“ชมพูลูกรัก เรียกคุณน้อยก็ได้ เอ... เรียกแม่น้อยสินะ”
“ค่ะ ต้องเรียกแม่น้อย” เธอส่งสายตายินดีออกมาอย่างแท้จริง
“ฝากไปหอมแก้มแม่น้อยด้วยนะคะ ขอบคุณที่มีความคิดดี ๆ”
ฟอด... ชมพูหอมแก้มของพ่อยกใหญ่
“รักพ่อจัง รักแม่น้อยด้วย”
“เรานี่มันช่างประจบจริง ๆ พ่อบอกคุณน้อยแล้ว ว่ามาเจอลูก เธอต้องรักลูก”
“มันแน่อยู่แล้วค่ะคุณพ่อ ไม่มีใครน่ารักเท่ากับชมพูอีกแล้วค่ะ”
“จ้ะ”
คุณพ่อต้องตอบคำถามของลูกสาวช่างซักไปเสียทุกเรื่อง กว่าจะได้ออกจากห้องนอนของพิมพ์เพชร คุณคชาก็เล่าเรื่องราวของภรินทรเท่าที่รู้มาอย่างหมดเปลือก
สี่เดือนต่อมา
“อะไรกันนี่ ยายน้อย แกยังเห็นฉันเป็นแม่อยู่อีกเหรอ” คุณม่านฟ้าต่อว่า เมื่อได้ยินเรื่องราวของลูกสาวจากปากของเธอเอง
(“ก็เพราะว่าหนูเห็นว่าแม่เป็นแม่ไงคะ หนูถึงได้บอก”)
“ใช่ ฉันเป็นแม่ของแก แกจะแต่งงานใหม่ โดยที่แกไม่คิดจะพาผัวแกมาพบมาเจอหน้าแม่กับลูกชายของแกก่อน ถ้าตาเล็กรู้จะเสียใจแค่ไหน”
(“แม่คะ ชีวิตเป็นของหนูนะคะ”)
“ก็เพราะแกเห็นแก่ตัวไง แกเลยหาแต่ความสุขของตัวเอง”
(“แม่คะ ทำไมพูดแบบนี้ น้อยเสียใจนะคะ”)
“ยายน้อยลองทบทวนใหม่”
(“แม่คะ นี่เป็นวิธีเดียวที่น้อยจะได้หยุดงาน แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ และจะได้อยู่กับตาเล็ก”)
“เหรอ...ฉันนึกว่าที่แกจะแต่งงานใหม่ เพราะต้องการสนองความต้องการของแกเสียอีก”
(“แม่...”) ภรินทรเอ่ยออกมาอย่างน้อยอกน้อยใจ น้ำตาของเธอไหลพราก ๆ
“คิดว่าดีแล้ว ก็สุดแต่แกจะทำไป ฉันก็ขออวยพรให้แกโชคดี”
(“แม่คะ พูดเหมือนกับว่าจะ...”)
“ฉันจะขัดอะไรแกได้ ถ้าฉันขัดใจแกได้ตั้งแต่แรก แกคงไม่ทิ้งตาเล็กไป ตะลอน ๆ ทำงานต่างประเทศ แล้วทิ้งลูกไว้ให้ฉันเลี้ยงตั้งแต่ตัวแดง ๆ”
(“หนูรักแม่ แล้วหนูก็รักตาเล็กมาก”)
“ย่ะ ฉันจะพยายามเชื่อนะ”
(“แม่...”)
“แค่นี่แหละ ฉันคงได้เห็นหน้าผัวแก ก่อนที่แกจะจัดงานแต่งงานก็แล้วกัน” ดวงตาของคุณม่านฟ้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง นางน้ำตาคลอ
ตืด....... แล้วสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป
(“แม่คะ น้อยรักแม่มากที่สุดในโลก และน้อยก็รักลูกน้อยที่สุดในโลกเหมือนกัน”)
-----------------
คชาพบรักกับภรินทรตอนที่ไปติดต่องานที่เมืองฉงชิ่งในประเทศจีน ตอนนั้น ภรินทรตามนายฝรั่งของเธอมาจากฝรั่งเศส เพื่อดูทำเลทองสำหรับการสร้างโรงแรมห้าดาวในมหานครนี้
ส่วนคุณคชาที่กำลังมองหาสินค้าที่จะนำจากจีนส่งไปยังเวียดนาม ซึ่งเป็นธุรกิจที่เขาทำมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว
เขาประทับใจเธอตั้งแต่แรกเห็น และเมื่อได้เจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขาได้ยินเธอบ่นเป็นภาษาไทยตอนที่พนักงานเสิร์ฟมารับออร์เดอร์แต่ไม่ได้ดังใจ คชาได้แต่หัวเราะ เลยเดินเข้าไปช่วยสื่อสารให้กับภรินทร นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
ตอนนี้ทั้งสองอยู่ด้วยกันที่เวียดนาม คุณภรินทรตัดสินใจลาพักร้อน แต่ไม่กลับเมืองไทย ตัดสินใจเดินทางมาหาคชาก่อน เพื่อวางแผนอนาคตร่วมกัน ทั้งสองตกลงปลงใจกันว่าจะแต่งงานด้วยกัน
“เป็นอะไรน่ะคุณ หน้าเครียดจัง” คชานั่งลงใกล้ ๆ พร้อมกับโอบไหล่คนรัก
“คุณแม่น่ะค่ะ โกรธน้อยใหญ่เลย ไม่พอใจเรื่องที่น้อยจะแต่งงานกับคุณ”
คชามองสบตาแล้วจับมือของภรินทรเอาไว้แน่น
“จองตั๋วกลับเมืองไทย พรุ่งนี้เลยไหม จะได้พาผมไปรู้จักกับครอบครัวของคุณด้วย”
“โธ่...คุณคชาคะ คุณงานยุ่งจะตาย แค่น้อยมาเบียดเวลาทำงานของคุณเนี่ย น้อยก็รู้สึกแย่ที่สุดแล้ว”
“ใครบอกว่าคุณมาเบียดเวลาทำงานของผม ฮึ...”
“ก็น้อยบอกคุณอยู่นี่ไงคะ” เธอหัวเราะนิด ๆ
คชาโอบกอด แล้วจุมพิตไปที่หน้าผากมน
“ผมมีความสุขมากเลยรู้ไหม ผมดีใจมากแค่ไหนที่คุณรับปากที่จะแต่งงานกับผม ผมสัญญานะว่าจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด รวมถึงลูกชายและก็คุณแม่ของคุณด้วย” เขายิ้มหวานจากใจ
“น้อยก็เหนื่อยเหลือเกินค่ะ อยากพักผ่อนบ้างแล้ว เบื่อที่ต้องจากบ้าน ไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักคุ้นเคยสักคน แต่จะทำยังไงได้คะ นั่นคืองาน น้อยแค่อยากให้แม่กับลูกของน้อยสบาย”
“คุณดูเครียด ๆ นะ” เขาลูบผมปลอบอกปลอบใจ
“เฮ้อ...” ภรินทรถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
จุ๊บ... คชาจุมพิตที่ข้างแก้มนวล ตอนนี้มีหยาดน้ำตาไหลริน
“ร้องไห้ออกมาสิ เผื่อมันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น”
ภรินทรผละออกจากอ้อมแขนของเขา และเงยหน้าสบตากับเขา ยิ้มทั้งน้ำตา
“ขอโทษนะคะ”
“อ้าว... มาขอโทษผมทำไม คุณไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
เธอยิ้มแหย ๆ
“ก็ทำให้คุณเสียบรรยากาศโรแมนติกหมดนะสิคะ”
คชาหัวเราะเสียงดัง
“คุณเนี่ยดูข้างนอกแข็งแกร่งนะ แต่พอสัมผัสเข้าจริง ๆ อ่อนไหวง่ายเหมือนกัน”
“ค่ะ มันกดดันมากนะคะ ที่จะครองตัวอยู่คนเดียวจนป่านนี้”
“คุณรอผมใช่ไหม” เขาหยอกล้อ พลางยกนิ้วเช็ดน้ำตาให้
“มั้งคะ” เธอหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
คชาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะดึงร่างบางของภรินทรเข้าหาตัวเอง กอดกระชับกันแนบแน่น
“เอาเป็นว่า ผมจะจัดการขายหุ้น ขายทุกอย่าง แล้วรีบเคลียร์ทุกอย่างที่นี่ให้จบภายในสี่ห้าเดือน นะจ๊ะ...”
ฟอด...
“ค่ะ ฉันก็เหมือนกัน จะรีบจัดการทุกเรื่องให้เสร็จ ดีนะคะ ที่คุณฟรองชัวเขาเห็นใจน้อย”
“คุณให้เหตุผลว่าไง” เขาหัวเราะร่วน
“น้อยก็บอกว่า... กลับบ้าน แต่งงาน และจะทำหน้าที่เป็นแม่บ้านของคุณน่ะสิคะ”
“คุณฟรองชัวเนี่ยน่ารักจริง ๆ”
“เขาอวยพรให้ฉันมีความสุข”
“แล้วคุณจะมีความสุขมาก” คชาให้คำมั่น
สองคนตระกองกอดกันด้วยความรักและเข้าใจ พร้อมจะเดินหน้าสร้างความสุขในบั้นปลายให้กับชีวิตของตัวเอง
“สรุปจะกลับไปเรียนให้ได้ใช่ไหม” คุณยายทำสีหน้างอน ๆ
“ครับ” ภารันย์สวมกอดคุณยายด้วยความรัก
“เฮ้อ...ยายเป็นห่วงเล็กนะ”
“ผมรู้ครับ”
“อย่าไปทำอะไรโลดโผนเข้าใจไหม”
“เข็ดเลยครับคุณยาย”
พอได้ยินประโยคนี้ นางก็หัวเราะขึ้นมาทันใด
“สมน้ำหน้า...”
“แน่ะ...คุณยายอะ..พูดแบบนี้ก็ได้เหรอ...” เขาสัพยอกท่าน
“แม่เราโทรบอกเรื่องนั้นแล้วใช่ไหม” คำถามของคุณยายทำให้ภารันย์สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“ครับ”
“แล้วเล็กคิดยังไง”
“ผมมีสิทธิ์ออกความคิดเห็นด้วยเหรอครับ” ภารันย์ย้อนถามคุณยายกลับไป
“เล็ก...” คุณยายเรียกชื่อของเขา
“แม่น้อยรักเล็กมากนะ”
“ครับ แม่รักผมในสไตล์ของแม่ ซึ่งก็ไม่เหมือนแม่ของคนอื่น ๆ” คำพูดเต็มไปด้วยความน้อยใจ
“ยายผิดเองที่...เลี้ยงเล็กให้คิดแบบนี้”