะติดใจจนลืมกลับบ้านกลับช่องไปเลยล่ะ” ฟังดูแปลก ๆ แฮะ ลาบฝีมือผมมันอร่อยแล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับที่น้องชายเขาไม่กลับบ้านด้วยล่ะ “ที่นี่มีเมนูอะไรแนะนำบ้างไหมครับ” “กะมีลาบนี่ล่ะครับ แซบสุดแล้ว” (ก็ลาบนี่แหละครับ อร่อยสุดแล้ว) “งั้นขอลาบแบบพิเศษที่หนึ่งครับ” “ได้เลยครับ นั่งรอจักคาวเด้อ คาล ๆ มึงไปตักน้ำให้ลูกค้าแน” (ได้เลยครับ นั่งรอสักครู่นะ คาล ๆ มึงไปตักน้ำให้ลูกค้าหน่อย) ผมหันไปบอกไอ้คาลที่มันยืนนิ่งเป็นท่อนไม้ มันจึงรีบพยักหน้าแล้วทำตามที่ผมสั่งอย่างว่องไว ผมเองก็รีบจัดการฟักลาบสูตรพิเศษให้เขาอย่างบรรจง ไม่ถึงสิบนาทีลาบสูตรพิเศษก็ถูกวางลงตรงหน้าลูกค้าวีไอพีของผม “ลองซิมเบิ่งครับ ถืกปากบ่” (ลองชิมดูครับ ถูกปากหรือเปล่า) ผมฉีกยิ้มกว้างส่งให้ รอให้คนตรงหน้าจ้วงตักลาบเข้าปากก่อนจะค่อย ๆ เคี้ยวในปากช้า ๆ “อร่อยสมกับที่น้องชายผมติดงอมแงมจริง ๆ ด้วย” เขาพูดกับผมแต่กลับหันไปมองไอ้คาลแปลก ๆ ไอ้คาลเองมันก็เอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร “เท่าไหร่ครับ” เขายันตัวลุกขึ้นยืนแล้วล้วงกระเป๋าตังค์ขึ้นมาเตรียมจ่ายทั้งที่กินเข้าไปได้แค่คำเดียวเท่านั้น “คือกินหน่อยแท้ครับ มันบ่แซ่บเบาะ” (ทำไมกินน้อยจังเลยครับ มันไม่อร่อยหรอ) ผมหน้าถอดสี รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา “เปล่าครับ มันอร่อยและผมก็ชอบมาก รสชาติดีกว่าที่คิดซะอีก แต่ผมไม่ค่อยมีเวลา แค่แวะมาทำธุระให้น้องชายแถวนี้นะครับ” “อ๋อ จังซั่นให้ผมห่อให้บ่ครับ” (ถ้างั้นให้ผมห่อให้ไหมครับ) “ได้ก็ดีครับ รบกวนด้วยนะ” เขาฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับส่งลาบมาให้ ผมจึงยื่นมือเข้าไปรับไว้แล้วส่งต่อให้ไอ้คาลเอาไปใส่ถุงให้เรียบร้อย “หกสิบบาทครับ” ผมหันไปบอกราคาอาหาร เขาจึงรีบควักตังค์ขึ้นมาจ่ายอย่างรวดเร็ว “นี่ครับ ไม่ต้องทอน” “โอ๋ ให้หลายแท้ครับ ผมบ่เอาหลายปานนี้ดอก” (ให้เยอะจังครับ ผมไม่เอาเยอะขนาดนี้หรอก) ผมรีบยกมือขึ้นโบกเบา ๆ เพื่อเป็นการปฏิเสธเมื่อคนตรงหน้าหยิบแบงค์สีเทาออกมาส่งให้ผม มองดูไม่น่าจะต่ำกว่าสิบใบเห็นจะได้ “รับไปเถอะครับ เงินน้องชายผมน่ะ มันฝากมา” “มันหลายโพดครับ ผมรับไว้บ่ได้อีหลี” (มันเยอะไป ผมรับไว้ไม่ได้จริง ๆ ครับ) ถึงผมจะเห็นแก่เงิน แต่จะให้รับเงินจำนวนมากขนาดนี้แลกกับลาบแค่จานเดียว ผมทำไม่ได้หรอกนะ “น้องชายผมมันรวยน่ะครับ เงินแค่นี้ไม่กระเตื้องกระเป๋าตังค์มันหรอก นี่ผมก็เพิ่งกลับมาจากซื้อตลาดให้น้องชายนะครับราคาตั้งเกือบสิบล้านแหนะ ผมไม่เห็นมันบ่นซักคำ สงสัยจะชอบที่ตรงนั้นมาก” โอ้คือสิรวยแท้อีหลีล่ะซั่นน่ะ (โห!! สงสัยจะรวยจริง ๆ นั่นแหละ) “รับไปเถอะ” ไอ้คาลเดินเข้ามาสะกิดไหล่ผมเบา ๆ พร้อมกับยื่นถุงลาบให้ลูกค้า “จังซั่นกะฝากขอบคุณเพินหลาย ๆ เด้อครับ” (ถ้างั้นก็ฝากขอบคุณเขาด้วยนะครับ) ผมยกมือขอบคุณยกใหญ่ แล้วยื่นมือเข้าไปรับเงินมาถือไว้อย่างเกรงใจ “หวังว่าเราคงมีโอกาสได้เจอกันมากขึ้นนะครับ สู้ ๆ นะ” เหมือนประโยคหลังเขาจะหันไปบอกกับไอ้คาลมากกว่านะ หรือว่าผมคิดไปเอง? ผมกับไอ้คาลยืนมองดูขบวนรถตู้เคลื่อนไปจนสุดสายตา ขณะที่ผมก็ได้แต่จ้องมองท้ายรถด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไมทำหน้าอย่างงั้นวะ ไม่ดีใจหรอ” ไอ้คาลเอ่ยถามแล้วเดินไปปิดประตูร้านลง “อันดีใจมันกะดีใจอยู่ แต่กูว่ามันคือแปลกแท้วะ” (ไอ้ดีใจมันก็ดีใจอยู่หรอก แต่กูว่ามันแปลก ๆ นะ) “แปลกยังไงวะ” “คนอีหยังสิซื้อลาบกินจานละหมื่น กูบ่เคยพ้อ” (คนอะไรจะซื้อลาบจานละหมื่น กูไม่เคยเจอ) “ก็คนที่เขาชอบจริง ๆ ไง ไม่เห็นแปลกเลย ถ้ากูรวยกูก็จะซื้อลาบจานละหมื่นจากมึงเหมือนกัน” “เป็นหยังวะ” (ทำไมวะ) “ก็เพราะว่ากูชอบไง” “เว่าโพดอีหลี ประสามักลาบกะสิจ่ายฮอดหมื่นพุ่นติ” (พูดเวอร์จริงนะมึง กะอีแค่ชอบกินลาบถึงกับต้องจ่ายเป็นหมื่นเลยเหรอวะ) ผมสายหน้าพัลวันขณะที่กำลังใช้ผ้าสีขาวเช็ดช้อนในตะกร้า “เปล่า กูไม่ได้บอกว่ากูชอบลาบ… กูชอบมึง” แกร๊ง!!! ทันทีที่จบประโยค ช้อนที่ถือเอาไว้ในมือก็ร่วงลงสู่พื้นทันที ผมนิ่งอึ้งไม่อยากจะเชื่อหู เมื่อกี้ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม อยู่ ๆ หัวใจผมก็เริ่มเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวจนควบคุมไม่อยู่ เหมือนภาพเหตุการณ์ถูกหยุดไว้ชั่วขณะ “กูล้อเล่นน่ะ” ไอ้คาลว่าแล้วก็ก้มลงเก็บช้อนที่กระเด็นกระดอนตกตามพื้นขึ้นมาวางบนโต๊ะตามเดิม “ห่ามึง กูตื่นเบิด” (ไอ้ห่า! กูตกใจหมด) ถึงปากจะบอกแบบนั้นแต่ทำไมผมกลับรู้สึกเสียดายที่มันเป็นแค่คำล้อเล่นก็ไม่รู้ นี่ผมกำลังคาดหวังอะไรอยู่ อยากให้มันชอบผมจริง ๆ อย่างนั้นหรอ ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม