“อาเฟื่องเป็นบ้าไปแล้วหรือคะ”
“ไม่ได้บ้าอย่างเดียว สงสัยอยากจะกำจัดคุณพ่อและพวกเราทุกคน” ชนนท์เสียงกร้าว
“เฮ้ย... พอ พอ พอกันได้แล้ว” ชัยนันท์สีหน้าคร่ำเคร่ง
“คุณพ่อครับ” ชรินทร์ที่รู้เรื่องการหมกเม็ดของพ่อตัวเองอย่างดี เพราะเป็นคนช่วยคุณพ่อของเขาทำทุกอย่าง เพื่อกอบโกยเอาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง แต่ถ้าจะพูดไป มันก็แค่เศษเงินของเฟื่องรัตน์เท่านั้น
“กุ๊กกับก้องกลับไปทำงานที่แผนกของตัวเองก่อนไป” ชัยนันท์ออกปากไล่ สบตากับลูกชายคนรอง
“มันก็แค่เริ่มต้น แล้วอีกอย่างคุณพ่อกับพวกเราก็ไม่ได้ทำอะไรผิด มันหาเรื่องเราไม่ได้อยู่แล้ว” เขาให้เหตุผลกับพี่สาวและน้องชายให้ทุกคนเย็นลง
“ก้องเกลียดจริง ๆ ถ้าอาเฟื่องไม่นับพวกเราเป็นญาติ ก้องก็ไม่อยากจะนับด้วยเหมือนกัน ทำแบบนี้มันเกินไป”
“ก้อง” คุณพ่อทำสีหน้าดุ
ชนนท์สะบัดตัวเดินออกไปจากห้อง เขาใจร้อนและโผงผางเป็นที่สุด
“กุ๊กเป็นห่วงความรู้สึกของคุณพ่อนะคะ” พนิตาสงสารคุณพ่อของเธอจับใจ
“ไม่เป็นไรลูก เรื่องนี้บอกตาก้องด้วย อย่าบอกแม่ของเรา เดี๋ยวจะไม่สบายใจ รู้ไหม”
“ค่ะ / ครับ”
พนิตาออกไปจากห้อง
“ไม่เป็นไรครับคุณพ่อ เรื่องเอกสารต่าง ๆ เดี๋ยวผมจะจัดการเอง” ชรินทร์สบตากับพ่อ
ชัยนันท์ทิ้งตัวลงไปหลับตาสนิท
“กุ้งจัดการด้วยอย่าให้เหลือร่องรอยอะไรทั้งนั้น พ่อคิดนะ ว่าไอ้ธามมันคงไม่ปล่อยเราง่าย ๆ กุ้งก็ออกไปก่อนเถอะ พ่อปวดหัว” สองมือถูกยกขึ้นมากุมที่ขมับ
“ครับคุณพ่อ” ชรินทร์เดินจากไปอีกคน
“ยายเฟื่องแกยังจองเวรกับฉันไม่เลิกนะ คอยดูก็แล้วกัน ว่าผลที่แกทำกับฉันวันนี้ มันจะออกมาเป็นอย่างไร”
ชัยนันท์คลี่กระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่านอีกครั้ง
‘ให้ไอ้ธราเทพมานั่งตำแหน่งของตัวเอง แล้วให้ยายป่านมาเรียนรู้งาน แกเห็นคนอื่นดีกว่าฉันเสมอ เราต้องได้เห็นดีกันแน่’
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
“เข้ามาได้” ธราเทพเอ่ยปากอนุญาต
“เรียบร้อยครับ แต่ทีท่าไม่พอใจกันทั้งพ่อทั้งลูก”
“หลักฐานทุกอย่าง”
“อ๋อ ไม่ต้องเป็นห่วงครับคุณธาม เรื่องนี้คุณเฟื่องให้ผมเก็บหลักฐานการยักยอกของคุณชัยนันท์ ผมได้เก็บเอาไว้หมดแล้ว น่าจะดิ้นไม่หลุด ทำมาสักสิบปีเห็นจะได้ครับ ผมรวบรวมเป็นทั้งเอกสารอยู่ในแฟ้มกองนี้ แล้วก็ส่งทางอีเมลให้คุณธามแล้วนะครับ”
“ดีมาก ผมจะประสานกับทนายปภพเอง กลับไปทำงานเถอะ”
ไววิทย์โค้งตัว หมุนตัวกำลังจะเดินออกไป
“เดี๋ยวไววิทย์”
ไววิทย์รีบหมุนตัวกลับมา
“วันจันทร์ที่จะถึงนัดประชุมหัวหน้าแผนกก่อน เราจะให้คุณปอป่านเข้ามาทำหน้าที่ของเธอและเรียนรู้งาน อีกอย่างคุณมีหน้าที่สอนงานทุกอย่างที่จำเป็นให้เธอด้วย”
“เอ่อ... แล้วคุณป่านเธอยอมที่จะมาทำงานแล้วหรือครับ”
ธราเทพยิ้มนิด ๆ นึกไปถึงวันที่ได้จูบปากหวาน ๆ ของหญิงสาว
“เรื่องนั้นผมจัดการเอง คุณไม่ต้องเป็นห่วง ไปทำตามที่ผมบอกก็แล้วกัน”
“อ้อ... ครับคุณธาม” ไววิทย์ทำตัวรู้มากไปแล้ว เขารีบขอตัวออกไปจากห้องของธราเทพทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
“คุณป่านคะ พี่อังเองค่ะ พี่อังเข้าไปนะคะ”
อังศุมาถือถาดอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปในห้องนอนของปอป่าน
หญิงสาวนั่งหวีผมอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งหน้าตาอิดโรย ตาปูดบวม เพราะร้องไห้มาอย่างหนัก
ทั้งสองคนจ้องหน้าสบตากันในกระจก
อังศุมายิ้มให้ปอป่านแบบแห้ง ๆ ลุ้นว่าตัวเองจะเจออะไรบ้าง
“พี่อังเอาวางไว้นั่นแหละ” อังศุมารีบวางมันลงไปบนโต๊ะที่อยู่หน้าประตู สาวใช้มองไปรอบห้อง ทุกอย่างกระจัดกระจาย อังศุมากำลังจะเข้าไปเก็บกวาด
“ออกไป ออกไปให้พ้น” ปอป่านตะโกนลั่น ก่อนจะขว้างแปรงที่อยู่ในมือไปที่กระจกจนมันร้าว
“ค่ะ ไปแล้วค่ะ” อังศุมาร้อนรนออกไปจากห้องนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วก็ยังไม่ลืมล็อกกลอนประตูตามคำสั่งของธราเทพเอาไว้เหมือนเดิม
“เป็นอะไรยายอัง”
อังศุมายืนหอบอยู่ตรงหน้าของคุณผุดผ่อง
“คุณผ่องคะ ห้องนอนคุณป่านเละเลยค่ะ แล้วก็เธอทำท่าจะอาละวาดอีกครั้ง” อังศุมายังหอบเหนื่อย
“เฮ้อ... เมื่อไหร่จะรู้จักโตนะ ยี่สิบสามปีเข้าไปแล้ว”
“ก็ถูกตามใจเสียจนชินนี่คะ พอมีคนขัดใจเข้า ก็เลยเป็นแบบนี้”
“อย่าวิจารณ์เรื่องในบ้าน แล้วอีกอย่างอย่าให้เรื่องบ้า ๆ แบบนี้หลุดออกไปข้างนอก”
“ค่ะ” อังศุมาพยักหน้ารับคำ
“ฉันจะไปโรงพยาบาล จะไปรับคุณเฟื่องกลับบ้าน” คุณผุดผ่องมีสีหน้าหนักใจ
“ทำไมล่ะคะ คุณเฟื่องอาการหนักมากนะ จะรีบพากันออกมาทำไม”
คุณผุดผ่องหันมาจ้องตากับอังศุมา
“นี่ก็อีกเรื่อง เรื่องที่คุณเฟื่องป่วยจะไม่มีใครรู้ นอกจาก คุณธาม ฉัน แก แล้วก็บรรเจิด”
“ค่ะ อังรู้แล้วค่ะ” อังศุมาหน้าจ๋อย มองตามหลังคุณผุดผ่องที่เดินจากไป
‘โธ่เอ๊ย... อึดอัดจะแย่ คันปากยิบ ๆ ไปหมดแล้ว’
อังศุมาไม่รู้จะเก็บความลับพวกนี้ไว้กับตัวได้อีกนานแค่ไหน
หมอมนัสยืนอยู่ต่อหน้าคุณเฟื่องรัตน์ มองเธอแบบให้กำลังใจ
“ผมจะให้คุณกลับไปรักษาตัวที่บ้านหนึ่งอาทิตย์ แล้วผมจะเตรียมการรักษาคุณ และคุณเฟื่องต้องรับปากว่าจะเข้ารับการรักษาจากนี้ไป”
คุณผุดผ่องมองสบตากับธราเทพอยากได้ยินคำตอบที่พอใจ
“ได้ค่ะ ฉันจะกลับมารักษาตัว”
ทุกคนจึงยิ้มออกมาได้
“งั้นเรากลับบ้านไปเตรียมตัวกันนะคะคุณเฟื่อง”
“ค่ะป้า แต่ตอนนี้ป้าช่วยแต่งหน้าให้เฟื่องอีกนิดได้ไหม เอาให้สีปากเข้มกว่านี้อีกนิดหนึ่ง”
“ได้ค่ะ” ผุดผ่องยิ้มออกมาอย่างดีใจ ชีวิตเริ่มมีความหวังอีกครั้ง นางดีใจแค่ไหนที่เห็นเฟื่องรัตน์รับปากกับหมอมนัสว่าจะกลับมารักษาตัว
นางรีบยกกระเป๋าเครื่องสำอางออกมาจากกระเป๋าของคุณเฟื่องรัตน์
“หมอ นายพูดยังไงถึงทำให้คุณเฟื่องรัตน์ยอมรับการรักษา”
หมอมนัสยิ้มกว้าง