มีเหตุผล

1112 คำ
ธราเทพเดินออกมายืนอยู่ที่หน้าห้อง พร้อมกับเช็ดริมฝีปากตัวเองที่เลอะไปด้วยสีแดง “เอ่อ... อ้า... คะ... คุณธาม” อังศุมายืนเสนอหน้าอยู่ที่หน้าห้อง มองใบหน้าของธราเทพแล้วก็เก้อ รู้เลยว่าต้องเกิดอะไรในห้องนั้น “ล็อกเอาไว้นะครับ อย่าให้คุณป่านออกมา” เขาสั่ง “ค่ะ ค่ะ ค่ะ” อังศุมาละล่ำละลัก รีบเอากุญแจที่เตรียมมา ล็อกห้องของหญิงสาวตามที่ธราเทพสั่ง “ผมจะตามไปดูคุณอาที่โรงพยาบาล แล้วเรื่องที่คุณอาป่วย ห้ามให้คุณป่านรู้โดยเด็ดขาด” “ค่ะ” อังศุมารับปากอย่างหนักแน่น มองตามแผ่นหลังของธราเทพที่กำลังเดินลงไปทางบันได อังศุมาแนบหูฟังที่บานประตู ได้ยินเสียงสิ่งของที่หล่นลงไปกระทบกับพื้นแข็ง ๆ แตกกระจาย “โธ่เอ๊ย... เรื่องมันจะวุ่นวายไปกว่านี้อีกไหม ทำไมไม่บอกคุณป่านไปเลยว่า คุณเฟื่องแย่แล้ว เฮ้อ...” อังศุมายังรู้สึกหนักในหัวใจกับทุกเรื่องที่กำลังดูเหมือนจะแย่ลงไปกว่าเดิม ณ โรงพยาบาล “มีอะไรกันอีกครับ” คุณหมอมนัสทำหน้าเครียด ๆ “เฟื่องอยากจะกลับบ้านค่ะ เฟื่องไม่อยากจะนอนโรงพยาบาล” ทั้งคุณหมอมนัสและธราเทพต่างมองหน้ากัน คุณผุดผ่องยังจับมือของเฟื่องรัตน์แน่น “คุณเฟื่องคะ รักษาตัวก่อนนะคะ คุณหมอเพิ่งให้ยาทางสายน้ำเกลือไปเอง นอนพักเถอะค่ะ ยังไงถ้าคุณเฟื่องดีขึ้น พรุ่งนี้เราค่อยกลับบ้านกัน” ผุดผ่องปลอบโยนเหมือนเฟื่องรัตน์เป็นเด็ก ๆ “แต่เฟื่องเป็นห่วงยายป่าน เฟื่องไม่อยากให้ยายป่านรู้เรื่องที่เฟื่องป่วย” “โธ่เอ๊ย... คุณเฟื่องคะ เรื่องแบบนี้จะปิดกันได้อีกนานแค่ไหนคะ อีกหน่อยทุกคนก็ต้องรู้ รวมถึงคุณป่านด้วย” “แต่มันก็คงไม่ใช่ตอนนี้ เฟื่องเป็นห่วงความรู้สึกของยายป่าน ยายป่านแกต้องเสียใจมาก” คุณหมอมนัสพยักหน้าให้พยาบาลฉีดยาอีกเข็ม ธราเทพเดินเข้าไปใกล้ แตะมือลงไปบนหลังมือของเฟื่องรัตน์ “นอนหลับพักผ่อนก่อนนะครับคุณอา อย่าคิดมาก ผมยังอยู่ทั้งคน” ทุกคนต่างสงสารเธอแต่คงทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ธราเทพนั่งอยู่กับนายแพทย์มนัสเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทของเขาที่เชี่ยวชาญในเรื่องประสาทวิทยา “ผมหนักใจที่คุณเฟื่องไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาต่างหากครับ” ธราเทพถึงกับถอนหายใจ “ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการรักษาและผ่าตัดก้อนเนื้อในสมอง ซึ่งดีขึ้นกว่าในอดีตมาก ผลแทรกซ้อนก็น้อย มีความแม่นยำในการผ่าตัดสูงขึ้น อีกอย่างความก้าวหน้าทางยาเคมีบำบัด ฉายแสงก็มีให้เลือก ทีนี้เราจะปกปิดทางญาติของคุณเฟื่องรัตน์ตามคำขอไม่ได้อีกแล้วนะครับ เพราะพวกเราทุกคนต้องมาช่วยกันตัดสินใจและเลือกวิธีการรักษาคุณเฟื่องรัตน์ร่วมกัน” หมอมนัสแสดงความกังวล “ขอเวลาผมคุยแบบจริงจังกับคุณเฟื่องอีกทีนะครับ” “ก็ได้ครับ แต่เร็วนิดหนึ่งนะครับ เพราะอาการที่เป็นอยู่ของคุณเฟื่องจะทำให้เธอทรมานมาก ๆ” “ผมรู้ครับ” “ตอนนี้ทำได้แต่ให้ยาระงับอาการปวดแบบนี้ต่อไป แต่อีกหน่อยยาที่ให้มันก็จะให้ผลน้อยลง เพราะก้อนเนื้อที่กดทับเนื้อสมองที่ใหญ่ขึ้น จากที่ผมดูแล้วมันโตรวดเร็วด้วยนะครับ” หมอมนัสชี้ให้เขาดูภาพที่แสดงอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ “ครับ” สองหนุ่มมองหน้ากัน ชีวิตของคนหนึ่งคน ใครจะตัดสินใจแทนได้ ถ้าเจ้าตัวแสดงเจตนารมณ์ออกมาแบบนั้น ธราเทพหนักใจในเรื่องของเฟื่องรัตน์แล้ว ยังต้องมานั่งหนักใจในเรื่องของคู่หมั้นสาวอีกด้วย เขานึกไปถึงใบหน้าน้อย ๆ ที่แผลงฤทธิ์จนเขานึกขยาด ‘นี่แค่เริ่มต้นนะ ต่อไปจะเป็นยังไงอีก หากเรื่องต่าง ๆ ที่ปกปิดปอป่านเอาไว้ตอนนี้ เธอรู้เรื่องขึ้นมา เธอจะเป็นยังไงบ้างนะ’ วันต่อมา “นี่มันอะไรกัน” ชัยนันท์กำหนังสือเวียนที่ส่งไปตามแผนกต่าง ๆ เอาไว้แน่น เขาจ้องหน้าไววิทย์เลขาฯ ส่วนตัวของเฟื่องรัตน์ที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าชัยนันท์ “ก็แปลตามตัวอักษรที่ปรากฏอยู่บนกระดาษแผ่นนั้นนั่นแหละครับ แต่ถ้าคุณชัยนันท์ไม่เข้าใจ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังแบบละเอียดอีกครั้งนะครับ” ไววิทย์หยิบแฟ้มขึ้นมาอ่าน “เรียน....” “ไม่ต้อง” ชัยนันท์ตะโกนกร้าว สีหน้าแสดงออกมาว่าไม่พอใจอย่างชัดเจน “โอเคครับ” ไววิทย์ยักไหล่ “คุณพ่อคะ” “คุณพ่อ” “คุณพ่อ” ทั้งพนิตา ชรินทร์ และชนนท์ เปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อม ๆ กัน ไววิทย์หันไปยิ้มให้กับทุกคน “มากันพร้อมหน้าพร้อมตากันเลยนะครับ ดีแล้ว ผมจะได้อธิบายทีเดียว” สีหน้าและแววตาของครอบครัวชัยนันท์ดูไม่สู้ดี ชัยนันท์กัดกรามเอาไว้แน่น กระดาษในมือยับย่นด้วยแรงมือและความโกรธแค้น “ก็เหมือนกับที่ทุกคนได้อ่าน ต่อจากวันนี้ไป คุณธราเทพ บวรฤทธิ์ จะเข้ามาดูแลและทำหน้าที่แทนเสมือนเป็นคุณเฟื่องรัตน์เอง และคำสั่งแรกที่ออกมาคือ การตรวจสอบเอกสารและบัญชีการจัดซื้อจัดจ้างในแผนกของคุณชัยนันท์” “มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” พนิตาก็รู้สึกโมโหแทนคุณพ่อของเธอขึ้นมา “แบบนี้อาเฟื่องก็เหมือนกับไม่ไว้ใจคุณพ่อน่ะสิ” “ใช่ เห็นขี้ดีกว่าไส้ ยังไงคุณพ่อก็เป็นพี่ชายของอาเฟื่องแท้ ๆ” ชนนท์เกรี้ยวกราด “ผมไม่ทราบความคิดอะไรของคุณเฟื่องทั้งนั้น เป็นการตัดสินใจของคุณเฟื่อง และทุกคนในบริษัทฟูเฟื่องคอร์เปอเรชันก็ต้องทำตามที่เธอต้องการ ถ้าใครไม่ยินดีหรือฝ่าฝืนคำสั่ง ก็มีหนังสือลาออกที่แผนกบุคคล ไปขอกันได้นะครับ” “ไอ้ไววิทย์” ชนนท์ชี้หน้าไววิทย์เหมือนจะกระโจนเข้าใส่ ชรินทร์ดึงร่างของน้องชายเอาไว้ พนิตาเดินเข้าไปคล้องแขนและจับมือของคุณพ่อของเธอเอาไว้แน่น “ผมก็แค่ทำหน้าที่ของผม อ้อ... อีกเรื่อง พวกคุณไม่กลับไปทำงานที่แผนกของตัวเองหรือครับ นี่มันเวลางาน” ไววิทย์หมายถึงพนิตา และชนนท์ “ไอ้...” “ขอตัวนะครับ” ไววิทย์รีบเดินออกไปจากห้องของชัยนันท์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม