กฎในการเฝ้าบ้านคุณอาช่างทำตุ๊กตา (1)

2250 คำ
"จบสักที..." ผมถอนหายใจออกมาหลังที่เห็นว่ารถได้มาจอดยังป้ายที่สอง ในป้ายแรกระพีร์เข้ามานั่งกวนผมตลอดทาง แถมไม่ลดละความพยายามเลยสักนิด... ขนาดผมไปนั่งที่เบาะหน้าสุดเขายังตามมายืนอยู่ข้างหน้าผมได้ ที่เป็นแบบนี้คงเพราะในรถมีเพียงผม เขาเลยคิดจะแกล้งผมคนเดียวตลอดทางเลยสินะ แต่เหมือนว่าระพีร์จะลงไปแล้วในป้ายที่สอง แต่คนที่ขึ้นมาแทนคือชายตัวผอมแห้งไร้ดวงตาบนใบหน้า ที่มาพร้อมกับแขนขาอันแสนจะยาวเทอะทะคู่นั้น...ทิพ เขาเดินผ่านผมเพื่อที่จะไปนั่งยังเบาะด้านหลัง แต่ถึงแบบนั้น การปรากฏตัวของเขามันทำให้ผมเริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆ ถ้าเทียบรูปร่างกับระพีร์ที่ขึ้นมาในตอนแรก ทิพดูน่ากลัวกว่าเป็นไหนๆ บอกตรงๆ ว่าเวลานี้ ผมใช้สมาธิทั้งหมดของร่างกายในการมองว่าจะมีบอลกลิ้งมาตอนไหน จนผ่านไปสักพักใหญ่เลยกว่าจะมีบอลมาชนที่เท้า ผมรีบหยิบบอลลูกนั้นขึ้นมาแล้วโยนมันไปด้านหลังรถเพื่อที่จะให้เขามองไม่เห็นผม อีกทั้งผมก็ไม่อยากเห็นเขาเดินมาเก็บบอลที่หน้ารถด้วย...การมองไปที่ร่างกายของเขาตรงๆ มันทำให้ผมกลัว.. ยังดีที่การกลิ้งบอลของเขาไม่ได้ถี่มากเหมือนกับการรับมือระพีร์ ทำให้ผมพอจะมีเวลาได้หายใจบ้าง แต่ถึงแบบนั้นก็มีบางครั้งที่บอลกลิ้งมาที่ใต้เบาะ จนทำให้ผมต้องใช้เวลาหยิบมากขึ้นจนได้ยินเสียงเขาวิ่งเข้ามา สารภาพเลยว่าในตอนนั้นความกลัวทำให้ผมรีบโยนบอลลูกนั้นไปข้างหน้า จนทำให้ผมเห็นร่างอันผอมแห้งของเขา มันน่ากลัวซะจนสติแทบหลุดเลย ผมรับมือกับเขาไปสักพัก รถก็มาหยุดยังป้ายที่สาม ในตอนนี้มีผู้หญิงในชุดเดรสขาวเดินขึ้นมา ผมยังจำได้แม่นว่าเธอชื่อฉัตร และเธอยังมีใบหน้าที่ไม่น่ามองสักเท่าไหร่นัก ทำให้เมื่อเธอขึ้นมาบนรถ ผมต้องรีบก้มหน้าเพื่อที่จะเลี่ยงการมองไปยังใบหน้าของเธอตรงๆ แต่จู่ๆ ....เธอก็เข้ามานั่งที่เบาะข้างๆ ตัวของผม เธอไม่มีท่าทีใดๆ ที่แปลกประหลาด ไม่ได้จับตัวผม ไม่ได้พยายามทำร้าย...เธอเพียงนั่งอยู่นิ่งๆ ในระหว่างที่ผมกำลังก้มหน้าอยู่ แต่ว่านะ ถึงแม้ผมจะก้มหน้าและเห็นเพียงชุดเดรสสีขาวของเธอ การที่รู้ว่ามีตัวประหลาดนั่งอยู่ข้างๆ มันก็มันทำให้ผมสั่นกลัวมากๆ แล้วล่ะ ผ่านไปสักพักกว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น มีบอลกลิ้งมาชนที่เท้าของผม...และใช่ ทิพยังนั่งที่เบาะหลังอยู่ ดูเหมือนว่าปลายทางของเขาจะไม่ใช่ป้ายที่สาม ทำให้ผมยังต้องคอยตั้งสมาธิรับมือกับเขาต่อ แต่แล้ว.... "เวร...." ผมสบถขึ้นมาเพราะลูกบอลที่กลิ้งมาชนเท้าของผมมันกลับไหลไปทางที่ฉัตรนั่งอยู่ น้ำตาแทบจะไหลเลยในตอนนี้ ผมรีบหยิบบอลลูกนั้นขึ้นมาก่อนจะได้ยินเสียงคนวิ่งเข้ามาหา...ตอนนั้นเองที่ผมตัดสินใจโยนบอลลูกนั่นทิ้งออกไปนอกรถ ผมไม่แน่ใจว่ามันการทำเบบนี้มันถูกห้ามไว้ในกฎไหมแต่บอกตรงๆ ในตอนนั้นผมไม่เหลือสติพอที่จะทำอะไรได้มากกว่านั้นแล้ว ทิพเดินเข้ามาหาบอลของเขาสักพักก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม ผมถอนหายใจออกมาเพราะรู้ว่าการกระทำของผมเมื่อกี้มันส่งผลดีมากกว่าผลเสีย อีกทั้งยังทำให้เขาไม่กลิ้งบอลมาหาผมอีก ทิพเดินลงทันทีเมื่อรถหยุดยังป้ายที่สี่ แถมท่าทีของเขายังดูรีบร้อนผิดปกติ...สงสัยคงจะเพราะผมโยนบอลของเขาออกไปนอกหน้าต่างแน่ๆ ถึงทำให้เขาลนลานแบบนั้น ที่ป้ายนี้ผมไม่เห็นใครเดินขึ้นมา....แต่ผมจะไม่บอกหรอกนะว่าโชคดีจังไม่มีใครขึ้นมาเลยเพราะผมยังจำกฎที่เขียนอยู่ได้ทุกข้อ การที่ไม่เห็นใครขึ้นมานั้นแสดงว่าคนคนนั้นไม่ต้องการให้เห็น และมะลิคือคนที่เดินขึ้นมาในรอบนี้อย่างแน่นอน ผมมองไปยังเวลาบนมือถือที่กำลังเเสดงเลข 23:30 ในตอนนี้ผมได้ยินเสียงบางอย่าง แต่ผมเลือกที่จะยังไม่ปิดหูเพราะกำลังคิดว่าเสียงที่ได้ยิน มันอาจจะเป็นเสียงคนขอความช่วยเหลือก็ได้ แต่ทว่าเมื่อผมเงี่ยหูฟังมันชัดๆ ผมกลับได้ยินเสียง.....เพลงกล่อมเด็ก ผมรีบยกมือขึ้นมาปิดหูเพราะมันชัดเจนว่าเสียงมันดังมาจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม มันเป็นไปตามที่กฎเขียนเอาไว้ เพียงแค่ผมปิดหูก็จะไม่มีเสียงของเธอเล็ดลอดเข้ามา แต่เพราะผมปิดหูได้ช้าไปหน่อยทำให้ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกง่วงเอามากๆ แต่ผมรู้ดีว่าต้องอดกลั้นเอาไว้ให้ดีที่สุด แต่ทว่าในตอนนั้นเอง...ร่างกายของผมก็เริ่มบิดเบี้ยวไป แสดงว่ามะลิเข้ามาเล่นกับผมแล้วตอนนี้ ผมต้องรับมือด้วยการปิดหูและหลับตาในรอบนี้ ผมตะโกนชื่อของมะลิออกมาดังๆ แต่เพราะปิดหูของตัวเองเอาไว้ทำให้ผมไม่ได้ยินเสียงและไม่สามารถแน่ใจได้ว่าเธอหนีไปรึยัง ผมเลือกจะตัดปัญหาด้วยการหลับตาไปเรื่อยๆ จนกว่ารถจะหยุดอีกครั้งในป้ายถัดไป ขอบอกไว้เลยว่ามันทั้งยากและกดดันในการทำแบบนี้ เสียงของรถหยุดเป็นสัญญาณบอกว่ามันจบแล้ว ผมลืมตาขึ้นมาก่อนจะเห็นว่าฉัตรเดินจากไปในป้ายนี้ เสียงถอนหายใจดังขึ้นมาทั่วรถในป้ายที่ห้า ณ เวลานี้ ผมนั่งมาถึงครึ่งทางแล้วแต่ก็ไม่มีคนปกติเดินขึ้นมาสักคน ทำให้ได้แต่คิดว่าจะต้องนั่งไปถึงเมื่อไหร่จะได้ลงไปกันนะ หรือจริงๆ แล้วมันไม่มีป้ายที่ว่านั่นอยู่ตั้งแต่แรก ผมมองไปยังหน้ารถเพื่อมองว่าจะมีใครเข้ามาอีก ก่อนจะเห็นว่าไฟสัญญาณเปลี่ยนเป็นสีแดง พร้อมกับตอนนี้มีคุณลุงคนหนึ่งเดินขึ้นมาด้วยอุปกรณ์เต็มตัว ถ้าผมจำไม่ผิดเขาน่าจะชื่อสรัญและสิ่งที่ผมควรจะทำคือจ้องมองเขาเอาไว้ตลอด แต่บอกตรงๆ ว่าเขาไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนกับคนอื่นๆ รูปร่างของเขาเหมือนคุณลุงธรรมดาเพียงเท่านั้น ผมจ้องมองคุณลุงมานานมากแล้วแต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะทำอะไรกับผม สิ่งที่ผมเห็นหลังจากที่ได้สังเกตก็คือเขามักจะวุ่นอยู่กับขวดอะไรบางอย่างที่เขาถือมันอยู่ ผมรู้สึกดีนะที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นในรอบนี้เลยเผลอยิ้มออกมาเบาๆ แต่ทว่าในตอนนั้นเอง... "ช่.....ว...----ย...---พว...--..ก..---..เ--รา....--ด้ว....--...ว---" เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่เหมือนกับโดนสัญญาณรบกวนดังขึ้นมา ผมรีบลุกขึ้นแล้วมองไปรอบๆ รถเพื่อจะหามัน ก่อนที่รถเมล์จะหยุดยังป้ายถัดไป ผมมองหามันสักพักจนได้เห็นว่ามันอยู่ที่ไหน และมันยากมากที่จะเอามา....เพราะมันถูกวางอยู่ใต้ที่นั่งของลุงสรัญ ให้ตาย...อยู่ที่ไหนไม่อยู่นะเจ้าวิทยุบ้านี่ ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปหาลุงสรัญพร้อมมองเขาตาไม่กะพริบ ในตอนแรกผมคิดว่าในรอบนี้จะง่ายที่สุดแต่ก็ต้องคิดใหม่แล้ว ถึงแม้เขาจะดูเหมือนคุณลุงปกติแต่ท่าทางของเขาตอนนี้มันไม่ปกติเลยสักนิด ทั้งการมองไปยังขวดเปล่าตาไม่กะพริบและการแสยะยิ้มแบบนั้น ผมตัดสินใจเดินไปด้านหลังเพื่อที่จะหยิบได้ง่ายขึ้นก่อนจะก้มแล้วหยิบวิทยุเครื่องนั้นขึ้นมา เมื่อได้มันมาแล้วก็รีบเดินออกมายังที่นั่งของตัวเองแล้วกลับมามองคุณลุงต่อ ผมอดทนอยู่สักพักรถก็มาหยุดยังป้ายที่หก ลุงสรัญเดินลงไปในป้ายนี้ และเป็นป้ายแรกที่ผมไม่ต้องคิดเลยว่าจะได้ลงไหมเพราะคนที่จะขึ้นมาคือชายในชุดคลุมสีดำที่สวมใส่หน้ากากร้องไห้ เขาขึ้นมาหลังจากที่คุณลุงลงไปไม่นานนักก่อนจะเดินมาหาผม ผมยื่นวิทยุที่ผมเจอให้กับเขา แต่ก่อนที่เขาจะรับมันไปผมก็ได้ยินเสียง... "..อย่...า...." เหมือนประโยคมันจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมันมาก แต่ทว่า "...อย่...า..ทิ้.....ง...พวกเรา...ไ...ป.." หืม...คำพูดเหล่านี้ฝังเข้าไปในหัวของผม แต่ไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรต่อ วิทยุเครื่องนั้นก็อยู่ในมือของเขาแล้ว เขามองมันสักพักก่อนจะรีบเดินลงจากรถไป ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ผมที่อยู่บนรถเพียงคนเดียว ตอนนี้เวลาตีหนึ่งแล้วแต่ผมก็ยังไม่ได้ลงจากรถเมล์คันนี้สักที มันมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นจนเกือบจะครบเหลือเพียงแค่ข้อสุดท้ายแล้ว แสงสัญญาณไฟสีดำ...ผมคิดว่าถ้าได้เห็นมันคงจะต้องรีบลงรถไป เพราะการไม่รู้ว่ามีตัวอะไรอยู่บนรถด้วยมันน่ากลัวกว่าการนั่งรอความตายด้านนอกละนะ รถมาหยุดยังป้ายที่เจ็ดโดยที่ผมไม่เจอเหตุการณ์แปลกประหลาดใดๆ เลยในครั้งนี้ ผมบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะมองไปยังหน้ารถ แสงไฟสีแดงโผล่มาอีกครั้งทำให้ผมตกใจ คุณลุงสรัญเดินขึ้นมาอีกแล้วเหรอ ทั้งที่เขาพึ่งลงไปในป้ายก่อนหน้านี้ แต่จนรถออกแล่นอีกครั้งก็ไม่มีใครเดินขึ้นมา ผมแปลกใจนิดหน่อยเพราะเหตุการณ์นี้มันไม่ได้อยู่ในกฎข้อไหนเลยทั้ง 10 ข้อ ทำให้ผมคิดว่ามันอาจจะแค่ระบบพังหรือมะลิถูกเลื่อนขั้นให้ใช้ไฟสีเเดงกันนะ ผมกลับมานั่งที่เเล้วมองไปยังมือถือของตัวเอง ก่อนจะเห็นเลขเวลา... 02:11 ในตอนนี้ผมก็นึกออกทันทีว่ามันยังมีกฎอยู่อีกข้อ...กฎที่ผมลืมมันไป กฎที่ระบุไว้ในข้อที่ 10....แต่เหมือนจะสายไปแล้ว.. ผมมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาผม ไม่ทันจะได้กลัวหรือตกใจด้วยซ้ำ ภาพตรงหน้าของผมก็ดับมืดลง..... 03:00 รถเมล์หมายเลข 998 หยุดลงที่ป้ายรถเมล์ข้างโรงเรียน ก่อนจะมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินลงมา เธอมีผมสีดำยาวปิดหลัง และมีท่าทางเหมือนจะถืออะไรบางอย่างลงมาด้วย ภายใต้แสงจันทร์ทำให้มองรูปร่างของมันไม่ชัดนัก แต่รูปร่างของมันนั้นราวกับ... ตุ๊กตามนุษย์ที่ใส่ชุดนักเรียนอยู่.. สามวันให้หลัง มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งตีพิมพ์ข่าว "เด็กนักเรียนหายไปอย่างลึกลับ...." พร้อมแนบรูปของเด็กชายคนดังกล่าว "ยังจำเด็กคนที่คุณไล่จากโรงเรียนเมื่อสามวันก่อนได้ไหมครับ คุณยาม" เสียงของนพดังขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังแปรงฟันอยู่ ช่วงนี้ไม่รู้ทำไมผมถึงเห็นเขาได้ชัดเจนขึ้นกว่าแต่ก่อน "หมายความว่าไง เด็กคนนั้นมันทำไมงั้นเหรอ" นพเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาก่อนจะยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับของวันนี้ให้ผมดู "ก็เด็กคนนี้กลายเป็น บุคคลสูญหาย ไปแล้วน่ะสิครับ" ผมตกใจกับคำพูดของนพนิดหน่อย ก่อนจะหยิบมันมาอ่าน "คาดการว่าหายไปเมื่อ สามวันที่แล้ว" ยิ่งอ่านผมก็ยิ่งรู้สึกผิด เลยตัดสินใจวางหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ลง ก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง "ฝากเฝ้าบ้านด้วยนะนพ" "ผมไปจากคุณไม่ได้ตราบใดที่เลือดของผมยังอยู่ในตัวของคุณนะครับ คุณยาม" "เฮ้ออ...งั้นก็ตามมาเงียบๆ ก็แล้วกัน" "แล้วคุณยามจะไปไหนงั้นเหรอครับ" "ก่อนอื่นเลิกเรียกฉันว่าคุณยามได้แล้ว ฉันชื่อไวท์" นพยิ้มออกมาก่อนจะลอยเข้ามาในร่างของผม "ฝากตัวด้วยอีกครั้งนะครับ คุณไวท์" ผมส่ายหัวให้กับความขี้เล่นของเขา ก่อนจะตอบคำถาม "พอดีวันนี้มีธุระที่บ้านของคุณอาน่ะ เธอเป็นเพื่อนสนิทของพ่อ" "หืม แล้วเธอทำอาชีพอะไรงั้นเหรอครับ" "นายจะอยากรู้ไปทำไมนะ...แต่เอาเถอะ ฉันเคยไปเล่นที่บ้านของคุณอาสมัยเด็กๆ ถ้าจำไม่ผิดเธอน่าจะเป็น...." "ช่างทำตุ๊กตา...."
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม