“เดี๋ยวกล้วยตั้งโต๊ะเลยนะคะ” เด็กสาวรีบบอก สิงห์จึงพยักหน้า เธอรีบจัดโต๊ะอาหารให้เขา พอรับประทานอาหารเสร็จเธอจัดเก็บข้าวของนั่งนับเงิน สารภีน้ำตาไหลที่เธอเก็บเงินได้เยอะขนาดนี้ เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยมีเงินหลักหมื่นมาก่อนเลย มันดีใจจนน้ำตาไหลจริง ๆ
“ลุงสิงห์คะ พรุ่งนี้กล้วยขอไปช่วยคุณน้ำส่งของนะคะ” เธอเอ่ยขอเขาขณะที่กำลังนวดเนื้อตัวให้เขาอย่างเอาใจ
“อือ...” เขารับคำ
“ขอบคุณนะคะ” เธอหอมแก้มเขาก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม สิงห์ขยับเข้าไปหาเธอก็หลับไปแล้ว มือหนาชะงักที่จะสัมผัสเนื้อตัวของเด็กสาว เขาพลิกตัวไปอีกด้านนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยกว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็ดึกดื่นค่อนคืน เป็นครั้งแรกที่สิงห์รู้สึกว่าเด็กสาวกำลังจะหนีหายออกไปจากชีวิตของเขา
สารภีไปช่วยส่งขนมให้น้ำรินในตัวเมือง ร้านประจำที่รับขนมของน้ำ¬รินเป็นเพื่อนชายคนสนิทของเจ้านายสาว
กายเป็นคนใจดี ยิ้มง่าย ใบหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาและสะอาดสะอ้าน เธอเห็นเขาแล้วรู้สึกชื่นชมในความสุภาพเรียบร้อยนั้น
“ไหนบอกว่ามาส่งขนม ที่แท้ก็มาบ้าผู้ชาย” เสียงเข้มที่ดังขึ้นก่อนที่มือหนาจะกระชากแขนเล็กออกมาจากร้านทำให้เจ้าของร้านหนุ่มตกใจไม่น้อย
“ลุงสิงห์กล้วยเจ็บนะคะ”
“หัวเราะระริกระรี้กับผู้ชายแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง”
“ลุงสิงห์กล้วยเจ็บนะ ปล่อยกล้วยก่อน”
“นี่คุณ จู่ ๆ มาฉุดกระชากลากถูกันแบบนี้มันอะไรกันครับ” กายเดินออกมาจากร้านเขาตกใจไม่น้อยเมื่อสารภีโดนกระชากแขนออกมาจากร้าน
“อ้าว... น้าสิงห์นี่มันอะไรกันครับ” กายไม่ทันมองพอเขาเห็นหน้าชัด ๆ ก็จำได้ว่าเป็นสิงห์ หัวหน้าคนงานและคนขับรถของน้ำ¬รินเพื่อนสนิทของเขา
“อย่ายุ่ง! มานี่เลย” สิงห์ตวาดก่อนจะลากเด็กสาวยัดใส่รถ เขาเข้ามาทำธุระในเมืองเลยเห็นว่าสารภีมีท่าทางอย่างไรกับผู้ชายคนอื่น
“อ้าว... เกิดอะไรขึ้นเหรอกาย” น้ำ¬รินที่ออกมาจากห้องน้ำเอ่ยถาม กายเล่าให้น้ำ¬รินฟัง เธอกัดปากตัวเอง นึกเป็นห่วงสารภีขึ้นมา แต่อีกใจก็คิดว่าสองคนนั่นคงเคลียร์กันเข้าใจเพราะถึงสิงห์จะดุไปหน่อยแต่ก็น่าจะมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน
“โอ๊ย!” สารภีร้องเสียงหลงเมื่อเธอโดนผลักเข้ามาในบ้าน เด็กสาวมองสิงห์อย่างตกใจ ไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไร
“ลุงสิงห์เป็นอะไร ผลักกล้วยทำไม”
“ที่ขอไปช่วยแพ็กขนมส่งขนมทุก¬วันเพราะอยากไปหาผู้ชาย!” เขาตวาด เธออ้าปากค้าง
“ลุงสิงห์พูดอะไร”
“พูดเรื่องจริงไงทำเป็นรับไม่ได้ ผู้หญิงก็นิสัยเหมือนกันหมด เห็นผู้ชายคนอื่นก็ระริกระรี้ อยากไป...” เขายั้งปากเอาไว้ แต่เธอเข้าใจว่าเขาจะพูดอะไร
“ลุงสิงห์!” สารภีอุทานอย่างตกใจ เธอปวดใจกับคำพูดแรง ๆ ของเขานัก
“พูดแทงใจดำล่ะสิ ที่ฉันรู้ทันคนอย่างเธอเพราะสันดานไม่เคยเปลี่ยน”
“กล้วยเกลียดลุงสิงห์”
“นึกว่าฉันพิศวาสเธอนักหรือไง” สารภีเม้มปากเข้าหากัน
ปวดใจอย่างที่สุด!
เธอพยายามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ วันนั้นเขาเมาเลยได้เสียกับเธอ ตั้งแต่เสียสาวครั้งนั้นเธอก็ไม่เคยไปนอนกับผู้ชายคนอื่น นอนกับเขาแค่คนเดียวเท่านั้น
“กะ... กล้วยพอจะเก็บเงินได้นิดหน่อยแล้ว งั้นกล้วยจะขอลุงสิงห์ไปอยู่ในเมืองนะ อยากไปเรียนเย็บผ้าด้วย”
“พูดง่ายไปไหม เธอยังเป็นหนี้ฉันอยู่”
“อันนั้นกล้วยเข้าใจ กล้วยพยายามทำงานใช้หนี้แล้วไง แต่ถ้าขืนอยู่แบบนี้กล้วยต้องไม่มีเงินใช้หนี้พอแน่ เลยคิดว่าจะไปอยู่ในเมืองหางานทำแล้วก็เรียนไปด้วย จะได้หาเงินมาใช้หนี้ลุงสิงห์ไง”
“ใครให้เยอะกว่าฉันเหรอถึงจะไปอยู่กับมัน นี่ลับหลังคงจะไปทำอะไร ๆ กันจนเหนื่อย พอหัวถึงหมอนเลยหลับเป็นตาย”
“ลุงสิงห์!” เธอยอมรับว่าเสียใจกับสิ่งที่เขาพูดมันออกมา สารภีพยายามจะไม่ร้องไห้ เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่โดนเขาดูถูก เด็กสาวเบือนหน้าหนีปาดน้ำตาทิ้ง
“กล้วยสัญญาว่าจะหาเงินมาคืนทุกบาททุกสตางค์”
“เหอะ! ฉันให้เธอไปอยู่ที่อื่นก็โง่เป็นควายแล้ว น้ำหน้าอย่างเธอจะหาเงินที่ไหนมาคืน”
“กล้วยจะหามาคืนให้ได้ ตอนนี้กล้วยมีเงินเก็บเป็นหมื่นแล้วนะ” คนไม่เคยมีเงินเป็นของตัวเองบอกเขาปากคอสั่น รีบเดินไปอุ้มกระปุกออมสินหมูออกมาให้เขา
เพล้ง!!!
เขาปัดมันจนตกแตกกระจัดกระจายไปหมด สารภีตกใจรีบเข้าไปเก็บเงินและเศษเหรียญร้องไห้เบา ๆ
“กล้วยรู้ว่ามันน้อยไป กล้วยจะหามาให้มากกว่านี้” คนพูดสะอื้นฮัก ๆ กลัวเขาโกรธเอาอีก สิงห์ก้มมองเด็กสาว เขาชะงักมือที่จะสัมผัสกับไหล่ที่สะท้านขึ้นลงของเธอ
เขาสบถในใจ รู้สึกเกลียดตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!
สารภีเก็บเงินมากองเอาไว้ด้วยมืออันสั่นเทา เธอเข้าใจว่าเงินเธอน้อยนิดเทียบไม่ได้กับหนี้สินที่มีอยู่ แต่ถ้าเธอมีงานทำและได้เรียนวิชาชีพที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ เธอต้องมีเงินมาใช้หนี้เขาแน่นอน
“ฉันไม่ให้เธอไป อย่าฝันหวานไปเลยนะ” สารภีร้องไห้เบา ๆ สะอื้นฮัก ๆ กับความใจร้ายของเขา เธอหยิบเศษกระปุกออมสินที่แตกกระจัดกระจายขึ้นมาด้วยความเสียดาย กระปุกออมสินอันนี้น้ำ¬รินเป็นคนซื้อให้เพื่อให้เธอเก็บเงิน
สิงห์มองเด็กสาวเงียบ ๆ อยู่นอกบ้าน เขาหงุดหงิดใจชะมัด คนใจด้านชาเพราะผิดหวังกับความรักอัดบุหรี่เข้าปอดแรง ๆ ก่อนจะเดินหนีภาพนั้น
สารภีรีบปาดน้ำตาทิ้ง เธอสลัดความทุกข์ความเศร้าเสียใจทิ้งไป ก่อนจะเริ่มทำงานบ้านและทำกับข้าวให้สิงห์ ทุก¬วันที่ทำงานคือการใช้หนี้อย่างหนึ่ง มีหนี้ก็ต้องจ่าย เธอไม่เคยคิดจะเบี้ยวเขาเลย
สิงห์กลับมาจากข้างนอก เขามองกระปุกออมสินหมูตัวใหญ่ที่ซื้อมานิ่ง ๆ ปากหนาเผลอเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนจะวางกระปุกออมสินนั้นเอาไว้มุมห้อง เห็นกับข้าวถูกจัดเอาไว้เรียบร้อยบนโต๊ะกินข้าว แต่คนทำอาหารนอนหลับอยู่บนโซฟาตัวใหญ่
ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ ปัดปอยผมที่ปรกระใบหน้าของเธอออกห่าง มองริมฝีปากที่เผยอน้อย ๆ ก่อนจะก้มลงไป ทำท่าจะจุมพิต เธอก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพอดิบพอดี เขาเลยผละออกห่างแทบจะทันที
“ลุงสิงห์กลับมาแล้วเหรอคะ กล้วยตั้งโต๊ะแล้วนะคะ ลุงสิงห์หิวแล้วหรือยัง” เธอทำเหมือนไม่เคยทะเลาะกับเขาอย่างรุนแรงมาก่อน สารภีไม่อยากทะเลาะกับใคร เธอไม่อยากมีปัญหาหรืออะไรทั้งนั้น
“อือ...” เขารับคำ เธอเลยยกฝาชีออก รีบไปเอาจานเพื่อมาตักข้าวให้เขา
“ดื่มน้ำเย็น ๆ ก่อนค่ะ” สิงห์รับน้ำมาดื่ม เหลือบสายตามองเธอเล็กน้อย เห็นเด็กสาวรีบไปหยิบผ้ามาเช็ดหน้าให้เขา
เป็นอีกครั้งที่คนใจร้อนรู้สึกผิด เขายอมรับว่าระแวงผู้หญิงทุกคน เมียเก่าของเขาเล่นชู้ตอนเขาไปทำงาน พอจับได้ก็หนีตามชู้ไป หอบทรัพย์สินของเขาไปด้วย
ผู้หญิงแพศยา!!!
สิงห์พยายามสลัดความคิดเรื่องภรรยาเก่าทิ้งไป ไม่อยากหงุดหงิดใส่เด็กสาวอีก
“เอ๊ะ! นั่นกระปุกออมสินเหรอคะ” เธอเอ่ยถามเมื่อเห็นกระปุกออมสินอยู่อีกด้านของห้อง มันเป็นหมูตัวใหญ่กว่าของที่น้ำ¬รินซื้อให้เธอเสียอีก
“มันแจกฟรีอยู่แถวหน้าธนาคารน่ะ ฉันไม่อยากได้หรอกนะ แต่เขาเอามายัดเยียดให้ ถ้าจะเอาไปใช้ก็เอาไปสิ” คนพูดกระแอมกระไอดัง ๆ ใครจะกล้าบอกเธอว่าเขาลงทุนขับรถเข้าเมืองไปซื้อกระปุกออมสินใหม่มาให้เธอด้วยตัวเอง
“กล้วยขอบคุณลุงสิงห์มากนะคะ งั้นกล้วยเอานะ” เธอยกมือไหว้เขาอย่างขอบคุณ เดินไปกอดกระปุกหมูออมสินอย่างยินดี
“กล้วยจะได้มีเงินใช้หนี้ลุงสิงห์ไง”
“เลิกพูดเรื่องหนี้สินสักทีเถอะ รำคาญ” เขาตวาด สารภีสะดุ้งรีบเอ่ยขอโทษขอโพย
“ขอโทษค่ะ” คนรู้สึกผิดรีบเอากระปุกออมสินไปเก็บและตักข้าวให้สิงห์อย่างเอาใจ