บทที่8 หวั่นไหว

2911 คำ
บทที่8 หวั่นไหว นิ้วเรียวหยิบหวีขึ้นมาก่อนจะค่อยๆบรรจงหวีลงที่เส้นผมยาวสลวยอย่างเบามือ ดวงตาเหม่อลอยหาได้คิดสนใจกับสิ่งที่ทำอยู่ หญิงสาวกำลังขบคิดถึงความเปลี่ยนแปลงไวราวจรวจของผู้ที่เป็นสามีในนาม เมื่อก่อนเขาจะแทนตัวเองว่า อา และทำตัวน่าเคารพนับถือและดูเป็นผู้ใหญ่น่าเกรงขาม เรียกเธอว่ากระแต แต่วันนี้สิ ชนะชลกลับทำตัวเหมือนมนุษย์โคแก่ ไม่สิ เป็นมนุษย์หื่นกาม คอยหาเศษหาเลย ดูเหมือนผู้ชายล่าแต้มที่ทำดีเพื่อหลอกมีอะไรกับผู้หญิงคนหนึ่งยังไงยังงั้น ชิอย่าคิดว่าจะได้แอ้มเลยไม่หวั่นไหวหรอก อย่างกระแตนะถ้าไม่ใช่ระดับพี่เวียร์ ศุกลวัฒน์ ขวัญใจกระแตอย่าหวังเลยว่าจะหวั่นไหวกรรณณาราคิดในใจทั้งที่พ่อมนุษย์โคแก่ของเธอก็ไม่ได้หล่อเหลาน้อยหน้าดาราในดวงใจเลยสักนิด แถมหุ่นก็ยัง โอ้ยไม่อยากคิดถึงซิกแพคอีตาอาชลให้ปวดหัว เพราะมัวแต่ถกเถียงสับสนในความรู้สึกทำให้หญิงสาวไม่รู้เลยว่าพ่อมนุษย์โคแก่ที่พูดถึงนั้นเดินมายืนอยู่ข้างหลังแถมยังสวมเพียงแค่แค่กางเกงนอนไม่ได้ใส่เสื้อแต่อย่างใด ชนะชลฉวยหวีจากนิ้วเรียวมาถือไว้ก่อนจะใช้มืออีกข้างรวบกลุ่มผมยาวสลวยขึ้นมาอย่างเบามือแล้วลงมือหวีมันอย่างบรรจง ด้านกรรณณาราได้แต่ตกใจ ช่วยไปน่ารักไกลๆจะได้มั้ยเนี้ย หวั่นไหวขึ้นมาจะรับผิดชอบชีวิตเค้าไหวมั้ย "คิดอะไรอยู่เหรอกระแตน้อย" ชนะชลเอ่ยถามด้วยเสียงนุ่มกว่าปกติ ขณะที่ยังคงหวีผมให้หญิงสาวอยู่ นี่ถ้าเธอรู้ว่าเขาไม่เคยหวีผมให้ใครเลยจะรู้สึกดีรึเปล่านะ "ไม่ได้คิดอะไรซะหน่อย ตัวแหละคิดอะไรถึงได้มาทำดีกับเค้า" กรรณณาราเอ่ยพยายามมองข้ามคำว่ากระแตน้อยที่หนุ่มใหญ่ย้ำแล้วย้ำอีกพร้อมหันหน้ามาหาคนถูกถามทำให้เธอรู้ว่าการที่เขาหวีผมให้เธอทำให้เขาต้องก้มลงมากว่าศอก สมน้ำหน้าสูงดีนัก "เราแต่งงานกันแล้วนะแต ชั่วชีวิตอาอยากแต่งงานแค่ครั้งเดียว อย่างที่แม่เคยบอกเราต้องประคับประคองชีวิตคู่ เราอยู่กันแบบทะเลาะกันตลอดไม่ได้หรอก เรายังต้องอยู่ด้วยกันทำดีกันไว้ดีกว่า อาคิดแค่นั้นจริง ๆ" ชนะชลเอ่ยบอกก่อนจะยืดตัวเต็มความสูง เขาคิดแบบนั้นจริง ๆนะ...ซะที่ไหนกัน เขาอยากแต่งงานแค่ครั้งเดียวและเขากับเธอควรดีต่อกันเท่านั้นอันนั้นจริง แต่ที่ว่าคิดแค่นั้นจริง ๆมันไม่ใช่เพราะเขาคิดจะได้กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวเธอด้วยขืนบอกไปคงได้เจอกำปั้นหนักๆหรือไม่ก็เสียงกรี๊ดชวนปวดหูของเธอแน่ คนฟังคิดตามแล้วเริ่มจะคล้อยตาม เธอเองก็อยากแต่งงานแค่ครั้งเดียวเหมือนกัน แต่อาชลคิดแค่นั้นจริง ๆนะเหรอ "โอ๊ย" เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังมาทำให้เธอหยุดความคิดหันกลับมาสนใจ สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาคือชนะชลยืนอยู่สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวด "เป็นอะไรรึเปล่า?" หญิงสาวเอ่ยถามออกมา ชนะชลหันมามองก่อนจะตอบ "สงสัยเอวเคล็ดนะ เมื่อวานช่วยคนงานยกของหนักเกินไป" "นั่นไงทำอะไรไม่ดูอายุ 40แล้วคิดว่าเป็นเด็กหนุ่มเหมือนหน้าตาไง๊ ประมาณตนซะบ้าง ไปนอนบนเตียงเดี๋ยวจะนวดให้" กรรณณาราเอ่ยบ่นแต่ก็มีน้ำใจ "เหยียบเลยดีกว่าแต" คนแก่ไม่ได้ใส่ใจกับคำบ่นพึมพำไปมากกว่าความเจ็บปวดและหัวใจที่พองโตหลังจากได้ฟังความมีน้ำใจของหญิงสาวเอ่ยบอกขณะที่เดินไปทรุดตัวลงนอนคว่ำหน้าบนเตียง "เอางั้นเหรอ เค้าหนักนะ" กรรณณาราถามอย่างไม่แน่ใจ แหงล่ะเธอกินเยอะใช้ได้เลยนิไม่ให้หวั่นใจได้ไง "เบาอย่างกับนุ่น โคแก่ เอ้ย คนแก่อย่างสามีอุ้มมือเดียวยังไหวเลย" ชนะชลเอ่ยบอก กรรณณาราจึงยอมขึ้นเหยียบบนแผ่นหลังให้อย่างหมั่นไส้ "กระแตน้อย สามีปวดเอว ไปเหยียบทำไมที่หลังครับ" ชนะชลเอ่ยเสียงนุ่นอยากจะหัวเราะคนขี้หมั่นไส้ที่เผลอนิดเดียวลืมซะแล้ว "รู้น๊า จำได้แต่มันต้องไล่เส้นเข้าใจไหม ต้องไล่จากตรงนี้ลงไป" คนถูกเตือนแถออกมาจนสีข้างเกือบถลอกได้แต่ใบหน้าแดงกล่ำลามไปถึงใบหูด้วยความอาย ชนะชลได้แต่นึกขำในใจ แม่คุณไปเรียนมาจากไหนล่ะเนี่ย "เงียบไปเลย ไล่เส้นคือไล่เส้นไม่ต้องแอบหัวเราะเลย เดี๋ยวแม่เหยียบให้แบนซะนี่" กรรณณาราเอ่ยขู่กลบเกลื่อนความอาย "โธ่คุณเมีย ก่อนจะเหยียบให้แบนเหยียบให้สามีรู้สึกว่ามีคนอยู่บนเอวสามีก่อนมั้ย นึกว่ามดตะนอยไต่อยู่ เบาซะจริง" ชนะชลเอ่ยบอกก่อนจะหัวเราะเบาๆ กรรณณาราที่ถูกหาว่าเป็นมดเริ่มลงน้ำหนักด้วยความโมโหแต่ก็ยังไม่ระคายเคืองคนตัวโตให้ร้องออกมาได้ "อืม พอดีเลย ตรงนั้นแหละ ดีแฮะ แรงอีกนิดนึงคุณภรรยาเดี๋ยวจะเลี้ยงขนม" ชนะชลพูดพร้อมมีการเอาขนมมาล่ออย่างขบขัน กรรณณารากลอกตามองบนก่อนจะเหยียบลงแรงๆถ้าไม่กลัวถูกพ่อกับแม่ด่าเธอจะเหยียบให้หลังให้เอวหักเลย เธอไม่ใช่คนเห็นแก่กินนะจะได้เอาอาหารมาล่อ หมั่นไส้ชะมัด "พอแล้วนอนเถอะ หายแล้วครับ" ชนะชลเอ่ยบอก เมื่อจับได้ว่าน้ำหนักเท้าของเธอเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ กรรณณารายกเท้าออกก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆ พร้อมหอบเล็กน้อย "ใช้แรงมากก็เหนื่อยแฮะ จ่ายค่านวดมาเลย2ล้าน" กรรณณาราเอ่ย กลับสร้างรอยยิ้มให้กับคนที่ถูกเปลี่ยนสถานะเป็นลูกค้า "อะไร แค่มดตะนอยเหยียบๆนิดหน่อยจะเอา2ล้านเชียว งกจริง ๆเปลี่ยนเป็นหอมแทนได้มั้ย ได้เนอะ" ชนะชลเอ่ยเหมือนจะถามแต่ไม่ถามเพราะหลังจากปิดปากลงเขาก็ลุกขึ้นมาปฏิบัติการจ่ายค่ายกครูให้สาวเจ้าด้วยการหอมแก้มซ้ายเลื่อนไปแก้มขวา เลื่อนไปจุ๊บหน้าผากมนก่อนจะย้ายมาจุ๊บจมูก และขั้นตอนสุดท้ายชายหนุ่มก็บรรจงเลื่อนริมฝีปากลงประกบริมฝีปากงามทันที จากที่กรรณณาราตะลึงตะลานจนทำอะไรไม่ได้กับการจู่โจมราวขีปนาวุธที่เป้าหมายไม่อาจจะหาทางขัดขวางได้ กรรณณารารู้สึกทั้งอึดอัดเพราะไม่คุ้นชินและรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งที่ชนะชลทำแต่ก็เริ่มที่จะหายใจไม่อ่อนหญิงสาวยกมือขึ้นทุบอกชายหนุ่มให้รู้ ชนะชลยอมเลื่อนริมฝีปากร้อนออกอย่างช้า ๆก่อนที่จะรวบตัวหญิงสาวมากอดและล้มตัวลงนอน "อยู่แบบนี้สักพักนะกระแตน้อย อย่าขยับ" ชนะชลเอ่ยบอกเสียงแหบพร่า คนในอ้อมแขนที่คิดจะดิ้นถึงกับชะงักยอมนอนนิ่งๆ โอ๊ยใจจะละลาย จะทำให้เค้าหวั่นไหวให้ได้ใช่มั้ยเนี่ยกรรณณาราได้แต่พูดมันในใจแต่กลับรู้สึกอบอุ่นและไม่อยากจะผละออกเลยด้วยซ้ำคิดแล้วอยากจะตีหัวตัวเองนักที่เริ่มจะหวั่นจะไหวไปกับอ้อมกอดอุ่นๆ ริมฝีปากร้อนๆ และความน่ารักของอาของเพื่อนสนิท ทั้งสองต่างเงียบไม่พูดอะไรอีกทุกอย่างเงียบสนิทมีเพียงเสียงเสียงหัวใจของทั้งสองที่เหมือนจะแข่งกันเต้นระรัวก่อนที่จะเผลอหลับไป เช้าวันรุ่งขึ้น เปลือกตาบางเผยขึ้นให้เห็นดวงตากลมโต ก่อนที่จะกระพริบสองสามครั้งเพื่อไล่ความง่วงงุนก่อนดวงตาจะมองไปข้างหน้าสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือชนะชนที่เอามือเท้าคางยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้าส่วนตัวนั่งย่ออยู่ข้างๆเตียง ชนะชลเลื่อนหน้ามาจุ๊บจมูกโด่งของเธอก่อนจะเอ่ยบอก "มอนิ่งจ๊ะแม่กระแตน้อย ตื่นสายนะเนี่ย สามีนั่งมองอยู่เป็นชั่วโมงแล้วเกือบจะได้ลักหลับแล้วเชียว" "ฉวยโอกาสอีกแล้วนะอาชล" หญิงสาวเอ่ยบอกก่อนจะสปริงตัวขึ้นมานั่งบนเตียงนุ่น "ตรงไหนล่ะที่ว่าฉวยโอกาส ไม่มี๊" ชนะชลเอ่ยบอกหน้าเฉย "แล้วมาจุ๊บจมูกเค้าทำไม" กรรณณาราเอ่ยถามก่อนจะคลานลงจากเตียงเดินไปยังห้องอาบน้ำ "ก็แค่ทักทายตอนตื่นนอน จริง ๆอยากจะมอนิ่งคิสหวานๆเลยแหละแต่กลัวหยุดใจไม่ไหวขืนใจเด็ก" ชนะชลเอ่ยตามหลังเสียงดังฟังชัดจนคนฟังหน้าแดงแก้มแดงลามไปทั้งหู เขาชักจะเพี้ยนเดี๋ยวก็หื่น เดี๋ยวก็นิ่ง เดี๋ยวก็กวนประสาทเธอ เพราะอะไรไม่รู้รู้แค่อยากจะอยู่กับเธออยากเห็นเธอโกรธ เธอโมโห และอยู่กับเธอแล้วเขามีความสุขที่ได้แกล้งได้ยั่ว และได้ฉวยโอกาสกับเนื้อตัวเธอ ชักจะบ้าแล้วสิไอ้ชลเอ้ย ตลาด หลังจากอาบน้ำเสร็จทั้งสองก็ลงมาทานอาหารเช้าด้วยกันก่อนที่ชนะชลจะชวนภรรยาเด็กตัวน้อยไปซื้อของที่ตลาดเพราะชายหนุ่มต้องเข้าไปคุยกับเจ้าของตลาด ชายหนุ่มถือเป็นผู้กว้างขวางทำให้ใครๆต่างนับหน้าถือตามีเรื่องทุกข์ร้อนก็จะมาขอให้ช่วยครั้งนี้ก็เช่นกันเจ้าของตลาดจะขายตลาดให้นายทุนสร้างศูนย์การค้าแล้วไล่พ่อค้าแม่ขายออกจากตลาด พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายเดือดร้อนจึงมาขอให้ชนะชลช่วยไปพูดกับเจ้าของตลาด และเขาก็ยินดีจะช่วย "วสา เข้ม พากระแตไปเลือกซื้อของทางโน่นก่อนฉันจะไปคุยกับคุณนายดารา" ชนะชลเอ่ยสั่งเมื่อมาถึงตลาดนัด วสาและคมเข้มพยักหน้าเข้าใจชายหนุ่มจึงเดินไปหาเจ้าของตลาดที่กำลังยืนคุยอยู่กับมุกดา แม่ของมะปราง กระแตยืนมองอยู่สักพักก่อนจะเดินไปดูส้มเขียวหวานที่มีสติกเกอร์ของไร่กันตา ไร่ของเธออยู่ "ขายดีมั้ยคะป้า" หญิงสาวเอ่ยถามเจ้าของร้านผลไม้ หญิงวัย50กว่าๆมองลูกค้าคนสวยที่ชาวตลาดต่างลือกันให้แซดว่าเป็นนายหญิงแห่งไร่แสนรักตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วนึกชื่นชมแต่พอนึกถึงคำพูดที่มะปรางเที่ยวโพนทะนาแล้วนึกสับสน "นังนั่นมันทำเป็นออดอ้อน เสแสร้งเป็นคนดี แต่ลับหลังนะมันร้ายแย่งผัวฉันไป นี่คงแกล้งเป็นผู้ดีต่อหน้าพ่อเลี้ยงชลนะสิลับหลังคงแค่อีตัว" มะปรางเอ่ยบอกชาวบ้านร้านตลาดเมื่อครั้งหลังจากกรรณณาราพาชนะชลมาเยาะเย้ย 'หน้าตาก็ดี แม่หนูเอ้ยไม่น่าเลย'แม่ค้าผลไม้เอ่ยในใจ "ว่าไงคะป้า ขายดีมั้ยเนี่ย ทำไมใช้ส้มจากแม่ฮ่องสอนล่ะ" กรรณณาราที่ไม่รู้ว่าแม่ค้าชราคิดอะไรเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ไร่กันตาอยู่ถึงแม่ฮ่องสอนปกติส่งขายแค่ในแม่ฮ่องสอนและส่งออกต่างประเทศแต่ทำไมถึงมาโพล่ที่เชียงใหม่ได้ "เอ่อ ขายดีค่ะแม่เลี้ยง ที่เอามาจากแม่ฮ่องสอนเพราะส้มจากไร่กันตานะดีแถมพ่อเลี้ยงกรณ์ยังใจดีคิดไม่แพงเหมือนไร่ส้มบางไร่ แถมลูกค้าก็ชอบด้วยค่ะ" แม่ค้าชราเอ่ยบอก โดยไม่รู้ตัวเลยว่ายืนคุยกับลูกสาวพ่อเลี้ยงกรณ์อยู่ "แล้วขายมานานแล้วเหรอค่ะ ผลไม้อย่างอื่นป้าเอามาจากไหนบ้างเนี่ย" กรรณณารายังคงสนใจเรื่องที่มาของส้มและผลไม้อื่น ๆจนไม่รู้ว่าชนะชลที่คุยกับเจ้าของตลาดที่กลายเป็นอดีตไปเมื่อไม่ถึง2นาทีเพราะชายหนุ่มตัดปัญหาคนโลภด้วยการซื้อตลาดนี้ซะเลยเสร็จแล้วเดินเข้ายืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้แม่ค้าชราและลูกน้องไม่ต้องทัก "นานแล้วค่ะสองปีก่อนลูกชายพ่อเลี้ยงกรณ์มาเที่ยวตลาดกับหนูฟ้าเห็นว่าป้ากำลังลำบากเพราะส้มเจ้าเดิมขึ้นราคาก็เลยแนะนำให้ซื้อที่ไร่ในราคาต่ำกว่าแถมยังมีรถมาส่งส้มถึงที่ไม่ต้องไปเอาเองด้วย" แม่ค้าวัย50เอ่ยบอกสายตามองพ่อเลี้ยงหนุ่มที่ยืนฟังอยู่อย่างชื่นชม'ดูๆไปก็เหมาะสมกันดีแฮะ' "ว้าววว ลูกชายพ่อเลี้ยงกรณ์ใจดีจังเนอะป้า พ่อเลี้ยงกรณ์ก็ด้วยไม่เหมือนพ่อเลี้ยงชลคนนิสัยไม่ดี" หญิงสาวเอ่ยอย่างดีใจพร้อมแขวะคนตัวโตที่(คิดว่า)ไม่ยืนอยู่ตรงนี้ในตอนท้าย พ่อเลี้ยงหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะส่ายหน้าแต่ก็ยังเงียบอยู่ "งั้นหนูซื้อส้มนี่3กิโลแล้วกันเนอะ" กรรณณาราเอ่ยบอก ความจริงเธอแค่อยากถามเพราะสงสัยเท่านั้นแต่ถ้าจะถามแล้วเดินหนีก็ดูยังไงอยู่จึงยอมซื้อเงินอาชลนิจะกลัวอะไรฮะฮะฮ่ะ "เป็นถึงลูกสาวพ่อเลี้ยงกรณ์เนี่ย ไม่เคยกินส้มที่ไร่ตัวเองรึไงแตซื้อซะเยอะเชียว" พ่อเลี้ยงชนะชลเอ่ยขึ้นหลังจากยืนฟังเงียบๆอยู่นานสองนาน กรรณณาราที่แขวะชายหนุ่มก่อนหน้านี้ทั้งตกใจและใจเต้นแรงไปพร้อมกันเพราะชายหนุ่มเข้ามาพูดข้างหูนะสิ "ละ ลูกสาวพ่อเลี้ยงกรณ์ ตาเถรหกตกหลังคา" แม่ค้าคนเดิมร้องอย่างตกใจ คมเข้มกับวสาได้แต่ขำกับคำอุทานของหญิงชราจนตัวงอ ตั้งแต่อยู่กับกรรณณาราทั้งสองก็ไม่ต้องทำเป็นขรึมเจ้าระเบียบอีกต่อไป "ป้า ตาเถรขึ้นไปทำอะไรบนหลังคาล่ะถึงได้ตก ฮะฮะฮะ ดีนะไม่มาทั้งวัด" คมเข้มเอ่ยอย่างขำขัน "นั้นสิฮะฮะฮะ" วสาเอ่ยก็ใช่ย่อย คนโดนขำยังคงหน้าซีด นี่นะเหรอน้องกระแตที่คุณกันต์พูดถึง โอ๊ยตายแน่ฉันคิดตามนังมะปรางจนด่าคุณเค้าตั้งเยอะ "เปลี่ยนจากส้ม3กิโลเป็นแอปเปิ้ลแดง มะม่วงมัน กับส้ม อย่างละกิโลนะป้านิ่ม ส้ม3กิโลคงกินไม่ไหว ไม่เอียนบางเหรอเด็กน้อยเกิดมาก็ได้กินส้มแล้วมั้ง" ชนะชลเอ่ยบอกแม่ค้าที่รู้จักกันดีก่อนจะหันมาหยอกลูกสาวเจ้าของไร่ส้ม "เคย แต่ชอบเข้าใจมั้ย ส้ม3กิโลเหมือนเดิมค่ะป้า" กรรณณาราว่าอย่างโวยวายก่อนจะหันมาบอกแม่ค้า "เอาแบบที่ผมบอก" " ส้ม3กิโลค่ะป้า" "แบบที่ผมว่าป้านิ่ม" "ส้ม3กิโล ๆๆๆๆ ไม่งั้นจะเอาตุ๊กแกมาปล่อยทั่วไร่" "อย่างที่สามีพูดเข้าใจมั้ยคุณเมีย ไม่งั้นจะหาแมงมุมมาเลี้ยงให้ทั่วห้องเลย" "ก็เค้าจะเอาส้ม" "เอาไปก็กินไม่หมด เปลืองเงินแต" "ไม่จะเอาส้ม เอาส้ม" "อย่าดื้อเอาชนะน๊า แต ไม่งั้นจูบกลางตลาดนะ" "กล้าเหรอ เหอะไม่กล้าหรอกเชื่อ..." ทั้งสองถกเถียงกันอย่างน่ารักในสายตาคนมองจนชนะชลข่มขู่จะจูบกลางตลาดหญิงสาวก็ยังคงดื้อ เพราะเป็นพวกชอบเอาชนะและคิดว่าเขาคงไม่กล้าในที่โล้งแจ้งเต็มไปด้วยผู้คนแบบนี้แต่เธอคิดผิดเมื่อริมฝีปากบางถูกประกบปิดอย่างมิดชิดโดยริมฝีปากร้อนของคนที่เธอว่าไม่กล้า ก่อนที่เขาจะถอนริมฝีปากออกอย่างไม่สนใจผู้คน "ว่าไงยังจะเอาส้ม3กิโลอยู่มั้ย จะได้จูบอีก คราวนี้จะจูบให้วิญญาณหลุดไปเลย" ชนะชลบอกพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ กรรณณารายืนนิ่งใบหน้าเริ่มแดงซ่านพูดอะไรไม่ออกก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีอย่างอับอายทำอะไรก็เพลี่ยงพล้ำ ชนะชลได้แต่ยืนยิ้มอย่างพอใจไม่สนใจสายตาล้อเลียนของสองลูกน้อง "ไอ้คนฉวยโอกาส ไอ้คนนิสัยไม่ดี อีตาอาชลบ้าๆๆๆ นี่แนะๆ" หลังจากกลับจากตลาดหญิงสาวก็ยืนทุบอกคนตัวโตอย่างโมโหและเขินอาย "พอแล้ว ๆ คุณเมีย สามีเจ็บครับ" ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมรวบหญิงสาวเข้าในอ้อมอกก่อนจะจุมพิตที่หน้าผาก "ทีหลังอย่าดื้อสิ รู้ตัวรึเปล่าว่าคุณเมียน่ากินแค่ไหน ถ้าดื้อแล้วจูบอีกเผลอจับปล้ำขึ้นมาโทษกันไม่ได้นะ" ชนะชลเอ่ยบอกก่อนจะยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน 'ทำไมฉันต้องหวั่นไหวด้วยนะ รักขึ้นมาจะว่าไงนะ ฉันชักหวั่นไหวซะแล้วสิ'คนในอ้อมกอดได้แต่เอ่ยในใจแต่ก็ไม่ดิ้นออกจากอกอุ่น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม