7

1460 คำ
แต่ก่อนที่ทั้งสองชายหญิงจะเดินถึงประตูวัง องค์ชายแปดที่ไม่รู้ว่าเดินมาจากที่ใดก็เข้ามาขวางทางเสียก่อน “เดี๋ยวก่อนพ่ะย่ะค่ะ” หานหรงชิงตะโกนออกมา “เจ้ามีอะไรก็ค่อยพูดกันพรุ่งนี้” หานเถิงซีเอ่ยบอกแล้วจะอุ้มถางเมิ่งหรูเดินต่อ ทว่าหานหรงชิงก็พูดออกมาว่า “จวิ้นอ๋องหย่ากับนางได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” คำพูดประโยคนี้ทำให้ถางเมิ่งหรูเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกใจ อยู่ ๆ องค์ชายแปดก็เกิดเป็นอะไรขึ้นมา จวิ้นอ๋องแววตาเข้มขึ้น “ข้าจะถือว่าไม่ได้ยินเจ้าพูดเรื่องนี้” ไม่ใช่ว่าเขาจะมองไม่ออก ว่าหานหรงชิงนั้นชอบถางเมิ่งหรู แต่ก็ไม่เคยคิดว่าหานหรงชิงจะกล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้ามาก่อน องค์ชายแปดตัวสั่นพยายามควบคุมตัวเองอย่างมาก “แต่ว่าข้าชอบนาง...” ถางเมิ่งหรูไม่เคยรู้มาก่อนว่าองค์ชายแปดจะมีความคิดนี้กับนางมาก่อน จึงใช้มือเรียวสวยกระตุกเสื้อจวิ้นอ๋อง “ท่านอ๋องขอหม่อมฉันพูดกับองค์ชายแปดได้หรือไม่เพคะ” นางต้องการให้องค์ชายแปดตัดใจไปเสีย นางไม่มีทางชอบเขาและตอนนี้นางก็อภิเษกสมรสแล้ว แววตาของจวิ้นอ๋องเจือไปด้วยประกายโทสะอย่างแรงกล้า “เจ้าเมามากแล้ว กลับจวนไปเถิด” แน่นอนว่าประโยคนี้พูดกับหานหรงชิง เมื่อก้าวเท้าเดินไปได้สองสามก้าวก็พูดขึ้นอีกว่า “วันนี้ข้าจะไม่ถือสาเจ้า ถ้าหากยังไม่เลิกคิดไม่ซื่อกับชายาข้า อย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยม” น้ำเสียงของหานเถิงซีดุดันมาก แรงรัดที่อ้อมแขนของบุรุษทำให้สตรีนิ่วหน้ารู้สึกเจ็บ เลยกระซิบพูดว่า “หม่อมฉันง่วงแล้ว กลับจวนกันเถิดเพคะ” น้ำเสียงของถางเมิ่งหรูแผ่วเบา แล้วโฉมสะคราญก็ซบหน้าที่บ่ากว้างของจวิ้นอ๋อง บุรุษองอาจเห็นว่าสตรีของเขาไม่หักหน้ากันจึงก้าวเท้าเดินต่อไปข้างหน้า ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่องค์ชายเจ็ดหนีนางกำนัลทั้งสี่คนมาได้พอดี “หรงชิง เจ้าวิ่งหนีเร็วกว่าข้าอีกนะ!” หานหลินตำหนิองค์ชายแปด แต่หานหรงชิงกลับยืนนิ่งมีท่าทางเย็นชาและมองตามหลังจวิ้นอ๋องตาไม่กะพริบ “หากวันใดท่านเบื่อนาง ข้าจะดูแลต่อเอง” หานหรงชิงยังไม่ยอมแพ้ หัวใจเขาเจ็บปวดมาตลอดที่เห็นว่าสตรีที่หมายปองมานานหลายปีต้องแต่งงานกับผู้อื่น จวิ้นอ๋องไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่กัดฟันแน่นคล้ายว่ากำลังข่มอารมณ์โทสะ ถ้าหากว่าถางเมิ่งหรูไม่ถูกวางยาและตัวเขาไม่ถูกวางยาก็คงได้เปิดฉากต่อสู้กับน้องชายที่คิดไม่ซื่อกับสตรีของเขาแล้ว “คงไม่มีวันนั้น” ประโยคนี้หนักแน่น แต่น่าเสียดายที่ถางเมิ่งหรูกลับไม่ได้ยินมัน เพราะว่านางเผลอหลับไปแล้ว ครู่ต่อมาจวิ้นอ๋องก็พาพระชายาขึ้นรถม้าเดินทางกลับจวนได้ เขาให้นางนั่งด้านในที่สามารถงีบหลับได้ ส่วนตนเองก็นั่งฝั่งขวามือตัวสั่นไม่หยุด ฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดที่องค์หญิงใหญ่วางยาพวกเขานั้นแรงมาก บุรุษไม่กล้ามองสตรีเพราะเกรงว่าจะหักห้ามใจไม่ได้ รถม้าแล่นไปบนถนนด้วยความเร็ว ถางเมิ่งหรูรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบัดนี้นางรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว จากที่ไม่มีเรี่ยวแรงก็รู้สึกว่ากำลังวังชานั้นฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าการกระทำของนางต่อจากนี้ทำให้หานเถิงซีต้องตกใจจนตาเบิกโพลง “เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ!” หานเถิงซีตวาดใส่ถางเมิ่งหรูเพราะตกใจที่นางปลดสายคาดเอวโยนทิ้ง จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าชิ้นบนออก แน่นอนว่าเขาห้ามไม่ทัน บุรุษรีบหันหน้าไปมองทางอื่นทันที ถางเมิ่งหรูเหงื่อออกไปหมดทั้งตัว ร่างกายรู้สึกร้อนเหมือนไฟ นัยน์ตาหงส์ตวัดมองหานเถิงซีที่พยายามอดทนอดกลั้นต่อยาปลุกกำหนัดดูน่าสงสารมาก “ท่านอ๋องอดทนไหวจริงหรือเพคะ” แม้นางไม่เข้าใจตัวเองว่าเหตุใดต้องถามเช่นนั้นด้วย ทว่าตะครุบปากตนเองไม่ทัน มือเรียวสวยเอื้อมมือออกไปลูบที่หลังมือจวิ้นอ๋องอย่างมีนัย หานเถิงซีหลับตาลงตัวของเขาเริ่มจะต่อต้านฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดไม่ไหวแล้ว ฝ่ามือหนาเปลี่ยนมาจับข้อมือโฉมสะคราญแล้วกระชากทั้งร่างของสตรีให้เคลื่อนมานั่งใกล้กัน สายตาคมมองเรือนกายของถางเมิ่งหรูด้วยความร้อนแรง เขาก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่มีรัก โลภ โกรธ หลง “เจ้าก็ทนไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่ ถึงได้เปลื้องผ้ายั่วยวนข้า” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างกวนประสาทเหมือนเคย แต่ถางเมิ่งหรูนั้นเหมือนจะควบคุมความรู้สึกอารมณ์และความปรารถนาไม่ได้ ทั้งชีวิตไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรก “หม่อมฉันก็แค่รู้สึกร้อนเท่านั้น ท่านอ๋องคิดมากเกินไปแล้วเพคะ” ทั้งแววตาที่ใช้ช้อนมองจวิ้นอ๋อง หรือแม้กระทั่งท่าทางของนางก็ดูคล้ายกับว่ากำลังยั่วยวน หานเถิงซีกัดฟันแน่น ถึงอย่างไรถางเมิ่งหรูก็เป็นบุตรีของศัตรู แต่อีกเสียงหนึ่งในหัวก็ร่ำร้องบอกว่า นางเป็นชายาของเขาอย่างถูกต้อง ถางเมิ่งหรูใช้ฝ่ามือล้วงเข้าไปในเสื้อของจวิ้นอ๋อง