คุณหนูจวนเสนาบดีได้ยินคำตอบของพระชายาจวิ้นอ๋องก็ไม่พึงพอใจมากเพราะว่านางนั้นก็คาดหวังที่จะได้เป็นพระชายาจวิ้นอ๋องเช่นเดียวกัน
“เจ้าก็อย่าเพิ่งมั่นใจไป” พระชายาชินอ๋องพูดได้เพียงเท่านั้นก็หันหน้าหนี ถางเมิ่งหรูกลั้นยิ้มรู้สึกขบขำ
สตรีพวกนี้ถึงแม้ว่าจะออกเรือนไปบ้างแล้วแต่ก็ยังคาดหวังที่จะได้ปีนเตียงจวิ้นอ๋อง คนผู้นั้นมีดีอันใดกัน ขณะที่คิดอยู่นั้นก็เผลอหันไปมองยังบริเวณที่จวิ้นอ๋องประทับอยู่ ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมองนางอยู่เช่นเดียวกัน
“อะไรกันต้องจ้องข้าขนาดนี้เลย ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย คนพวกนั้นมาหาเรื่องข้าก่อนต่างหาก” ถางเมิ่งหรูทำปากยื่นรู้สึกน้อยใจและพูดพึมพำให้ตนเองได้ยินแค่คนเดียว
จวิ้นอ๋องที่เหลือบสายตามองเห็นถางเมิ่งหรูกำลังโต้ตอบกับพวกพระชายาและเหล่าคุณหนูพวกนั้นก็เกิดความสนใจขึ้นมา เขาพอจะได้ยินเรื่องที่พวกนางพูดคุยกันอยู่บ้างบางคำ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าถางเมิ่งหรูจะโอ้อวดเป็นด้วย นับวันนิสัยสตรียิ่งเปลี่ยนไปจนเขารู้สึกสนใจในตัวนางโดยไม่รู้ตัว
“เถิงซี? เจ้ามองเมิ่งหรูตาไม่กะพริบเช่นนี้ หรือว่าเริ่มมองนางงดงามแล้วใช่หรือไม่“ องค์ชายเจ็ดที่เดินทางมาร่วมงานช้าก็หย่อนก้นนั่งลงด้านข้างจวิ้นอ๋อง ไม่ยอมไปนั่งตรงที่องค์หญิงใหญ่จัดเตรียมไว้ให้ เพราะที่ตรงนั้นอยู่ใกล้กันกับองค์หญิงใหญ่จนเกินไปอาจทำให้หานหลินรู้สึกอึดอัด
ระหว่างที่หานหลินหันหน้าไปทักทายกับองค์ชายพระองค์อื่น หานเถิงซีก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป
“นางน่ะหรืองดงาม ชอบต่อล้อต่อเถียง ดื้อรั้น มิหนำซ้ำยังปากร้ายด้วย” หานเถิงซีเผลอตำหนิถางเมิ่งหรูออกมา แต่ทว่าสายตาคล้ายยิ้มไม่คล้ายยิ้มในขณะที่มองสบตากับถางเมิ่งหรูที่กำลังทำหน้าหงิกงออยู่
หานหลินชะโงกหน้ามามองหน้าจวิ้นอ๋องสลับกับพระชายาจวิ้นอ๋องก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนมีกลิ่นแปลก ๆ “เจ้าไม่ชอบ?”
