4

891 คำ
ตระกูลอดิศวรมีธุรกิจหลายอย่าง หลักๆ เป็นโรงแรมระดับห้าดาวริมทะเลจังหวัดภูเก็ต และสัมปทานรังนกในเกาะซาลิน เกาะขนาดกลางทางตอนใต้ของจังหวัดภูเก็ต ภามินเป็นทายาทเพียงคนเดียวจึงต้องรับผิดชอบดูแลงานทั้งหมดของตระกูลโดยมีดารัณคอยช่วยงานอีกแรง ดารัณจบการศึกษาระดับปริญญาตรีเข้ามาช่วยงานครอบครัวได้หนึ่งปีเศษเท่านั้น ระยะเวลาแค่นั้นไม่อาจเทียบเท่าข้าวแดงแกงร้อนที่พ่อแม่ของเขาส่งเสียเลี้ยงดูหล่อนเลย ภามินไม่ชอบดารัณมาแต่ไหนแต่ไรมักจะดูถูกหล่อนทำนองนั้นเสมอไม่ว่าจะทั้งคำพูดและแววตา ร่างสูงสง่ายืนมองหล่อนวิ่งวุ่นรับแขกในโรงแรมหลายต่อหลายคนตั้งแต่เช้าๆ แต่ไม่คิดให้ใครเข้าไปช่วย “นายหัวครับ นายเมฆต้องการพูดสายด้วยครับ” เสียงทุ้มสำเนียงใต้จากนายพร้าว ลูกน้องคนสนิทดังขึ้น ภามินถึงได้ละสายตาจากน้องสาวกาฝาก ภามินรับโทรศัพท์มาก่อนเดินเลี่ยงไปทางอื่น “ว่าไงเมฆ” ‘สวัสดีครับ งานในส่วนที่นายหัวมอบหมายให้ผมทำเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ ตอนนี้กำลังให้คนงานลำเลียงกลับเกาะใหญ่ครับ’ เกาะใหญ่ในความหมายของอัศวเมฆินทร์คือเกาะภูเก็ตนั่นเอง “อืม ดีมาก ตอนเย็นๆ นายขึ้นเกาะด้วยเลยนะ มานัดดริ้งกันสักหน่อย” ภามินชวนเสียงครึกครื้น ดื่มติดต่อกันหลายวันจนติดนิสัยหากไม่ได้ดื่มจะรู้สึกเปรี้ยวปากอยากดื่มทันที ‘ได้ครับนายหัว’ ภามินวางสายจากอัศวเมฆินทร์เดินย้อนกลับมาส่งโทรศัพท์คืนให้นายพร้าวช่วยถือเช่นเคยก่อนทิ้งกายนั่งบนโซฟากว้างทอดสายตามองดารัณ ตั้งแต่เช้าจนเที่ยงลูกค้าเข้ามาจองที่พักเยอะมากเนื่องจากใกล้ช่วงเทศกาล ดารัณทำงานอย่างมีความสุขจนลืมมื้อเที่ยงไปเลย “ทำงานหนักพักบ้างนะครับน้องรัน” เสียงทุ้มของใครสักคนดังขึ้นจากข้างหลัง ดารัณหันกลับไปมองพอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มกว้าง ชานนท์ ลุงรหัสในสมัยเรียนปริญญาตรีของหล่อนนั่นเอง ชานนท์เดินทางมาเที่ยวภูเก็ตและบังเอิญเจอกับหล่อนที่ทำงานในโรงแรมนี้ “สบายมากค่ะพี่นนท์” ดารัณพูดพลางดูนาฬิกา “เที่ยงครึ่งแล้วพี่นนท์ทานมื้อเที่ยงหรือยังคะ” “ยังเลย สนใจไปทานพร้อมพี่ไหม” “สนใจค่ะ” หล่อนกระตือรือร้นตอบก่อนหยิบกระเป๋าสะพายข้างใบโปรดมาถือไว้แล้วเดินคุยออกไปจากโรงแรมพร้อมกับชายหนุ่ม ซึ่งการกระทำนั้นทำให้ภามินงุนงงมากเพราะไม่คุ้นหน้าผู้ชายคนนั้นมาก่อน เขาไม่พอใจที่หล่อนไปกับผู้ชายในเวลางานจึงตะโกนเรียกลูกน้องคนสนิท “พร้าว! ไอ้พร้าว!!” “ครับๆ ผมมาแล้วครับนายหัว” นายพร้าวรีบวิ่งสุดชีวิตมายืนตรงหน้าเจ้านายหนุ่มรูปงามที่ตอนี้กำลังโกรธได้ที่ทำเอาเขาขนลุกซู่ “ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร นายรู้จักไหม” ชี้นิ้ว ปรายสายตามองไปยังแผ่นหลังกำยำของไอ้หน้าอ่อน นายพร้าวมองตามเห็นแค่แผ่นหลังก็จนใจ “ไม่รู้จักครับ แต่ถ้านายหัวอยากรู้ผมจะไปสืบมาให้ครับ รอสักแป๊บนะครับ” “เออ!” ภามินตอบเสียงขุ่นหมองมองตามแผ่นหลังสองหนุ่มสาวไปจนลับตา ระหว่างรอนายพร้าวไปสืบก็หงุดหงิดเดินเข้าลิฟต์กลับห้องทำงานผู้บริหารซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม ยืนชมวิวนานเข้าไม่รู้เรื่องก็ชักโมโหจะหมุนกายกลับไปเอาเรื่องแต่ช้าไปเพราะคนสนิทวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาแล้ว “แฮ่กๆ มาแล้วครับ มาแล้ว” นายพร้าวหอบหายใจกระชั้นชิด ในมือมีเอกสารบางอย่าง “ได้ความว่ายังไงบ้าง” “ผู้ชายคนนั้นชื่อชานนท์ บริรักษ์ครับ เป็นเจ้าของผับที่กรุงเทพฯ เดินทางมาเที่ยวภูเก็ตโดยจองห้องพักไว้หนึ่งสัปดาห์ครับ เรียนจบมหาวิทยาลัยและคณะเดียวกับคุณหนูรัน คาดว่าทั้งสองน่าจะรู้จักกันมาก่อนครับ” นายพร้าวรายงานยาวก่อนยืนกระดาษให้ “นี่เป็นประวัติเพิ่มเติมของผู้ชายคนนั้นครับ” “ขอบใจมาก นายออกไปได้แล้ว” ภามินรับมาแล้วขับไล่ แต่พอลูกน้องจะออกไปก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “เดี๋ยวก่อน! นายช่วยโทรตามอริสามาหาฉันที่นี่ที” “แหม... แต่หัววันเลยเหรอครับ” นายพร้าวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แซวนายจ้างเสียงขบขัน แต่พอเห็นอีกฝ่ายหยิบข้าวของโยนใส่ก็รีบกระโดดหลบพลันวัน “อย่ามาเสือกเรื่องของฉัน ฉันสั่งอะไรก็ไปทำเร็วๆ” “ครับโผ้ม!” มือหนายกขึ้นทำท่าตะเบ๊ะรับคำสั่งเดินออกจากห้องทำงานไปโทรหาอริสาหนึ่งในคู่ขามาให้เจ้านายของตนเอง ทางด้านภามินนั้นตั้งใจอ่านประวัติของชานนท์อย่างจริงจัง อยากรู้ว่ามันเป็นใครถึงได้มายุ่งวุ่นวายกับน้องสาวกาฝากที่เขาแสนชิงชัง ทว่ายิ่งอ่านยิ่งหงุดหงิด เพราะโปรไฟล์อีกฝ่ายนั้นดีเกินคาดเรียกได้ว่าหากพ่อแม่เขามาเห็นคงต้องเชียร์ให้ดารัณรักกับไอ้หมอนั่นแน่ พับผ่าเอ๊ย!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม