สามีภรรยารักใคร่ปรองดองนับเป็นเรื่องดี
สามีสุขุมสุภาพและสง่างาม ภรรยาเรียบร้อยนุ่มนวลและอ่อนหวาน ทั้งสองเหมาะสมกันยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยกตามความเห็นชอบของเหล่าผู้อาวุโส ทุกคนคิดไม่ผิดที่เกี่ยวดองจับคู่ชายหญิง
แม้แต่งงานมานานเกือบสามปีความหวานชื่นก็ยังมิถดถอย หลินซูซินยังคงเป็นสตรีแสนดีมิบกพร่องต่อหน้าที่ภรรยา นางเดินตามการจับประคองของเกาหมิงผู้เป็นสามีที่ยังคงสุภาพนุ่มนวลมาขึ้นรถม้า ทั้งสองแย้มยิ้มให้แก่กันอย่างอบอุ่นอ่อนโยน
“ฝากเจ้าขออภัยท่านพ่อตาแม่ยายด้วยที่ข้ามิอาจปลีกตัวไปเยี่ยมบ้านเดิมพร้อมเจ้าได้”
เกาหมิงก้มมองภรรยา แววตาที่เผยความรักใคร่ด้วยใจจริงอย่างไม่ปิดบังแฝงแววขอลุแก่โทษ แม้นางไม่โกรธก็ตาม
หลินซูซินคลี่ยิ้มส่ายหน้าเบาๆ นางเอ่ยเสียงเนิบหวานแช่มช้า “ช่วงนี้ท่านมีภารกิจรัดตัวยิ่งขึ้น ใครจะกล่าวโทษท่านกันเล่าเจ้าคะ”
เกาหมิงเอื้อมมือลูบแก้มเนียนลื่นของภรรยาอย่างเอ็นดู “ครั้งนี้เจ้าจะค้างแรมสักกี่วันดี”
หลินซูซินเอียงคอคำนวณ “อืม...สักสี่ห้าวันได้หรือไม่เจ้าคะ? ไม่นานเกินไปใช่หรือไม่”
ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้ม เขาหรือเคยขัดใจ “ย่อมได้ แต่หากเจ้าต้องการกลับก่อนกำหนดก็ส่งคนมาแจ้งข้าด้วยแล้วกัน”
หญิงสาวได้ฟังนอกจากไม่นึกสงสัยในคำสั่งยังหัวเราะเบาๆ “แล้วหากข้าต้องการค้างแรมเพิ่มอีกหลายวันล่ะเจ้าคะ?”
เกาหมิงหัวเราะเสียงทุ้ม “ย่อมได้อยู่แล้วน่ะสิ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่” หลินซูซินยิ้มอ่อนหวาน “ท่านรีบไปที่ว่าการอำเภอเถิด มีงานเร่งนี่นา อย่ามัวเสียเวลากับข้าเลย”
นางเปิดม่านโบกมืออำลา นิ่งมองภาพสามีผู้หล่อเหลา ภายใต้แสงตะวันที่ส่องลงมาในยามทิวาปรากฏความอ่อนโยนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาไม่สร่างซา
นางยิ้มแล้วปิดผ้าม่านรถม้า
ล้อรถม้าหมุนบดถนน เคลื่อนตัวจนหายลับไปจากสายตา เกาหมิงยืนมองอยู่นานก่อนเดินกลับเข้าเรือนชั้นใน ไหนเลยจะมีงานเร่งรีบอันใดให้ไปสะสาง
เรือนสกุลหลิน
ทันทีที่บุตรสาวมาเยือน จูจื่อฉิงจับจูงมือบุตรสาวไปนั่งในศาลารับลม ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามวิสัย
“เหตุใดสองสามเดือนมานี้บุตรเขยเกาไม่มากับเจ้าเลยเล่า”
หลินซูซินตอบยิ้มๆ “ท่านพี่มีงานรัดตัวเจ้าค่ะ ช่วงนี้ได้ข่าวว่างานให้ตรวจสอบขุนนางในที่ว่าการอำเภอเพิ่มขึ้นเท่าตัว ตั้งแต่เขาได้เลื่อนตำแหน่งก็มิอาจปลีกตัวได้ง่ายเหมือนเมื่อก่อนเจ้าค่ะ”
จูจื่อฉิงมุ่นคิ้ว ไม่รู้เพราะเหตุใดนางรู้สึกแปลกๆ แรกเริ่มที่เลือกเจ้าบ่าวให้บุตรสาวเห็นเกาหมิงหล่อเหลาสุภาพสะอาดตา ท่วงท่าสง่างาม รูปโฉมเข้าที ที่สำคัญ เขายังเป็นเพียงบัณฑิตสามัญ ฐานะธรรมดา เหมาะสมคู่ควรกับหลินซูซินทุกอย่าง
หลินซูซินที่เป็นเพียงบุตรสาวของพ่อครัวแม่ครัวจวนอ๋องไหนเลยจะกล้าอาจเอื้อมบุรุษที่สูงส่งเกินคว้า
แต่แล้วเมื่อเกาหมิงสอบผ่านการสอบเข้ารับราชการได้เป็นถึงผู้บัญชาการควบคุมขุนนางฝ่ายบุ๋นทั้งเมืองผิงโจว ความนบนอบแต่ห่างเหินก็เหมือนจะเริ่มมีเข้ามาจนเป็นที่จับสังเกตได้
ดูทีว่าบุตรสาวคนดีของนางยามนี้ คงมิค่อยอยู่ในสายตาของสามีเท่าใดแล้วกระมัง
จูจื่อฉิงตบหลังมือบุตรสาวเบาๆ “ซินเอ๋อร์ เจ้ามิได้แต่งงานกับบุรุษเปี่ยมอำนาจมากบารมีสูงด้วยฐานะที่การมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกตินะ แต่งกับชายธรรมดาสามัญ เจ้าต้องจับตาสามีให้ดี อย่าปล่อยให้เขาหลายใจไปรับอนุมาเด็ดขาด มิเช่นนั้นครอบครัวอาจจะลำบากเรื่องการเงินในภายหน้าเอาได้”
หลินซูซินเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายต่อบุพการีเสมอ แต่งงานก็เชื่อฟังสามีอย่างยิ่ง นางจึงพยักหน้าแย้มยิ้มมิเจือจาง
“เจ้าค่ะท่านแม่”
จังหวะนั้น หลินอีเซิงพลันยื่นใบหน้าคมเข้มเคลือบน้ำมันมาจากในครัว “พวกเจ้าแม่ลูก ลองมาชิมอาหารที่เพิ่งคิดค้นใหม่ทีว่ารสชาติดีเข้าทีแล้วหรือไม่?”
“ไปเร็วเข้า พ่อเจ้าเรียกแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
ทุกครั้งที่พ่อครัวมือฉมังอย่างบิดาคิดสูตรอาหารชนิดใหม่ นักชิมกิตติมศักดิ์อย่างภรรยาและบุตรสาวพร้อมลองลิ้มเต็มที่
ทว่ามิคาด หลินซูซินที่เดิมทีลิ้นรับรสดีเยี่ยมวันนี้กลับกลืนสิ่งใดไม่ลงสักครึ่งคำ
เพียงกลิ่นอาหารแตะจมูกนางก็ต้องเบือนหน้าหนีทันที
อาการคลื่นเ**ยนจนอาเจียนออกมากะทันหันเช่นนี้ทำคนเป็นบิดามารดาตกใจนัก
หลังจากชะงักไปชั่วครู่จูจื่อฉิงพลันได้สติ นางให้คนไปตามท่านหมอมาอย่างเร็ว ส่วนตัวเองจับประคองบุตรสาวไปนอนพักในเรือนเล็กที่ใกล้ที่สุด หลินอีเซิงได้แต่ตื่นตระหนกนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว
รอไม่นานท่านหมอก็มาเยือน เมื่อท่านหมอจับชีพจรเสร็จ ข่าวดีในรอบสามปีพลันปรากฏ
หลินซูซินตั้งครรภ์อ่อนๆ ได้เดือนกว่า
บิดามารดาแสนจะยินดีปรีดายิ่งนัก เช่นนี้ย่อมดีไม่น้อย สามีย่อมรักใคร่ผูกพันลึกซึ้งต่อภรรยาเพิ่มขึ้นอย่างไร้สิ่งใดมาฉุดรั้ง
จูจื่อฉิงยิ่งมั่นใจว่าครรภ์นี้จะทำให้บุตรเขยไม่มีทางห่วงงานจนละเลยบุตรสาวของตนอีก นางจึงวางใจลงได้เสียที
หลินซูซินรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ปราศจากอาการแพ้ท้องอีกจึงขอกลับจวนสกุลเกาทันที นางอยากกลับไปแจ้งข่าวดีแก่สามีเต็มที่
“เจ้าไม่ส่งคนไปบอกบุตรเขยก่อนเหรอว่าจะกลับแล้ว”
จูจื่อฉิงถามอย่างเป็นห่วง แต่หลินซูซินส่ายหน้ายิ้มอ่อน
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะท่านแม่ ข้ามีข่าวดีไปบอกเขานี่นา ย่อมไร้สิ่งใดให้ตำหนิได้เจ้าค่ะ”
บิดามารดาจึงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ได้”
ทว่าด้วยความเป็นห่วงก็ยังพากันหานวมมาปูพื้นรองนั่งในรถม้าให้บุตรสาวอยู่ดี
ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าหลินซูซินจะได้กลับจวนสามี