ยีนส์บอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้ตัวเขารู้สึกอย่างไร กลัวงั้นหรอ? เกรงใจ? โกรธ? ตกใจ? ร่างบางให้คำนิยามของความรู้สึกตัวเองไม่ถูกเลยในตอนนี้ เพียงแค่เห็นกับตาตัวเองว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นเฮียธีมเขาก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว
“เฮีย..” ริมฝีปากบางพูดชื่อคนตรงหน้าออกมาเสียงแผ่วเบา เหมือนริมฝีปากขยับเข้าหากันโดยไร้เสียงพูด ยีนส์ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาในนาทีนี้ แต่ปล่อยให้มันเงียบไปแบบนี้ก็ทนไม่ไหว ยิ่งธีมมองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่งไร้ซึ่งการบ่งบอกความรู้สึก ในใจยีนส์ก็เหมือนมีกองไฟมาสุมไว้ข้างใน “เฮียคือ…คือ”
“มึงออกไป” เสียงทุ้มดังขึ้น มันเรียบนิ่งไม่บอกถึงอารมณ์คนพูด
ยีนส์เงยหน้ามองคนที่อยู่ด้านหลังเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคำพูดเมื่อครู่คงไม่ได้หมายถึงตนเองอยู่แล้ว จะเรียกชื่อแล้วบอกให้อีกฝ่ายเดินออกไปก็ไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไรในเมื่อมัวแต่นัวจนลืมถามชื่อเขาซะสนิท
“อะ-“
“กูบอกให้มึงออกไป!!” ชายแปลกหน้าตรงหน้ายังไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับ แค่เพียงอ้าปากเท่านั้นธีมก็ตะโกนเสียงดังลั่นไปทั่วห้องน้ำ
คำพูดที่จริงจังมาพร้อมกับน้ำเสียงที่ดังคำรามแค่นั้นก็ทำให้ธีมน่ากลัวอยู่แล้ว แต่นี้ยิ่งมาเจอดวงตาสีเข้มที่จ้องมองมาที่ตัวอย่างเยือกเย็นไร้ความรู้สึก เขาก็แทบจะวิ่งหนีไปให้ห่างจากผู้ชายที่น่ากลัวคนนี้
เฮือก!
ยีนส์สะดุ้งจนเกือบจะสะบัดแขนหนีจากธีม เมื่อจู่ๆธีมก็เดินเข้ามาใกล้ แถมยังเอื้อมมือมาจับแขนเขาไว้ซะแน่น เสียงขู่คำรามที่เกรี้ยวกราดของธีมเมื่อกี้ยังดังอยู่ในหัวยีนส์อยู่เลย
ธีมปล่อยมือออกจากแขน เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กดูตกใจกับการเข้าถึงตัวของเขา “เอาเป็นว่าเราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า” ยีนส์พยักหน้า ค่อยๆขยับกายออกจากห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นประตูร่างทั้งร่างก็ถูกรวบไว้ด้วยแขนของคนที่เดินตามมา “แต่อยากให้คุณรู้ไว้นะว่าเฮียไม่ชอบให้คุณไปยุ่งกับใคร นอกจากเฮีย”
“ระ..เรา..รู้แล้ว” คนในอ้อมกอดตอบเสียงเบา ธีมยิ้มให้กับใบหูขาวที่ขึ้นสีระเรื่อตรงหน้า เขาอยากจะก้มลงไปเม้มกัดที่ใบหูบางนั่นจริงๆ แต่ก็ต้องข่มใจเอาไว้ เพราะคนตัวเล็กตรงหน้าเขาลีลามากมาย คงไม่ยอมให้เขาได้ลองชิมง่ายๆ แต่คงยกเว้นกับคนอื่น!
“เอ่อ…ยีนส์ มึงโอเคเปล่าวะ” น้ำตาลสาวหน้าสวยกระซิบถามเพื่อนที่เดินก้มหน้าก้มตามานั่งที่เก้าอี้ ถ้าเธอรู้ว่าคนที่เธอกำลังคุยเป็นเพื่อนของเฮียธีมที่เพื่อนพูดถึงจะไม่พลั้งปากชวนเขามาตี้ด้วยเลย
“กูไม่เป็นไร”
“กูไม่รู้อ่ะว่าไอ้พี่เช่มันเป็นเพื่อนกับคนชื่อธีม กูคิดว่ายังไงมึงก็ต้องนานเลยเผลอชวนเขามาหา” น้ำตาลรีบอธิบายให้เพื่อนฟัง แต่ยังไม่ทันจะพูดจบเฮียธีมตัวละครหลักของการสนทนาก็เดินมาถึงโต๊ะ แถมยังเลือกที่นั่งข้างๆกับยีนส์ เรียกว่าใกล้ในระยะเผาขนเลยทีเดียว
“นี่เพื่อนเฮีย คนนี้ชื่อเช่เป็นอะไรกับเพื่อนคุณ คุณก็ถามเพื่อนคุณเอง” ธีมสะกิดยีนส์ให้เงยหน้าขึ้นมาสนใจเพื่อนเขาที่นั่งอยู่รอบโต๊ะ ถือวิสาสะวางแขนไว้บนไหล่เล็ก แสดงความเป็นเจ้าของกลายๆให้โต๊ะอื่นได้เห็น เช่ เป็นผู้ชายแบดบอยหาตัวจับยาก ตั้งแต่ธีมรู้จักมันมาเขาไม่เคยเห็นมันควงใครซ้ำ
“ไอ้นั่นชื่อท็อป”ธีมชี้นิ้วมาที่ท็อป เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่มัธยมยันมหา'ลัย ผู้ชายที่มีรอยยิ้มหวานเรียกสาวๆและรอยสักท้ายทอยรูปแมงป่อง “แล้วก็ไอ้วาด” ธีมชี้นิ้วมาที่คนสุดท้ายวาดเพื่อนสนิทที่มารู้จักกันช่วงเรียนมหา'ลัย วาดเป็นผู้ชายพูดน้อย ชอบใช้ชีวิตกลางคืน มีผิวที่ขาวจัดและดวงตาสีฟ้าที่ได้มาจากเชื้อฝั่งพ่อ “ส่วนนี้ยีนส์ เป็นอะไรกับกูไม่สำคัญพวกมึงรู้ไว้แค่ว่าเป็นคนของกูที่ห้ามแตะต้องก็พอ”
“โหหหหห~” เช่โห้แซวเพื่อนสนิทที่แสดงความเป็นเจ้าของเด็กตัวน้อยออกหน้าออกตา ส่วนเด็กในอุ้มมือเพื่อนเขานั้นก็นั่งก้มหน้าก้มตาอายกับประโยคเด็ดของเพื่อนเขา ส่วนไอ้ธีมนั้น…ดูท่าจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
“เฮียยยย”
“คุณทำเฮียหัวเสียมากเลยนะกับเหตุการณ์เมื่อกี้” พอพูดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆยีนส์อยากจะมุดหัวเอาตัวหนีไปให้ไกลจากคนข้างๆ
“เฮียอย่าทำเหมือนเราผิดได้ไหม” ยีนส์บ่นอุบอิบเสียงเบา ใบหน้าสวยยังคงก้มมองมือบนตักไม่สนใจผู้คนรอบข้าง ไม่สนด้วยว่าธีมจะยื่นหน้าเข้ามากระซิบกับเขาในระยะชิดจนปลายจมูกแทบจะแตะอยู่ที่แก้มแล้วก็ตาม
“คุณผิด คืนนั้นคุณปล่อยให้เฮียรอ แต่ทีกับ…” ธีมเว้นวรรคประโยคนั้นไว้ เขาไม่อยากพูดถึงมันเลยสักนิด ภาพหน้าไอ้นั่นมันยังติดตาเขาอยู่เลยพูดแล้วอยากจะเตะสักทีสองที “กับมันคุณกับไม่ปฏิเสธ เฮียควรรู้สึกยังไงดี”
“เราก็แค่สนุกไม่ได้คิดจริงจังสักหน่อย” คนตัวเล็กตรงหน้าวางมือที่หน้าขาธีมอย่างแผ่วเบา ใบหน้าเรียวช้อนตามองอย่างขอความเห็นใจ
ธีมถอนหายใจออกเหมือนคนเหน็ดเหนื่อย ทันทีที่เขาเห็นสายตากลมที่เงยหน้ามองมา เขาแทบจะชูสองมือแล้วยกธงขาวยอมแพ้ซะให้ได้ ทำไมสายตาคนรู้สึกผิดมันถึงได้ดูอ้อนเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวน้อยแบบนี้ว่ะ!
“แล้วกับเฮียคุณจริงจังงั้นหรอ” ประโยคถามกลับของธีมทำให้ยีนส์ตอบอะไรออกไปไม่ถูก ยีนส์แทบไม่คิดเลยดีกว่าว่าผู้ชายแบบธีมจะมาถามประโยคแนวจะจริงจังกับเขาแบบนี้ “คุณยังไม่ต้องตอบอะไรเฮียก็ได้ เอาเป็นว่าคืนนี้คุณต้องชดใช้ด้วยการอยู่กับเฮียทั้งคืน”
“ชะ..ชดใช้อะไรเฮีย!?”
“เรื่องที่คุณทิ้งเฮียไปหาเพื่อน รวมถึงเรื่องไอ้นั่น ความจริงเฮียสั่งให้คนกระทืบมันก็ยังได้หรือคุณอยากเห็นมันเจ็บตัวเพราะเฮียหึงคุณ” ธีมพูดทีเล่นทีจริง เขาชอบที่จะเห็นใบหน้าสวยๆของยีนส์แสดงสีหน้าตกใจใส่เขา มันดูไร้เดียงสาเหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อยๆ ยกเว้นประโยคที่เขาจะสั่งคนไปกระทืบไอ้นั่นนะ เพราะเขาพร้อมจะทำมันจริง
“หึงเรา?”
“ใช่เฮียหึงคุณ แบบที่ไม่เคยหึงใครมาก่อน” ธีมตอบด้วยสีหน้าตายด้าน เขาตอบเหมือนเป็นคำพูดธรรมดาๆคำหนึ่ง ผิดกับคนฟังที่แทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ ดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากเผยอเตรียมจะพูดแต่นึกคำพูดไม่ออก
“อะแฮ่มม! กูก็ไม่ได้อยากรบกวนเวลาของท่านธีมสักเท่าไร แต่คุณมึงลืมไปหรือเปล่าว่าพวกกูยังมีตัวตนนะเว้ย” เสียงท็อปดังขัดจังหวะของทั้งคู่
ธีมหันกลับไปมองเพื่อนๆเขาแทบจะกินเลือดกินเนื้อ ฝ่ามือก็เนียนเลื้อยลงจากไหล่เล็กมากอดเอวคอดไว้หลวมๆ ไม่รู้ว่าที่ยีนส์ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนเขาเป็นเพราะอายเพื่อนเขา หรือเขินตัวเขาจนไม่กล้าจะเงยหน้ามอง
“ก็พวกมึงมันไม่ได้สำคัญไง” ประโยคพูดของธีมแต่ละประโยคทำเอายีนส์แทบจะแทรกแผ่นดินหนีเพราะอายคำโห่แซวจากผู้ชายแปลกหน้าทั้งสามคน
“ใช่สิ กูไม่ใช่น้องยีนส์หรือน้องคนนั้นเมื่อสี่ปีก่อน” เช่อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดเมื่อดันเผลอปากพูดถึงเรื่องลับธีม
ปกติเขาก็เอาเรื่องเด็กที่ธีมเคยวันไนท์ด้วยจนติดใจเมื่อสี่ปีก่อนมาแซวกันทุกครั้งที่กินเหล้า แต่ครั้งนี้เขาลืมไปว่าข้างกายเพื่อนเขาก็มีคนที่เพื่อนเขาดูท่าจะแคร์และอยากได้มากกกกกนั่งอยู่ด้วย
“น้องคนนั้น..” วาดจะช่วยพูดแก้ แต่ก็แก้อะไรต่อไปไม่ถูก ยิ่งหันกลับมาเห็นสายตาของธีมที่แทบจะปลิดชีวิตพวกเขาด้วยดวงตาปากพวกเขาก็หนักจนพูดอะไรออกมาไม่ได้
“เอ่อ..คือพวกกู”
ยีนส์ยอมเงยหน้าขึ้นจากตัก ดวงตาใสจ้องมองรอคำตอบจากบรรดาผู้ชายตรงหน้า แต่ละคนก็ทำหน้าเหมือนคนกำลังจะตาย โดยเฉพาะคนชื่อเช่ที่นั่งอยู่ข้างน้ำตาล ธีมมองดูปฏิกิริยาของเด็กน้อยสักพักหนึ่งก่อนจะยกแก้วตัวเองขึ้นมาจิบ แล้วบอกกับคนข้างกาย
“ไม่มีไรหรอกคุณ ตอนนี้เฮียสนใจคุณมากกว่า”
“เขาเป็นแฟนเฮียหรอ” คำตอบที่ไม่ตรงกับคำถามมันยิ่งทำให้ยีนส์เกิดความสงสัยยิ่งกว่าเดิม ธีมยิ้มให้กับคำถามนั้น เขาส่ายหัว
“เปล่า มันคืออดีตคุณอย่าไปใส่ใจมันเลย เฮียชอบอยู่กับปัจจุบันมากกว่า”
อึก!
ยีนส์จำไม่ได้แล้วว่าตัวเขาเองดื่มหมดไปกี่แก้ว ตั้งแต่ไอ้ประโยคที่เฮียธีมกึ่งๆจะบอกชอบเขา เขารู้แค่ว่าตอนนี้เขาคุยกับเพื่อนธีมจนสนิทนึกว่ารู้จักกันมาหลายปี แถมยังคุยคล่องไม่เหลือแล้วความเขินอายที่ธีมหยอดเขาไว้ก่อนหน้านี้
“น้ำตาลฝึกงานอยู่ที่บริษัทอาของพี่ แล้วยีนส์ฝึกงานอยู่ที่ไหนหรอครับ ที่ทำงานดีไหมอยากย้ายรึเปล่า” เช่ชวนหนุ่มหน้าสวยตรงหน้าคุย
ถ้าเขาไปเจอยีนส์ข้างนอกก็คงจะอดจีบไม่ได้ ใบหน้าสวย ปากบางน่าจูบ ยิ่งเวลาใกล้เมาแล้วคุยเก่งยิ่งมีเสน่ห์ สมแล้วที่เพื่อนเขาดูท่าจะหลงหัวปักหัวปำ
“อียีนส์มันยังเรียนไม่จบเลยพี่เช่” น้ำตาลหันไปตอบคำถามนั้นแทน “มันดันดรอปเรียนไปเกาหลีตั้งสามปีแหน่ะ กลับมาเพื่อนเขาก็เรียนจบกันหมดแล้ว”
“ทำไมถึงไปเกาหลีละครับ” พอเช่หันไปสนใจสาวสวยเอาใจเก่งอย่างน้ำตาลท็อปก็รับหน้าที่ซักถามประวัติยีนส์ต่อ
“ผมประสบอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อนเลยไปรักษาตัวที่นั่น แล้วก็อยู่ยาวเลย” เมื่อพูดจบยีนส์ก็ส่งยิ้มให้กับท็อป เล่นเอาท็อปถึงกับเขินกับรอยยิ้มหวานจนต้องยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขิน
“ไงไอ้ธีมสนใจออกค่าเทอมไหมวะมึง” วาดสะกิดถามเพื่อน
ธีมหันไปมองคนแก้มขึ้นสี ถ้าเขารู้ว่ายีนส์ดื่มเยอะไแล้วจะน่ารักคุยเก่งแบบนี้เขาจะไม่ยอมให้ออกมาเที่ยวที่แบบนี้เลย ร่างสูงวางศอกลงกับโต๊ะ เอียงหน้ามองคนที่กำลังยิ้มหวานให้กับเพื่อนๆเขา
“ให้เหมาจ่ายทั้งชีวิตเฮียก็ไม่ติดนะ”
“บ้านเราก็รวยนะเฮีย”
“แต่ถ้ามีเฮียอยู่ด้วยคุณจะรวยกว่าเดิม” ยีนส์ยิ้มให้กับประโยคที่เชิญชวนของธีม “ว่าแต่คุณประสบอุบัติเหตุอะไรงั้นหรอ” ธีมเคยได้ยินผ่านหูมาจากยอร์ชอยู่บ้างว่าน้องมันเคยประสบอุบัติเหตุ แต่ไม่เคยรู้ว่าอุบัติเหตุอะไร
“คือเรา..” คนโดนถามเกิดอาการอึกอัก ยีนส์แสดงสีหน้าครุ่นคิดถึงคำตอบจนน้ำตาลต้องรีบออกปากตอบแทน
“เมาแล้วหลับในน่ะ รถมันเลยเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ เมาแล้วคิดอะไรไม่ออกใช่ไหมมึงเนี่ย” น้ำตาลหันไปดุเพื่อนเบาๆ ยีนส์ก็ยังคงครุ่นคิดไม่เลิกกับเรื่องของตัวเอง จนเช่ดึงสติให้กลับมาคุย
“แสดงว่าน้องยีนส์ต้องเที่ยวเก่งมากแน่ๆเลย”
“ก็ประมาณหนึ่งครับ” ยีนส์ตอบยิ้มๆ ตอนนั้นเขาก็คงเที่ยวจัดไม่ต่างกับตอนนี้ที่อยู่ไม่ติดบ้านสักคืนหรอก
“ต้องหายไปอยู่เกาหลีถึงสามปีเลยหรอคุณ”
“เราเองก็จำไม่ค่อยได้แล้วล่ะว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำไมเราถึงหายไปอยู่ที่นู้นมาตั้งสามปี อย่าใส่ใจมันเลย”
โต๊ะยีนส์ลุกเป็นโต๊ะสุดท้าย เรียกได้ว่าร้านปิดจนเจ้าของร้านต้องยกมือไหว้ให้กลับ ทั้งน้ำตาลทั้งยีนส์ตอนนี้สภาพเมาหนักด้วยกันทั้งคู่ เช่ก็จัดการอุ้มสาวร่างบางไว้แนบอก ไม่บอกก็รู้กันอยู่ว่าคืนนี้น้ำตาลกลับกับใคร
ยีนส์ก็เมาไร้สติไม่ต่างกัน ธีมจำได้ว่าเขาชงให้ยีนส์ดื่มไปหลายแก้วมาก ไหนจะดื่มเป็นช็อตกันอีก คนตัวบางนั่งไหวยันร้านปิดธีมก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
“คืนนี้ไปต่อที่คอนโดเฮียนะ” ธีมกระซิบบอกยีนส์ก่อนที่จะอุ้มคนตัวเล็กในท่าเจ้าสาวแล้วพาไปที่รถสปอร์ตคันใหม่ที่เขาเพิ่งถอยออกมา ตลอดระยะทางไปลานจอดรถคนตัวเล็กในอ้อมแขนก็ช่างขยับซบอกเขาเสียเหลือเกิน ไหนจะซุกหน้าเอาแก้มแนบเนื้ออกเขาอีก
ยั่วเก่งแม้กระทั้งตอนเมา!
@Zคอนโด
“คุณถึงคอนโดเฮียแล้ว”
“เหรอ” ยีนส์สะลึมสะลือลุกขึ้นนั่ง ร่างบางเอียงหน้าหันไปมองธีมที่นั่งจับพวงมาลัย ปากบางค่อยๆเบะคว่ำลงแล้วก้มหน้ามองขาตัวเอง “เราลุกไม่ไหวแล้ววว เฮียอุ้มหน่อยย” เสียงเล็กเสียงน้อยที่เปล่งออกมาเรียกได้ว่าทำธีมแทบคลั่ง มันทั้งอ้อนทั้งน่าเอาใจใส่ในเวลาเดียวกัน
ธีมอุ้มยีนส์มาจนถึงห้องชุดสุดหรูที่เขาซื้อไว้ คนโตกว่าไม่รอช้ารีบอุ้มพาเด็กในอ้อมแขนตรงเข้าห้องนอนที่มีเตียงขนาดคิงไซส์รอเขาทั้งคู่อยู่
“เฮียจะพาเราไปไหน” ยีนส์ถามเสียงแหบอยู่ข้างหู ธีมหยุดมองคนที่ลืมตามองหน้าเขาไม่กระพริบในอ้อมแขน ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าการที่มาทำตัวเล็กนอนแนบอกเขาตอนนี้มันยั่วยวนชวนกินขนาดไหน
“พาคุณไปนอนไง คุณเมาแล้วรู้ตัวรึเปล่า” ธีมพูดเสียงติดสั่นจนแทบจะเป็นเสียงกระเส่า
ความชั่วร้ายในหัวมันกำลังตีกับความดี บอกให้เขารีบวางร่างบางในอ้อมแขนลง แล้วจัดการทำอะไรๆตามใจที่อยากทำ ไม่ว่าจะเป็นการจับตรงนั้น จูบตรงนี้ หรือแม้แต่ถอดกางเกงตัวสวยให้เห็นถึงเรียวขาด้านใน
แต่ยังไม่ทันที่ธีมจะชั่งใจตัวเองเสียงใสที่ติดจะพูดเสียงยานก็ดังขึ้นมาขัดซะก่อน ยีนส์ในสภาพผมที่ไม่เป็นทรงกับร่างที่ลุกขึ้นนั่งโงนเงนหันหน้ามามองธีมตาใส ปากบางขยับส่งเสียงเล็กน้อยที่ฟังดูแทบจะไม่รู้เรื่อง แต่ดันเป็นประโยคที่ชวนให้เลือดลมธีมสูบฉีดสูงพุ่งปรอตแตก
“เฮียย ถอดเสื้อคุมออกให้เราหน่อย เราร้อน”
“นี่คุณกำลังยั่วเฮียอยู่ใช่ไหมเนี่ย” พูดแล้วธีมก็จัดการช่วยคนตัวเล็กถอดเสื้อคลุมหนังออกไปให้พ้นตัว
“คิก คิก” ยีนส์หัวเราะเสียงเล็ก ก่อนที่จะล้มตัวกลับไปนอนเช่นเดิม
ร่างโปร่งบางทอดกายนอนหลับตาพริ้มชวนเรียกสายตาให้มอง ธีมมองสำรวจไปทุกตารางผิวที่โผล่พ้นเนื้อผ้า แขนเรียวสวย ยิ่งยีนส์ใส่เป็นเสื้อแขนกุดด้านในมันยิ่งโชว์ท่อนแขนที่ขาว ไร้รอยขีดข่วน
กางเกงยีนส์ขาเดฟที่รัดแน่นพอดีตัว และที่สำคัญมันไม่ได้ขาดจนน่าเผาทิ้งแบบกางเกงตัวก่อน
ธีมจัดการถอดเสื้อยืดแขนยาวที่เขาสวมเหวี่ยงทิ้งไว้ข้างเตียง ท่อนขาแข็งแรงทิ้งเข่าลงกับที่นอนชั้นดี ค่อยๆคืบคลานเข้าไปหาร่างบางที่นอนหลับพริ้มอยู่ตรงหน้า
“ไอ้นั่นมันทำอะไรคุณบ้าง” ธีมกรีดปลายนิ้วลงกับผิวเนียนตรงช่วงแขน เขาลากไล้ปลายนิ้วจนต่ำลงมาถึงหลังมือสวยได้รูป ค่อยๆจับนิ้วเรียวทีละนิ้วๆก่อนจะกุมมาไว้ทั้งมือ แล้วจรดปลายจมูกกดลงไปสูดดมกลิ่นหอม“ไอ้ผู้ชายที่เข้าไปกับคุณ”
“เขาลวนลามเรา คิกคิก” ยีนส์ยังคงตอบคำถามนั้นด้วยความเมา หารู้ตัวไม่ว่าอีกไม่นานเขาอาจจะโดนธีมจับกินจนแทบไม่เหลือแม้แต่กระดูก “จับตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้ด้วย” คนตัวเล็กชี้ไปตามร่างกายที่ล้วนแต่เป็นจุดสงวนทั้งสิ้นที่ตัวเองปล่อยให้คนแปลกหน้ามาจับและบีบขย้ำ
ธีมไล้ฝ่ามือไปตามมือเล็กที่ชี้ไปแต่ละจุด ทำเอาเส้นเลือดที่ขมับทั้งสองข้างของธีมเต้นไม่หยุด อก เอว สะโพก ไหนจะบั้นท้ายกลมสวยพอดีมือเขาอีก คนพี่อยากจะทั้งจับทั้งบีบขยี้ลบลอยเหล่านั้นจากคนอื่นไปให้หมด
แต่ก็ต้องชั่งใจไว้ก่อน เขาอยากได้อะไรที่มันเหนือกว่าคนทุกคน ถ้าเด็กตรงหน้าทำให้เขาคลั่งจนต้องตามหา เขาก็จะทำให้เด็กน้อยบนเตียงร่ำร้องให้เขามอบความสุขให้
“เขาจูบคุณหรือเปล่า” ธีมกระซิบถาม ริมฝีปากเฉียดริมฝีปากทำเอาคนตัวเล็กด้านล่างต้องรีบยกศรีษระเข้าหาริมฝีปากสีคล้ำตรงหน้า
กลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งกับกลิ่นบุหรี่เสมือนเป็นกลิ่นแปลกใหม่ที่เชื้อเชิญให้เด็กตัวน้อยอย่างยีนส์วิ่งเข้าหา
“จูบ แต่ไม่เก่งเท่าเฮีย”
“อื๊มม..” การที่แกล้งยั่วให้คนตัวเล็กต้องการจนต้องเริ่มก่อนเป็นไปตามที่ ธีมคาดหวัง
ริมฝีปากอุ่นนิ่มบดคลึงเข้าหากันราวกับเป็นอากาศหายใจที่ขาดไม่ได้ ยีนส์ใช้มือผลักอกธีมให้นอนหงายลงไปกับที่นอน ก่อนที่เจ้าตัวน้อยอย่างเขาจะปีนขึ้นมาคร่อมร่างใหญ่เอาไว้ ครอบครองริมฝีปากหยักตรงหน้าอย่างมัวเมา ลุ่มหลงไปกับรสจูบที่แปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสจากใคร