เมื่อทุกคนได้ลองชิมต่างก็พยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนที่ชายสูงวัยคนนั้นจะเอ่ยถามถึงราคา
“แล้วราคาแม่ค้าขายยังไง แพงไหมล่ะ”
“ราคาจะตามขนาดเลยค่ะ ห่อเล็กมีสิบซอง ฉันขายในราคาแปดหยวน ส่วนขนาดกลางมีสามสิบซอง ขายราคายี่สิบหยวน และห่อใหญ่สุดมีหกสิบซองฉันขายในราคาสี่สิบห้าหยวนค่ะ ราคานี่ถูกกว่าตามท้องตลาดและเชื่อว่ากาแฟสำเร็จรูปแบบนี้หายากมาก ไม่แน่อาจจะไม่มีที่ไหนขายเลยนอกจากปักกิ่งย่าน คนรวย คุณลุงสนใจแบบไหนและจำนวนเท่าไรค่ะ ส่วนราคาขายคุณลุงสามารถไปเพิ่มราคาได้ตามต้องการและสถานที่ที่คุณลุงไปขายค่ะ”
เฉินหว่านเยว่แจ้งราคาไป คนที่คิดจะเอาไปเก็งกำไรต่างก็พยักหน้าอย่างพอใจ เพราะกาแฟธรรมดาราคาก็แพงกว่านี้แล้ว อีกทั้งยังต้องเติมนม และน้ำตาลด้วยความยุ่งยากอีก ดังนั้นราคาที่เธอบอกมาจึงไม่แพงเลย
และที่สำคัญ เธอต้องการขายปริมาณมากกว่ากำไรต่อชิ้นมาก ๆ แล้วยอดขายไม่ค่อยมี อย่างนั้นแล้วเธอขอเลือกที่จะขายแล้วเน้นปริมาณดีกว่า ไม่แน่วันนี้อาจจะได้ลูกค้ารายใหญ่ติดไม้ ติดมือกลับบ้านก็ได้
“โอ้...ขายราคาไม่แพง ฉันสามารถทำกำไรได้ ว่าแต่เธอมาขายตลอดหรือเปล่า” ชายสูงวัยคนนั้นถามขึ้นอีกครั้ง
“ฉันจะพยายามมาให้ได้ทุกอาทิตย์ค่ะ แต่สินค้าฉันไม่สามารถรับปากได้ว่าแต่ละครั้งจะมีจำนวนเท่าไร” เฉินหว่านเยว่ตอบออกไป เพื่อที่จะให้เขาสั่งของทีละมากๆ เพราะถ้าไม่รีบซื้อตุนไว้ อาจจะไม่มีของอีกแล้วก็ได้
“ถ้าอย่างนั้น ฉันเอาทั้งสามขนาด อย่างละห้าสิบห่อ ไม่สิ ขนาดเล็กเอามาร้อยห่อ ส่วนครั้งต่อไปฉันจะมาแจ้งว่าต้องการซื้อเท่าไร” ชายสูงวัยบอกจำนวนที่ต้องการ ที่ยอมสั่งจำนวนเยอะขนาดนี้เพราะเขามีแหล่งที่จะปล่อยสินค้าอย่างไรล่ะ
“ขอบคุณนะคะ แต่คุณลูกค้ากลับมาเอาสินค้าในอีกหนึ่งชั่วโมงได้ไหมคะ เนื่องจากสินค้าจำนวนเยอะ ตรงนี้มีสินค้าไม่เพียงพอ” เธอไม่อยากเสียลูกค้ารายย่อยไปเหมือนกัน อีกทั้งตะกร้าสองใบนี้ยังไงก็ไม่สามารถเอาสินค้าออกมาต่อหน้าคนมากมายได้ขนาดนั้น จึงขอเลื่อนการส่งของออกไป
“ได้สิ นี่เงินมัดจำ ฉันไปเอาเงินมาเพิ่มก่อน อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกันตรงนี้นะ” ชายสูงวัยคนนี้ยื่นเงินให้เฉินหว่านเยว่หนึ่งพันหยวน เพื่อมัดจำ เงินส่วนที่เหลือเขาจะนำมาให้ตอนที่มารับของ
หลังจากลูกค้ารายใหญ่จากไปแล้ว ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้ ต่างก็ซื้อกลับบ้านอย่างละห่อสองห่อ เนื่องจากรู้ว่าแม่ค้าคนนี้จะมาขายทุกอาทิตย์
สินค้าที่หญิงสาวเอามาขายนั้นขายดีจนไม่เหลือ เธอจึงได้เก็บร้านเพื่อจะไปเตรียมเอาสินค้าที่ลุงคนนั้นสั่งไว้มาให้ เธอเดินเข้าซอกแคบ ๆ เหมือนเดิม แล้วนำสินค้าออกมาใส่กล่องอย่างดี
เมื่อถึงเวลานัด ชายสูงวัยก็มารับสินค้าพร้อมกับเงินที่เหลือ ซึ่งเฉินหว่านเยว่ยังลดราคาให้ อีกเนื่องจากอีกฝ่ายสั่งจำนวนมากนั่นเอง จากนั้นหญิงสาวจึงเดินเล่นเพื่อซื้อขนมและของไปฝากบ้านหมิง
แต่ในขณะที่กำลังจะกลับบ้าน คนของตลาดมืดมาดักเรียกเธอไว้ แม้จะหวาดระแวงอยู่บ้าง ทว่าเธอกลับจำได้ว่าชายคนนี้คือคนที่เอาน้ำร้อนมาให้นั่นเอง
“พี่ชายมีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่ากาแฟที่ให้ไปมันไม่พอ งั้นเดี๋ยวฉันเอามาเพิ่มให้” เฉินหว่านเยว่เอ่ยถามพร้อมกับล้วงมือเข้าไปยังถุงผ้าที่สะพายเพื่อเองของออกมาให้ แต่กลับโดนชายคนนี้ห้ามไว้ก่อน
“ไม่ต้องหรอก เพียงแต่คนสนิทของนายท่านต้องการคุยด้วย เรื่องการค้า” ชายคนนั้นยกมือห้ามแล้วพูดเรื่องที่เขาเรียกเธอไว้ออกมา
“คนสนิทของนายท่านอยากคุยกับฉันงั้นเหรอ ว่าแต่นายท่านที่พี่ชายพูดถึงคือใครเหรอคะ” เฉินหว่านเยว่ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
“นายท่านคือเจ้าของตลาดมืดแห่งนี้และกิจการอีกมากมาย เธอควรจะไปพบท่านหน่อยนะนะ เผื่อว่าจะได้ลูกค้ารายใหญ่กว่าลุงคนนั้น” ลูกน้องคนนี้พูดเตือนสติหญิงสาว เนื่องจากเขาได้รับคำสั่งมาว่ายังไงก็ต้องพาแม่ค้าคนนี้ไปคุยด้วยให้ได้
เฉินหว่านเยว่มีความกังวลเล็กน้อย แต่เพราะต้องการเปิดการค้าของตนเอง เธอจึงตัดสินใจเดินตามอีกฝ่ายมาพร้อมกับระแวงเล็กน้อย และคิดว่าหากดูท่าไม่ดีจะรีบวิ่งหนีทันที
ไม่นานความกังวลใจของเธอก็คลายลง เมื่อชายคนนี้พาเธอเดินลัดเลาะมายังสำนักงานแห่งหนึ่ง และที่นี่น่าจะเป็นสำนักงานของตลาดมืดเพราะดูแล้วไม่ต่างกับบริษัทขนาดย่อมในยุคที่เธอจากมาเลย
“มากันแล้วเหรอ เข้ามาก่อนสิ” เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังออกมาจากในห้อง ก่อนที่เฉินหว่านเยว่จะเดินเข้าไปพร้อมกับชายอีกคน
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าให้คนไปตามฉันมา มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าฉันทำอะไรผิดกฎของตลาดมืด” เฉินหว่านเยว่เปิดปากทักทายและถามออกไปทันที
“ไม่หรอกครับ ต้องขอโทษด้วยที่ผมเสียมารยาทให้คนไปตามมาอย่างกะทันหัน แต่สำหรับกลุ่มการค้าอย่างเรา ๆ การที่เจอสินค้าที่ต้องการ ก็ต้องรีบคว้าไว้ไม่ใช่เหรอ คุณว่าจริงไหม ผมลืมแนะนำตัว ผมชื่ออี้ฉางเฟิง เป็นคนสนิทของนายท่านฉาง”
เมื่อมีการแนะนำตัวว่าตนเองเป็นคนสนิทของนายท่านฉางและสนใจสินค้าที่หญิงสาวนำมาจำหน่าย คนที่ได้ยินต่างก็มีสีหน้าแตกต่างกัน โดยเฉพาะชายหนุ่มอีกสองคนในห้องที่ดูจะตกใจกับการแนะนำตัวในครั้งนี้
ซึ่งต่างจากเฉินหว่านเยว่ที่ดูจะมีรอยยิ้ม เพราะคิดว่าจะทำเงินจากการค้าครั้งนี้เข้ากระเป๋าได้เท่าไร
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหว่านเยว่ ฉันคิดว่าเราคงไม่ต้องคุยอะไรกันมากแล้ว ในเมื่อคุณเรียกฉันมาแบบนี้ย่อมต้องรู้ว่าฉันมีสินค้าจำพวกอะไรมาขาย เช่นนั้นแล้วคุณพูดถึงข้อเสนอมาได้เลยค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยแนะนำตัวขึ้นมาบ้าง และคิดว่าคงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ในเมื่อเขาเรียกเธอมาแบบนี้ ย่อมต้องเห็นแล้วว่าเธอมีสินค้าอะไร
“ครับ ผมได้ชิมกาแฟและเครื่องดื่มสำเร็จรูปที่คุณมีขาย แต่เหมือนกับว่าผมเห็นอาหารแปลกตาที่ยังไม่ปรุง แต่เพียงแค่ใส่น้ำร้อนหรือบางอย่างก็ใส่แค่น้ำธรรมดา รอไม่กี่นาทีอาหารก็สุกแล้วสามารถกินได้เลย เพียงแต่อาหารพวกนี้ผมยังไม่ทันได้ลอง ไม่รู้ว่าคุณจะพอมีตัวอย่างให้ผมได้ลิ้มลองบ้างไหม”
แม้ว่าจะสนใจเรื่องเครื่องดื่มสำเร็จรูป แต่เพราะเครือข่ายของนายท่านฉางทำการค้ากับกองทัพด้วย เรื่องอาหารสำเร็จรูปที่ดูเหมือนจะง่ายในการกิน น่าจะเป็นความต้องการของกองทัพและทหารลาดตระเวนที่อยู่ชายแดนอย่างมาก เพราะเพียงแค่ใส่น้ำเปล่าหรือน้ำร้อนก็กินได้แล้ว
“ในตะกร้ามีอยู่ไม่กี่อย่าง ฉันจะลองเอามาให้ลองชิมดูนะคะ” ว่าแล้วหญิงสาวจึงเอามือล้วงเข้าไปในตะกร้า อาหารกึ่งสำเร็จรูปและอาหารถ้วยร้อนพวกนี้เธอตระเตรียมไว้แล้ว เลยไม่ต้องหลบเพื่อเปิดหน้าจอระบบออนไลน์
สิ่งที่เฉินหว่านเยว่เอามานั้นคือเนื้อหมูกระเทียม ข้าวหมูตุ๋น ข้าวหมาล่าเนื้อรสเผ็ดร้อน และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งทางอี้ฉางเฟิงเหมือนจะรู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะขอน้ำร้อน เขาจึงส่งสัญญาณให้ลูกน้องรีบเอากาน้ำร้อนมาให้ แต่หญิงสาวขอน้ำธรรมดาด้วย เนื่องจากอาหารถ้วยร้อนไม่จำเป็นต้องใช้น้ำร้อนนั่นเอง
เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว หญิงสาวจึงอธิบายและสาธิตทุกอย่างให้คนที่เธอรู้จักในนามคนสนิทของนายท่านฉางฟังอย่างละเอียด และหวังว่าครั้งนี้เธอจะได้ยอดขายจำนวนไม่น้อยกลับไป
สามนาทีต่อมา เฉินหว่านเยว่จึงเปิดฝาอาหารทั้งสามอย่างก่อนจะมีควันลอยออกมาพร้อมกับกลิ่นอาหารที่ชวนน้ำลายไหล ทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามีประกายตาที่ดูจะพอใจอย่างมาก
“เชิญลิ้มรสของอาหารทั้งหมดได้เลยค่ะ” เฉินหว่านเยว่ผายมือไปที่อาหารทั้งสามถ้วย
“งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะ ขอชิมหน่อยก็แล้วกัน” อี้ฉางเฟิงพูดขึ้น
แต่จากที่ตั้งใจจะกินแค่ชิม แต่กลายเป็นว่าอาหารตรงหน้าล้วนหมดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกน้องที่ยืนมองได้แต่กลืนน้ำลายตามเจ้านาย เพราะแม้ไม่ได้กิน แต่กลิ่นที่ได้สูดดมก็ยั่วน้ำลายไม่น้อย
“คุณสามารถหาสินค้าเหล่านี้ได้มากแค่ไหน และมีตลอดหรือเปล่า” หลังจากกินจนอิ่มแล้ว ชายหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นมาถามทันที
“มากได้เท่าที่คุณต้องการค่ะ แต่ฉันไม่สามารถเข้ามาในเมืองได้ทุกวัน แต่จะพยายามมาให้ได้ทุกวันอาทิตย์ วันนี้ฉันลางานมา” ในเมื่อมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายต้องการสินค้าที่เธอมี จึงไม่คิดจะปิดบังว่าตนเองนั้นมีงานประจำที่ต้องทำ
“ชุดแรกผมต้องการอย่างละหนึ่งพันชิ้นทุก ๆ หนึ่งอาทิตย์ คุณมีอาหารแบบนี้กี่ชนิดผมต้องการทั้งหมด รวมถึงเครื่องดื่มสำเร็จรูปด้วย เพียงแต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนเล็กน้อย ไม่ทราบว่าคุณจะยอมหรือไม่” อี้ฉางเฟิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมีอำนาจ พร้อมกับมองหญิงสาวตรงหน้าไปด้วย
เมื่อได้ยินว่ามีข้อแลกเปลี่ยน เฉินหว่านเยว่ก็มีอาการตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าพอได้ยินประโยคต่อมาเธอจึงมีรอยยิ้มทันที