นางปล่อยให้กิเลสตัณหาครอบงำตนเองแล้ว ร่างบางเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ โดยที่พวกเขาสอดประสานสายตามองสบตากันไม่กะพริบ “ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ความผิดทั้งหมดล้วนอยู่ที่เจ้า” สิ้นคำนั้นจวิ้นอ๋องก็รวบเอวสตรีให้เคลื่อนมาใกล้กันแล้วประกบริมฝีปากลงมาบดจูบริมฝีปากเคลือบชาด “อะอื้อ!” แม้โฉมสะคราญจะถูกจู่โจมเร็วไปสักหน่อย แต่ถางเมิ่งหรูกลับหลับตาลงด้วยความเต็มใจ นางไม่มีสติสัมปชัญญะเหลือแล้ว จึงปล่อยให้เขาก้าวล่วงเข้ามาอย่างอุกอาจ ฝ่ามือหนาบุรุษปลดสายคาดเอวของตนออกอย่างรวดเร็ว ยิ่งได้สัมผัสร่างกายสตรีก็ยิ่งหยุดไม่ได้แล้ว “อ๊ะ! ท่านอ๋องอย่ากัดสิเพคะ” ต่อให้นางจะถูกฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดครอบงำอยู่เช่นไร แต่ก็อดทนต่อความกระหายของจวิ้นอ๋องที่มีมากกว่าไม่ได้ บัดนี้เอี๊ยมตัวน้อยถูกกระชากลงมา ทำให้ทรวงอกเต่งตึงที่อวบอิ่มปรากฏต่อสายตาบุรุษ “ข้าทนมองเฉย ๆ ไม่ได้อีกแล้ว…” หานเถิงซีใช้ปากขบเม้มและดูดผิวกายถางเมิ่งหรูด้วยความหน้ามืดตามัว แม้ว่าเขาจะไม่เคยแตะต้องสตรีอื่นมาก่อน ทว่าก็เรียนรู้ที่จะปลดเปลื้องความต้องการด้วยตนเองเป็น สตรีโฉมสะคราญนั่งหลับตาลงอย่างจำยอม ยามนี้นางนั้นถูกฝ่ามือหนาเคล้นคลึงที่ทรวงอกอิ่มไม่พอ ยอดผลอิงเถาสีอ่อนหวานก็ถูกริมฝีปากหยักสวยทั้งดูดและเลียจนเปียกชื้น ความเสียดเสียวแล่นไปทั่วสรรพางค์กายทั้งชายหญิง อารมณ์ความปรารถนาและกิเลสตัณหาถูกจุดติดอย่างง่ายดาย ถ้าหากเปรียบเทียบเป็นเปลวไฟก็คงร้อนแรงแผดเผาไปทั่วรถม้าจวนจวิ้นอ๋อง “อะอา” ถางเมิ่งหรูครางผะแผ่วเพราะนางถูกจวิ้นอ๋องดูดยอดผลอิงเถาและเลียไปทั้งตัว กระทั่งกระโปรงก็ถูกถลกขึ้นมากองที่เอวคอดกิ่ว โฉมงามถึงได้รู้สึกตัวราวกับหลุดจากภวังค์แห่งราคะ “ท่านอ๋องอย่ามองตรงนั้นเพคะ” แก้มทั้งสองของถางเมิ่งหรูแดงระเรื่อ ความจริงนางดื่มสุราไปไม่น้อยอาการเมามายยังคงอยู่ เมื่อยิ่งได้เห็นสายตาจวิ้นอ๋องที่จ้องมองมาที่กึ่งกลางกายสตรีที่ไม่มีกางเกงซับในปกปิดให้แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกอับอายจนมึนงง “งดงามยิ่งนัก” และนี่คือประโยคที่บุรุษเย็นชาเอ่ยขึ้น เขาก้มหน้าลงไปเชยชมสิ่งนั้นใกล้ ๆ แต่ก่อนที่จะเกิดสิ่งใดขึ้นรถม้าก็หยุดลงกะทันหัน ขันทีที่นั่งเฝ้าอยู่ด้านหน้ารถม้าขานบอกว่า “ถึงจวนแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสียงภายในรถม้าเงียบลงไป แต่ทว่าท่านอ๋องกับพระชายาก็ยังไม่ยอมเสด็จลงจากรถม้าเสียที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม