ทุกอย่างอยู่ในสายตาของหมูแดง และโต๋
“เสียใจไหม” หมูแดงถามขึ้นมาเบา ๆ
โต๋หันมามองใบหน้าของหมูแดงแบบเอาเรื่อง
“จุ้น...”
“ย่ะ...” เธอทำหน้าแบบไม่พอใจออกไปเช่นกัน
“ก็นายมีโอกาสแล้วนะ ตอนที่นายเล็กป่วย ทำคะแนนสิ”
“ยายเจ๋อ...”
“จะว่าเสือกอะดิ... ก็แล้วแต่ ตามใจนะ อกหักมันไม่ตาย แต่มันทรมาน...” เธอเน้นเสียงข้างหลังลากยาว ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เขา
โต๋จิ้มนิ้วชี้ลงไปที่กลางหน้าผากของหมูแดง
“ขอบใจ แต่คราวหน้าไม่ต้องแส่”
หมูแดงทำหน้าย่นเข้าใส่ มองโต๋และทำปากยื่นยาวออกมาแบบไม่พอใจ สะบัดหน้า ปัดมือไปที่หน้าผาก
“คนอุตส่าห์หวังดี”
“ขอบใจ แล้วไง” โต๋ทำหน้าแบบเดียวกันมองจ้องตากลับไม่ลดละ
“สองคนนั้นยังไง ชอบทะเลาะกันจริง ๆ ไม่เบื่อหรือไง” โมเมทำเสียงดัง
“ก็...” หมูแดงทำท่าจะฟ้อง โต๋รีบเอามือของเขามาปิดปากเสีย ๆ ของยายหมูแดง
“ฉันไม่ได้จะพูดเรื่องนั้นสักหน่อย”
“ไม่พูดมากนั่นแหละจะดีที่สุด ยายหมูจุ้นจ้าน” พูดจบ โต๋ก็รีบเดินไปหาทั้งสองคน ปล่อยให้หมูแดงอารมณ์ขุ่นอยู่คนเดียว
“ทำปากเก่ง ปากแข็งไปเหอะ ชิ...” เธอพูดอยู่คนเดียว
ความรักถ้ามันลงตัวไปหมดสิแปลก คนหนึ่งรักคนหนึ่ง คนหนึ่งแอบรักอีกคนหนึ่ง แล้วคนที่ปากเก่งเป็นห่วงแต่คนอื่น ก็แอบชอบคนคนนั้นอยู่เช่นกัน
‘ฉันก็ชอบนายนะโต๋’
หมูแดงพูดกับตัวเองในใจ
“ว่าจะไม่ถามแล้วเชียว แต่มันก็อดคันปากไม่ได้” โต๋มองหน้าเพื่อน
“เรื่องอะไร” เล็กหันไปให้ความสนใจ
“เรื่องที่ว่า นายหรือน้องชมพูที่ร่วงลงไปก่อนกัน”
ภารันย์ไม่ตอบ แต่กลับชี้นิ้วเข้ามาหาตัวเอง
“แล้วไปทำอะไรตรงนั้น นายไม่เห็นหรือว่ามันอันตราย” หมูแดงแซงเสียงขึ้นมาทันที
“ก็...เออ... จะไปเก็บดอกไม้ให้โมเม”
“หา...!” ทุกคนสะดุดกับคำตอบ
โมเมตีเปรี๊ยะไปที่แขนของเขา
“เมว่าสวย แต่ไม่ได้ให้เล็กไปเก็บมาให้สักหน่อย”
“นั่นสิ... นายเนี่ยมันน่านัก” หมูแดงทำท่าเหมือนจะตีเขาเป็นเด็ก ๆ เช่นกัน
“แล้วน้องคนนั้นเป็นไงบ้าง” ภารันย์ถามหาชมพู
“นายจำอะไรไม่ได้จริง ๆ หรือ” โต๋ถามอีกครั้ง
เขาได้แต่ส่ายหน้า
“มันเบลอ ๆ ไข้สูง แล้วรางเลือน บอกไม่ถูก ไม่รู้อันไหนจริง อันไหนฝัน” เขาสารภาพ
ทั้งสามคนจึงพ่นลมหายใจออกมาพร้อม ๆ กัน
“น่าสงสารชมพูอยู่นะ” โมเมหันไปมองหน้าโต๋กับหมูแดง
“เรื่องอะไร น้องเขาบาดเจ็บเหมือนกันใช่ไหม” ภารันย์ถามออกมาด้วยความเป็นห่วง หากไม่ได้ชมพู เขาอาจจะไม่มีชีวิตหรือลมหายใจอยู่ตรงนี้ก็ได้
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แต่...” โต๋นิ่งไป
หมูแดงก็ทำเจ๋อตามนิสัย หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา แล้วเปิดรูปของชมพูที่ถูกถ่ายขณะไปเจอเธออยู่กับภารันย์ในสภาพที่แทบเปลือย
ภารันย์มองภาพนั้น พลางกัดริมฝีปากเม้มเน้น
“แล้วพวกนายไม่ทำอะไรกันเหรอ ทำไมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น” เขาหันไปมองหน้าโต๋ แววตาฉายความไม่พอใจออกมามาก
“ก็...จะให้ทำยังไงวะ”
“น้องเขาอุตส่าห์ช่วยฉัน แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องแบบนั้นด้วย แล้วแบบนี้ น้องเขาเสียหายนะ”
“ก็จริงนั่นแหละ แต่ตอนนี้อาจารย์ก็ปราบให้ทุกคนหยุดส่งภาพต่อ ๆ กันไป แต่มันก็อย่างที่รู้ ใครจะไปห้ามกันได้”
“แล้วนายกับ...เอ่อ...” โต๋ทำมือ
“อย่าคิดอกุศลนะ มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” ทุกคนมองหน้ากัน รู้สึกรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่โกรธของภารันย์
“แล้วน้องเขาเป็นยังไงบ้างตอนนี้” ภารันย์รู้สึกเป็นห่วงพิมพ์เพชรมาก อย่างน้อย เขาก็ควรมีส่วนต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง
“ฉันว่า น้องเขาคงโอเค ก็เห็นไปเรียนตามปกติ”
“จริงนะ” ภารันย์ถามย้ำไปที่ทั้งสามคน
“อื้อ...” หมูแดงพยักหน้าตอบแทนเพื่อน ๆ
ภารันย์พลอยกังวลใจไปหมด ตอนนี้เขาอาจจะจำเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ได้ทั้งหมด แต่หนึ่งเรื่องที่เขารู้ได้ คือ ชมพูเป็นห่วงเป็นใยเขามากเหลือเกิน
“เฮ้ย...อย่าคิดเยอะ พัก ๆ” โต๋รีบทำท่าทาง
“ใช่ ๆ กลับไป โมเมจะไปหาน้องคนนั้น แล้วจะไปขอบคุณเธอแทนเล็กด้วยนะ”
“ขอบใจนะ ฝากด้วยนะ”
ภารันย์ยังนึกเห็นแววตาและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลใจของชมพูได้ เขาได้แต่ถอนลมหายใจอยู่ตรงนั้น
ใต้ต้นชมพู่ในบ้านของชมพู
“นี่...ชมพู รุ่นพี่คนนั้น ไม่ได้โทรมาหาบ้างเหรอ” เต้นถามเพื่อน
“ใคร คนไหน” ชมพูหันไปมองด้วยความสนใจ
“ไอ้คนที่เจ็บตัวนั่นไง คนที่แขนหัก พี่ลงพี่เล็กอะไรของเธอนั่น”
แค่ชื่อของเขาก็ทำให้หัวใจของชมพูเต้นแรงแล้ว เธอนึกเป็นห่วงเขาเสมอ แต่ไม่รู้ว่าภารันย์เป็นห่วงเธอหรือเปล่า หรือเขาคงไม่จดจำ หรือแม้แต่รู้จักชื่อของเธอ
จากใบหน้าที่มีรอยยิ้มสดใสเมื่อกี้ก็สลดลงทันที
“เต้น... ชมพูว่าจะถามเต้นเรื่องนี้หน่อย ชมพูอ่านสองสามรอบแล้วก็ยังไม่เข้าใจ” เธอเฉไฉไปเรื่องอื่น
เต้นจึงเดินเข้าไปหาเพื่อน เขานั่งลงใกล้ ๆ แล้วตบไปตรงที่บ่าของเธอเบา ๆ
“แกชอบเขาใช่ไหม” เต้นถามชมพูตรง ๆ
“ไอ้บ้าเต้น พูดบ้าอะไร” เธอหน้าแดงขึ้นมาทันที
“ฉันเป็นเพื่อนแกมาตั้งแต่เล็ก ๆ ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าแกคิดอะไร”
“แกเป็นผู้วิเศษเหรอ ถึงมาอ่านใจฉันออก” เธอหันไปว่าให้เพื่อน แต่แค่ได้สบตากับเต้นก็ต้องรีบหลบสายตา
“แค่ปลื้มพี่เขาเท่านั้นเอง...”
“ปลื้มบ้าอะไร แค่ปลื้มเหรอ? แกถึงเสี่ยงตายลงไปช่วยเขาแบบนั้น” เต้นต่อว่าต่อขาน
“มันเป็นเหตุสุดวิสัยนะ แกก็น่าจะรู้ พี่เขาเกิดอุบัติเหตุ แล้วไอ้สมองปลาทองของฉันมันหน่อยเดียว ฉันคิดอะไรไม่ทันหรอก ฉันตกใจมาก ๆ เลยรีบลงไปช่วยพี่เขา”
เต้นขยี้หัวฟู ๆ ของเธอจนยุ่งเหยิง
“ไอ้เต้น... หยุดนะ” เธอแผดเสียงใส่เขา
เต้นได้แต่หัวเราะ เมื่อชมพูหันมาทั้งใบหน้า หัวหยิกหย็องของเธอก็พันกันเป็นฝอยขัดหม้อ และหน้าตาที่เอาเรื่องเอาราว เขายิ้มจนปากกว้าง
“เฮ้อ... รักคนที่เขารักเราดีกว่านะ ฉันขอเตือนแก” เขาล้มตัวลงไปนอนบนเสื่อ ยกมือขึ้นสะบัดไปมาไล่ความขบเมื่อย
“ฉันไม่ได้รักเขา” เธอยังปฏิเสธ
“จริงอะ” เต้นพูดขึ้นมาลอย ๆ แล้วทั้งสองคนก็เงียบเสียงลง
“เดี๋ยวไปยืดผมดีกว่า เบื่อให้ผมหยิก ๆ แบบนี้แล้ว” เธอยกมือขึ้นลูบผมตัวเองรำพึงรำพัน
“ไปทำตัวให้สวย ๆ เข้า แล้วไอ้แว่นหนา ๆ เนี่ยก็เอาออกซะ ไปหาคอนแทกต์เลนส์มาใส่ เพื่อพี่เล็กนั่นจะได้หันมาปิ๊งแก”
“......................” เงียบไม่มีเสียงตอบ