“ข้าไม่ชอบ” หานเถิงซีรีบละสายตาจากถางเมิ่งหรูหันกลับมามองหน้าสหายแล้วทำหน้าบึ้งตึง ส่วนหานหลินก็ยิ้มกรุ้มกริ่มเอาแต่กระดกสุราลงคอไม่พูดอะไรต่อ
หานเถิงซีชักสีหน้าใส่หานหลินที่เป็นทั้งญาติและมิตรสหาย “คิดว่าข้าจะชอบบุตรีศัตรูหรือ เจ้าคิดมากไปแล้ว” คนที่ไม่รู้ใจตนเองพูดเสียงแข็ง
“ไม่ชอบก็ไม่ชอบสิ เจ้าจะร้อนตัวทำไมเล่า” หานหลินตบบ่ากว้างของหานเถิงซีแล้วหันไปร่ำสุราต่อ
สายตาขององค์หญิงใหญ่สอดส่องมาที่จวิ้นอ๋องและองค์ชายเจ็ดอยู่ตลอดเวลา และสุดท้ายก็เรียกนางกำนัลคนสนิทมากระซิบที่ข้างหูสั่งการบางอย่าง
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ทุกคนในงานเลี้ยงก็เริ่มเมาสุรา บางคนก็ขอตัวกลับก่อนเพราะเห็นว่าวันนี้องค์หญิงใหญ่ไม่ได้หารือหรือพูดถึงเรื่องที่สำคัญ กระทั่งจวิ้นอ๋ององค์ชายเจ็ดองค์ชายแปดและพระชายาจวิ้นอ๋องขอตัวกลับจวนบ้าง องค์หญิงใหญ่ถึงได้รั้งพวกเขาเอาไว้
“พวกท่านยังไม่ได้ลิ้มรสสุราดอกท้อที่ข้าหมักไว้เป็นพิเศษเลย ลองชิมดูสักหน่อยสิ” สายตากึ่งบังคับกึ่งขอร้องปรากฏบนดวงตาขององค์หญิงใหญ่ที่เมาสุราจนแก้มอวบอิ่มแดงก่ำ
พวกเขาทั้งสี่คนมีสีหน้าลังเลโดยเฉพาะถางเมิ่งหรู
“หม่อมฉันดื่มไม่ไหวแล้วเพคะ” ร่างบอบบางแสร้งยกมือเรียวสวยขึ้นมาแตะที่หน้าผากแล้วหันไปกระซิบบอกกับจวิ้นอ๋องว่า
“ห้ามดื่มเด็ดขาดนะเพคะ” เพราะนางนั้นรู้ว่าในสุราจะมียาปลุกกำหนัดอย่างแน่นอน
องค์หญิงใหญ่ดวงตาเข้มขึ้นที่ได้ยินคำปฏิเสธของพระชายาจวิ้นอ๋อง “ต้องดื่ม ถ้าเจ้ากล้าปฏิเสธอีกครั้ง ข้าจะสั่งโบย โทษฐานขัดคำสั่งเบื้องสูง” ร่างอวบลุกขึ้นโซเซเกือบจะล้มหน้าคะมำ แต่โชคดีที่นางกำนัลทั้งสี่คนที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายประคองแขนดึงรั้งไว้ได้ทันกาล
หานเถิงซีเห็นองค์หญิงใหญ่มีอารมณ์เกรี้ยวกราดจึงดึงแขนเสื้อถางเมิ่งหรูส่งสัญญาณไม่ให้พูด แล้วรับเอาสุราที่นางกำนัลใส่ถาดเตรียมไว้กระดกลงคอ
สตรีโฉมสะคราญเห็นแบบนั้นก็มีสีหน้าที่ไม่ดี พลางหันไปเตือนทุกคนด้วยการส่งสายตาว่าห้ามดื่มเด็ดขาด แต่ทว่าทุกคนก็ทำตามที่นางต้องการไม่ได้
“ถ้าพวกเราดื่มจอกนี้เสร็จแล้วต้องขอทูลลา” องค์ชายเจ็ดมีไหวพริบ แม้ไม่อยากดื่มสุราดอกท้อที่ไม่รู้ว่ารสชาติจะได้เรื่องหรือไม่ แต่ก็จำใจต้องดื่มมันลงคอ องค์ชายแปดเห็นจวิ้นอ๋องและองค์ชายเจ็ดต่างดื่มสุราแล้วก็จำใจต้องทำตาม เหลือเพียงถางเมิ่งหรูที่ยังลังเล สุดท้ายจวิ้นอ๋องก็เป็นคนป้อนสุราให้นางด้วยตนเอง
“ทะ ท่านอ๋อง!” ถางเมิ่งหรูแทบลำลักสุราดอกท้อที่แม้รสชาติจะไม่แย่ ทว่ารสชาติกลับบาดลำคอแรงมาก
“กระหม่อมขอทูลลา” หานเถิงซีค้อมศีรษะลง ถางเมิ่งหรูจึงต้องทำตาม แล้วร่างบางก็ถูกคว้าข้อมือไปจับ และถูกลากออกจากงานเลี้ยงไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงองค์ชายเจ็ดและองค์ชายแปดที่ยิ้มเจื่อนรีบหาทางชิ่งหนีเช่นเดียวกัน
“กระหม่อมขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” แล้วรีบเดินติดตามหลังจวิ้นอ๋องและพระชายาไป ไม่รั้งรอให้องค์หญิงใหญ่ตรัสถามสิ่งใดออกมา
นางกำนัลคนสนิททั้งสี่เห็นว่าเป้าหมายขององค์หญิงใหญ่นั้นเดินออกจากงานเลี้ยงไปแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “จะทรงปล่อยไปเช่นนี้หรือเพคะ”
หานเย่เอ๋อที่เดิมทีมีท่าทางเมาสุราหนักก็แววตาเปลี่ยนสี คนอย่างองค์หญิงใหญ่หรือจะเมาสุราง่ายดาย นางเป็นนักดื่มสุราที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องขอยอมแพ้ไปก่อนทั้งนั้น
“พวกเขาไปไม่ถึงประตูวังหลวงหรอก” เพราะในสุราดอกท้อนั้นผสมยาปลุกกำหนัดชนิดแรง แม้ดื่มแค่จอกเดียวก็ออกฤทธิ์เหมือนม้าป่าพยศ นางกำนัลข้างกายองค์หญิงใหญ่ยิ้มมุมปากแววตาดูร้ายกาจไม่แพ้กับเจ้านายของพวกนาง
“พวกเจ้าแค่รั้งองค์ชายเจ็ดไว้ให้ได้ก็เพียงพอ แต่ถ้าหากจับจวิ้นอ๋องได้ก็ยิ่งดี” หานเย่เอ๋อไม่สนใจว่าจวิ้นอ๋องจะอภิเษกสมรสแล้วหรือไม่ ถ้าหากนางอยากครอบครองแม้จะกระทำการอุกอาจไปบ้าง แต่ก็อยากลองที่จะเสี่ยงทำดู
“รับด้วยเกล้าเพคะ” นางกำนัลทั้งสี่คนแบ่งหน้าที่กันไปทำ ทิ้งองค์หญิงใหญ่ไว้กับเนี่ยหมัวมัว หลังจากนั้นไม่นานงานเลี้ยงจึงได้ประกาศยุติลง ทุกคนในงานทยอยกันออกจากวังหลวงด้วยอาการเมามายไม่น้อย
ทางด้านจวิ้นอ๋องกับพระชายาจวิ้นอ๋องที่เร่งรีบออกจากวังหลวงนั้นก็เริ่มรู้สึกเหงื่อออกและรู้สึกว่าร่างกายไม่เป็นปกติ
“ท่านอ๋องปล่อยมือได้แล้วเพคะ ไม่มีสายตาผู้อื่นแล้ว” ร่างบางที่เดินตามหลังมาติด ๆ รีบเอ่ยบอก นอกจากร่างสูงจะไม่ปล่อยมือแล้วยังหันมาอุ้มนางขึ้นมาอีกด้วย
“ว้าย! ท่านอ๋องทรงทำอะไรเพคะ อุ้มหม่อมฉันทำไมกัน” ถางเมิ่งหรูเริ่มหน้ามืดตาลายเช่นกัน แม้ว่าปากจะกล่าวตำหนิแต่ร่างกายไม่มีแรงดิ้นขัดขืนเหมือนตอนเดินทางมาที่วังหลวง
“กอดคอข้าเอาไว้ให้ดี” คล้ายกับว่าหานเถิงซีจะรู้ว่าในสุราดอกท้อนั้นใส่ยาปลุกกำหนัด ร่างกายของเขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าแต่ในทางตรงกันข้ามร่างกายของนางกลับอ่อนแรงลงไป
“อยู่ ๆ หม่อมฉันก็รู้สึกไม่มีแรงเพคะ” ถางเมิ่งหรูไม่เคยถูกวางยาปลุกกำหนัดมาก่อนในชีวิต จึงทำได้เพียงซบหน้าลงที่ซอกคอของจวิ้นอ๋อง ลมหายใจร้อน ๆ ของโฉมสะคราญทำให้บุรุษปั่นป่วน