30 นาทีผ่านไป
กานต์ธิดานั่งกินขนมเค้กไปเรื่อย ๆ ตาก็สอดส่ายหาพี่ชายสุดที่รัก ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมา หญิงสาวดูนาฬิกาที่โทรศัพท์มือถือแล้วก็ต้องถอนหายใจยาว
"พี่ชายยังไม่มารับเหรอ โทรเช็คหรือยัง รถเสียอีกหรือเปล่า ให้อาไปส่งมั๊ย น้องเอ๋ยก็นั่งไปด้วย" เปรมมนัสเอ่ยขึ้นพลางส่งข้อความไปหาหลานสาวให้แสดงตัวออกมาได้
"เอ่อ..ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ พี่เอน่าจะกำลังขับรถอยู่ค่ะ เดี๋ยวคงมา" กานต์ธิดาเอ่ยเลี่ยง ๆ ไปก่อน
สักพัก
ปริ๊น!.. (เสียงแตรรถของคนที่รอคอย) และพอดีกับการปรากฎตัวของอัญญารินทร์
"อ้าวพี่เอมาแล้วเหรอบี แย่จังมัวแต่ทำงานกลุ่มเลยลงมาช้า เลยไม่ได้คุยกันเลย" อัญญารินทร์ทำทีบ่นกลบเกลื่อน
"เอาไว้ไลน์คุยกันก็ได้ เราไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่เอรอนาน/ขอบคุณนะคะอานัทสำหรับขนม งั้นหนูกลับก่อนค่ะสวัสดีค่ะ" กานต์ธิดาเอ่ยยิ้ม ๆ แล้ววิ่งร่าไปที่รถพี่ชายและหันมาโบกไม้โบกมือให้เพื่อนสาวอีกครั้งก่อนขึ้นรถและเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างคนขับแล้วรถก็เลื่อนออกไปไกลออกไปทุกที
ตัดมาที่อัญญารินทร์
"อานัทคะ อาคิดยังไงกับเพื่อนหนูคะบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ" อัญญารินทร์เอ่ยคาดคั้นอย่างเอาเรื่อง
"อื่อ..แก่แดดน่า อาก็แค่สงสาร ตัวก็ผอม ๆ แห้ง ๆ สุขภาพก็ไม่ค่อยดี..เฮ๊อ..." เปรมมนัสถอนหายใจยาว
"อานัทถามใจตัวเองก่อนเถอะค่ะ..ว่าทำไมถึงสงสาร คนตัวผอม ๆ แห้ง ๆ มีออกเยอะไม่เห็นอาจะไปข้องแวะด้วยเลย หรือถ้าสงสารแล้วช่วยเหลือก็จบมั๊ยคะ" อัญญารินทร์เอ่ยยิ้ม ๆ แล้วปรายตาไปมองผู้เป็นอาเพียงครู่
"อย่ามาทำเป็นพูดดีน่า ขึ้นรถเถอะจะได้รีบกลับบ้าน วันนี้จะให้ไปส่งที่บ้านคุณปู่หรือส่งที่บ้านคุณแม่ล่ะ" เปรมมนัสทำทีเป็นพูดขึงขังกลบเกลื่อน
"บ้านคุณปู่ค่ะนัดกับคุณพ่อไว้แล้วว่าจะให้คุณพ่อสอนทำคุ๊กกี้ค่ะ บอกคุณคุณแม่ไว้แล้วเพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุด เถลไถลได้ค่ะ" อัญญารินทร์เอ่ยยิ้ม ๆ
"ตามนั้น"
@บ้านอนันตวรรณาวงษ์
หลังจากรถยนต์คันหรูจอดสนิท อัญญารินทร์รีบเปิดประตูลงจากรถโดยทันที
"คุณปู่ขา น้องเอ๋ยมาแล้วค่า" อัญญารินทร์เอ่ยเรียกคุณปู่เสียงใส ในขณะที่อีกคนเดินตามมาหน้ายุ่ง ๆ
"น้องเอ๋ยมาแล้วเหรอคะ เข้ามาในครัวเลย คุณพ่อจะสอนตั้งแต่ร่อนแป้งเลย" เปรมกิจยิ้มสดใสและเดินมาจูงมือลูกสาวแล้วพาเข้าไปในครัวอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง ปานว่าโลกนี้มีเพียงเราสองคนเท่านั้น
ด้านคุณปู่เปรมชัยได้แต่ยิ้มปลง ๆ และคิดในใจว่า {ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว} ส่วนอีกคนได้แต่นั่งมองบิดายิ้ม ๆ
"เป็นยังไงครับคุณพ่อทำหน้าเหมือนกับคนปลงอะไรได้อย่างนั้นแหละ"
"อืม...ใช่ ชีวิตคนเราก็แค่นี้ นัทก็เหมือนกันนะลูก ถ้าคิดว่าใช่ก็อย่าเสียเวลาอีกเลย เพราะชีวิตคนเรามันสั้นนัก ดูแม่เราซิ" ชายชราพูดไปตาก็เหม่อลอยไปไม่มีจุดหมาย
"พ่อครับ พ่อกำลังจะบอกอะไรผมเหรอครับ"
"นัทกำลังใจอ่อนกับเด็กคนนั้นที่เป็นเพื่อนของน้องเอ๋ยใช่มั๊ย" เปรมชัยเอ่ยขึ้นลอย ๆ
"ฝีมือน้องเอ๋ยใช่มั๊ยครับ"
"อย่าตำหนิหลานเลย"
"พ่อก็แค่อยากจะบอกว่า ถ้ามันปล่อยวางไม่ได้และมีสัญญาณบอกว่าใช่ ก็พุ่งชนเลยลุก พ่อสนับสนุนเต็มที่ รวยจนไม่ว่าขอให้เค้ารักลูกของพ่ออย่างจริงใจก็พอ"
"........" เปรมมนัสเงียบ
"ทำไมเงียบไปล่ะลูก"
"กลัวว่าจะเป็นผมฝ่ายเดียวนะซิครับที่คิด..ความจริงเราเคยเจอกันแล้ว แต่ไม่ค่อยดีเท่าไรครับ" เปรมมนัสเอ่ยจากความรู้สึก
"ยังไงเหรอลุก เล่าให้พ่อฟังได้มั๊ย"
"คือ.....ผมเคยเกือบจะขับรถชนน้องน่ะครับ ตอนนั้นน้องปวดท้องประจำเดือน กำลังจะข้ามถนนไปซื้อยาที่ร้านยา แล้วเราก็มีปากเสียงกันน่ะครับ ภายหลังถึงมารู้ว่าน้องเรียนที่ ม.เดียวกันกับน้องเอ๋ย คณะเดียวกันแต่คนละสาขา น้องเรียนบัญชีน่ะครับ"
"เหรอ..ลุก..นิสัยใจคอเป็นยังไงล่ะ"
"เป็นน้องเล็กน่ะครับ ทำอะไรไม่เป็น แถมไม่ค่อยแข็งแรงอีกต่างหากครับ"
"น้องเป็นอะไรหรือลูก"
"เลือดซีด แล้วก็พบก้อนที่มดลูกแต่ไม่ใหญ่มากครับ ผมอยากให้น้องรักษาครับเลยคุยกับนายกรว่าขอให้น้องไปตรวจที่นั่นฟรี โดยผมอ้างว่าให้เป็นเคสสอนนักศึกษาของโรงพยาบาลครับ แล้วค่อยโยกย้าย"
"โยกย้าย ยังไงหรือลุก นัทพูดเหมือนว่า จะย้ายน้องไปรักษาที่อื่นงั้นแหละ"
"ครับ พ่อครับผมมีเรื่องจะสารภาพ คือ..ผมกับนายกรร่วมกันเปิดคลินิกนรีเวชครับ"
"อือ.."
"ทำไมพ่อไม่แปลกใจเลยล่ะครับ หรือว่าพ่อรู้อยู่แล้ว"
"แกคิดว่าพ่อหูหนวกตาบอดเหรอ พ่อก็มีหูมีตาของพ่อเหมือนกันนิ่"
"ร้ายนะครับ เก็บซ๊ะเงียบเลย"
"กะว่าคลินิกเสร็จจะเอาน้องไปดูแลติดตามอาการต่อที่นั่นใช่มั๊ย"
"ใช่ครับ"
"ก็ลองศึกษากันดู ขอให้เค้าเป็นคนดี ซื่อสัตย์ต่อลูก และรักลูกจริงพ่อก็พอใจแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องของลูกที่จะตัดสินเองว่าจะไปต่อ หรือหยุด พ่อเคารพการตัดสินใจของลูกเสมอ"
"ขอบคุณครับพ่อ"
อีกด้านของคนที่แอบฟังอยู่
จุ๊ จุ๊ จุ๊ จุ๊ จุ๊ "เงียบ ๆ ค่ะ คุณพ่อ เราต้องร่วมมือกันนะคะ คือว่าอย่างงี้ค่ะ ......." อัญญารินทร์เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณอาหนุ่มให้บิดาฟังทราบสถานการณ์และขอเป็นกำลังเสริม
"โอ เค เลยลูก พ่อบวกหนึ่งลุก จะให้ช่วยอะไรบอกได้เลย"
"น่ารักมากค่ะ เราไปอบคุ๊กกี้กันต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวน้องเอ๋ยต้องกลับบ้านแล้วเนี่ย"
"ไปค่ะ เสร็จแล้วจะได้ใส่โหลไปให้คุณแม่ด้วยโน๊ะลุกโน๊ะ"
"ค่า.."