13.ถามใจตัวเอง

1094 คำ
30 นาทีผ่านไป กานต์ธิดานั่งกินขนมเค้กไปเรื่อย ๆ ตาก็สอดส่ายหาพี่ชายสุดที่รัก ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมา หญิงสาวดูนาฬิกาที่โทรศัพท์มือถือแล้วก็ต้องถอนหายใจยาว "พี่ชายยังไม่มารับเหรอ โทรเช็คหรือยัง รถเสียอีกหรือเปล่า ให้อาไปส่งมั๊ย น้องเอ๋ยก็นั่งไปด้วย" เปรมมนัสเอ่ยขึ้นพลางส่งข้อความไปหาหลานสาวให้แสดงตัวออกมาได้ "เอ่อ..ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ พี่เอน่าจะกำลังขับรถอยู่ค่ะ เดี๋ยวคงมา" กานต์ธิดาเอ่ยเลี่ยง ๆ ไปก่อน สักพัก ปริ๊น!.. (เสียงแตรรถของคนที่รอคอย) และพอดีกับการปรากฎตัวของอัญญารินทร์ "อ้าวพี่เอมาแล้วเหรอบี แย่จังมัวแต่ทำงานกลุ่มเลยลงมาช้า เลยไม่ได้คุยกันเลย" อัญญารินทร์ทำทีบ่นกลบเกลื่อน "เอาไว้ไลน์คุยกันก็ได้ เราไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่เอรอนาน/ขอบคุณนะคะอานัทสำหรับขนม งั้นหนูกลับก่อนค่ะสวัสดีค่ะ" กานต์ธิดาเอ่ยยิ้ม ๆ แล้ววิ่งร่าไปที่รถพี่ชายและหันมาโบกไม้โบกมือให้เพื่อนสาวอีกครั้งก่อนขึ้นรถและเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างคนขับแล้วรถก็เลื่อนออกไปไกลออกไปทุกที ตัดมาที่อัญญารินทร์ "อานัทคะ อาคิดยังไงกับเพื่อนหนูคะบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ" อัญญารินทร์เอ่ยคาดคั้นอย่างเอาเรื่อง "อื่อ..แก่แดดน่า อาก็แค่สงสาร ตัวก็ผอม ๆ แห้ง ๆ สุขภาพก็ไม่ค่อยดี..เฮ๊อ..." เปรมมนัสถอนหายใจยาว "อานัทถามใจตัวเองก่อนเถอะค่ะ..ว่าทำไมถึงสงสาร คนตัวผอม ๆ แห้ง ๆ มีออกเยอะไม่เห็นอาจะไปข้องแวะด้วยเลย หรือถ้าสงสารแล้วช่วยเหลือก็จบมั๊ยคะ" อัญญารินทร์เอ่ยยิ้ม ๆ แล้วปรายตาไปมองผู้เป็นอาเพียงครู่ "อย่ามาทำเป็นพูดดีน่า ขึ้นรถเถอะจะได้รีบกลับบ้าน วันนี้จะให้ไปส่งที่บ้านคุณปู่หรือส่งที่บ้านคุณแม่ล่ะ" เปรมมนัสทำทีเป็นพูดขึงขังกลบเกลื่อน "บ้านคุณปู่ค่ะนัดกับคุณพ่อไว้แล้วว่าจะให้คุณพ่อสอนทำคุ๊กกี้ค่ะ บอกคุณคุณแม่ไว้แล้วเพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุด เถลไถลได้ค่ะ" อัญญารินทร์เอ่ยยิ้ม ๆ "ตามนั้น" @บ้านอนันตวรรณาวงษ์ หลังจากรถยนต์คันหรูจอดสนิท อัญญารินทร์รีบเปิดประตูลงจากรถโดยทันที "คุณปู่ขา น้องเอ๋ยมาแล้วค่า" อัญญารินทร์เอ่ยเรียกคุณปู่เสียงใส ในขณะที่อีกคนเดินตามมาหน้ายุ่ง ๆ "น้องเอ๋ยมาแล้วเหรอคะ เข้ามาในครัวเลย คุณพ่อจะสอนตั้งแต่ร่อนแป้งเลย" เปรมกิจยิ้มสดใสและเดินมาจูงมือลูกสาวแล้วพาเข้าไปในครัวอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง ปานว่าโลกนี้มีเพียงเราสองคนเท่านั้น ด้านคุณปู่เปรมชัยได้แต่ยิ้มปลง ๆ และคิดในใจว่า {ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว} ส่วนอีกคนได้แต่นั่งมองบิดายิ้ม ๆ "เป็นยังไงครับคุณพ่อทำหน้าเหมือนกับคนปลงอะไรได้อย่างนั้นแหละ" "อืม...ใช่ ชีวิตคนเราก็แค่นี้ นัทก็เหมือนกันนะลูก ถ้าคิดว่าใช่ก็อย่าเสียเวลาอีกเลย เพราะชีวิตคนเรามันสั้นนัก ดูแม่เราซิ" ชายชราพูดไปตาก็เหม่อลอยไปไม่มีจุดหมาย "พ่อครับ พ่อกำลังจะบอกอะไรผมเหรอครับ" "นัทกำลังใจอ่อนกับเด็กคนนั้นที่เป็นเพื่อนของน้องเอ๋ยใช่มั๊ย" เปรมชัยเอ่ยขึ้นลอย ๆ "ฝีมือน้องเอ๋ยใช่มั๊ยครับ" "อย่าตำหนิหลานเลย" "พ่อก็แค่อยากจะบอกว่า ถ้ามันปล่อยวางไม่ได้และมีสัญญาณบอกว่าใช่ ก็พุ่งชนเลยลุก พ่อสนับสนุนเต็มที่ รวยจนไม่ว่าขอให้เค้ารักลูกของพ่ออย่างจริงใจก็พอ" "........" เปรมมนัสเงียบ "ทำไมเงียบไปล่ะลูก" "กลัวว่าจะเป็นผมฝ่ายเดียวนะซิครับที่คิด..ความจริงเราเคยเจอกันแล้ว แต่ไม่ค่อยดีเท่าไรครับ" เปรมมนัสเอ่ยจากความรู้สึก "ยังไงเหรอลุก เล่าให้พ่อฟังได้มั๊ย" "คือ.....ผมเคยเกือบจะขับรถชนน้องน่ะครับ ตอนนั้นน้องปวดท้องประจำเดือน กำลังจะข้ามถนนไปซื้อยาที่ร้านยา แล้วเราก็มีปากเสียงกันน่ะครับ ภายหลังถึงมารู้ว่าน้องเรียนที่ ม.เดียวกันกับน้องเอ๋ย คณะเดียวกันแต่คนละสาขา น้องเรียนบัญชีน่ะครับ" "เหรอ..ลุก..นิสัยใจคอเป็นยังไงล่ะ" "เป็นน้องเล็กน่ะครับ ทำอะไรไม่เป็น แถมไม่ค่อยแข็งแรงอีกต่างหากครับ" "น้องเป็นอะไรหรือลูก" "เลือดซีด แล้วก็พบก้อนที่มดลูกแต่ไม่ใหญ่มากครับ ผมอยากให้น้องรักษาครับเลยคุยกับนายกรว่าขอให้น้องไปตรวจที่นั่นฟรี โดยผมอ้างว่าให้เป็นเคสสอนนักศึกษาของโรงพยาบาลครับ แล้วค่อยโยกย้าย" "โยกย้าย ยังไงหรือลุก นัทพูดเหมือนว่า จะย้ายน้องไปรักษาที่อื่นงั้นแหละ" "ครับ พ่อครับผมมีเรื่องจะสารภาพ คือ..ผมกับนายกรร่วมกันเปิดคลินิกนรีเวชครับ" "อือ.." "ทำไมพ่อไม่แปลกใจเลยล่ะครับ หรือว่าพ่อรู้อยู่แล้ว" "แกคิดว่าพ่อหูหนวกตาบอดเหรอ พ่อก็มีหูมีตาของพ่อเหมือนกันนิ่" "ร้ายนะครับ เก็บซ๊ะเงียบเลย" "กะว่าคลินิกเสร็จจะเอาน้องไปดูแลติดตามอาการต่อที่นั่นใช่มั๊ย" "ใช่ครับ" "ก็ลองศึกษากันดู ขอให้เค้าเป็นคนดี ซื่อสัตย์ต่อลูก และรักลูกจริงพ่อก็พอใจแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องของลูกที่จะตัดสินเองว่าจะไปต่อ หรือหยุด พ่อเคารพการตัดสินใจของลูกเสมอ" "ขอบคุณครับพ่อ" อีกด้านของคนที่แอบฟังอยู่ จุ๊ จุ๊ จุ๊ จุ๊ จุ๊ "เงียบ ๆ ค่ะ คุณพ่อ เราต้องร่วมมือกันนะคะ คือว่าอย่างงี้ค่ะ ......." อัญญารินทร์เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของคุณอาหนุ่มให้บิดาฟังทราบสถานการณ์และขอเป็นกำลังเสริม "โอ เค เลยลูก พ่อบวกหนึ่งลุก จะให้ช่วยอะไรบอกได้เลย" "น่ารักมากค่ะ เราไปอบคุ๊กกี้กันต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวน้องเอ๋ยต้องกลับบ้านแล้วเนี่ย" "ไปค่ะ เสร็จแล้วจะได้ใส่โหลไปให้คุณแม่ด้วยโน๊ะลุกโน๊ะ" "ค่า.."
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม