ภาพบาดตาเป็นเหตุ...

2990 คำ
   รุ่งเช้า..เมฆินทร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาณรงค์ลูกน้องคนสนิท “รงค์..เช้านี้ฉันขอแลกเวรกับนายนะ เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะเข้าไป” “ได้ครับพี่” วางสายแล้วเขาก็รีบขับรถกลับบ้านตัวเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้เขาตั้งใจจะตามไปง้อไหมที่กองละครเขาจำได้ว่าวันนี้เธอมีคิวถ่ายละคร    เมื่อเมฆินทร์มาถึงกองละคร "กลรักกลลวง" มธุรดากำลังรอเข้าฉาก เขาเข้าไปสวัสดีทักทายผู้กำกับละครและทีมงานโดยไม่ให้มธุรดาเห็น และขออนุญาตนั่งดูการถ่ายทำ ระหว่างที่ไหมรอเข้าฉาก เขาเห็นเธอพูดคุยหัวเราะต่อกระซิกดูสนิทสนมกับนักแสดงหนุ่มหุ่นล่ำสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง “(ไอ้หมอนั่นก็นะ จับหัวจับแขนน้องไหมซะจนน่าต่อยหน้าจริงๆ แล้วฉากที่กำลังถ่ายทำเป็นฉากที่หมอนั่นปล้ำจะจูบน้องไหมอีก..แฟนกู!) ” เมฆินทร์นั่งจ้องมองอย่างรู้สึกขัดใจ เขานั่งมองไปก็กำหมัดแน่น รู้สึกเหมือนจะเสียคนรักไป เขาจะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้นเด็ดขาด ครู่หนึ่งพัสกรนักแสดงหนุ่มรายนั้นก็เดินตรงมายังที่เมฆินทร์กำลังนั่งอยู่ “เอ่อ..คุณ..คุณเมฆินทร์ที่ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันก่อนใช่มั้ยครับ ผมขอนั่งด้วยนะครับ” “ครับ เชิญ!” (แต่ทางที่ดีมึงควรจะไปนั่งให้ไกลหูไกลตากูจะดีกว่านะ) เมฆินนทร์นั่งหน้าขรึมกำหมัดแน่น คิดอย่างขุ่นเคือง “คุณเมฆินทร์นี่สุดยอดเลยนะครับ กล้าออกมาแถลงข่าวอย่างตรงไปตรงมาแบบนั้น น้องไหมนี่เป็นผู้หญิงที่โชคดีจริงๆ” “เรียกผมว่า..เมฆก็ได้ครับ” “ผมชื่อพัส ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ เราน่าจะรุ่นๆ เดียวกัน” พัสกรยื่นมือออกมาทักทาย เมฆินทร์เลี่ยงไม่ได้ จึงจำยอมยื่นมือออกไปให้เขาจับ “มือคุณเมฆดูแข็งแรงมาก เล่นเวทย์เหรอครับ” “ก็เล่นบ้างธรรมดาของผู้ชาย” (เมื่อไหร่มึงจะปล่อยมือกู!) พัสกรยังคงจับมือเขาอยู่จนเมฆต้องดึงมือกลับมา “ผมรู้จักกับน้องไหมมาตั้งแต่ผมยังเป็นตัวประกอบ” “เหรอครับ” (ไม่ต้องมาข่ม..เพิ่งรู้จักแต่ได้เป็นแฟนแล้วโว๊ยยย!) “น้องไหมน่ารักเป็นกันเองมาก” เมฆินทร์นั่งฟังพัสกรพูดอย่างเคืองๆ “ครับ” “น่าเสียดาย..” พัสกรพูดออกได้แค่นั้นผู้กำกับก็เรียกเขาไปเข้าฉากต่อ “ (มึงเสียดายอะไร! อย่าคิดมาแย่งแฟนกูนะ!) ” เขาคิดอย่างขุ่นเคือง “ผมขอตัวไปเข้าฉากก่อนนะครับ” พัสกรเอามือแตะไหล่ ลูบบ่า เมฆินทร์เบาๆ “(มึงจะไปไหนก็เชิญ) ” ไม่นานเขาก็เห็นมธุรดาเดินออกจากฉากในขณะที่พัสกรเดินเข้าไป ไอ้หมอนั่นยังเข้าไปกอดลูบหลังเธออีก! มธุรดาเดินตรงไปยังห้องห้องหนึ่ง เมฆินทร์รีบลุกก้าวตามเธอไป ...ห้องแต่งตัวนักแสดง...      มธุรดาก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัว โดยที่เธอไม่ทันสังเกตว่ามีใครเดินตามเธอมา.. “น้องไหม!” เมฆินทร์เอ่ยเรียกเธอเสียงขุ่น “นาย! นายมาทำอะไรที่นี่” มธุรดาถามออกไปด้วยความตกใจที่เจอเมฆในห้องแต่งตัว และวันนี้เขายังใส่ชุดมาเต็มยศอีกด้วย “ไอ้หมอนั่นเป็นใคร!” เขาตั้งใจจะมาง้อ มาคุยดีๆ กับเธอ แต่เห็นภาพบาดตาบาดใจนั่นเข้าไป เขาระงับอารมณ์ไม่อยู่จริงๆ “หมอนั่นของนายน่ะใคร..ที่นี่ไม่มีหมอ” “อย่ามายอกย้อนพี่นะคะ ก็คนที่น้องไหมยืนให้มันกอดจูบลูบคลำกลางกองน่ะ” “เพี๊ยะ! นายอย่ามาพูดจาทุเรศๆ แบบนี้นะ ฉันมาถ่ายละคร ไม่ได้มากอดจูบผู้ชาย!” มธุรดาตบหน้าเมฆินทร์พร้อมกับพูดใส่หน้าเขาก่อนจะหันไปหยิบเสื้อผ้าจะนำไปเปลี่ยน แต่เมฆินทร์กลับเอื้อมมือมาดึงแขนและกระชากตัวเธอให้หันไปเผชิญหน้ากับเขา “น้องไหมคงจะเคยชินกับเรื่องแบบนี้สินะ!” เขาต่อว่ามธุรดาก่อนจะก้มหน้าลงประชิดใบหน้าเธอ มธุรดาพยายามเบี่ยงหน้าหนี เพื่อหลบริมฝีปากของเมฆินทร์พร้อมกับส่งเสียงห้าม.. “อย่านะ! อย่ามาทำรุ่มร่ามป่าเถื่อนแบบนี้กับฉัน” แต่เขาหาได้หยุดตามเสียงห้ามของเธอ เมฆินทร์เอามือบีบคางมธุรดาไว้ไม่ให้เธอหันหน้าหนี ก่อนที่เขาจะประกบริมฝีปากหนาลงจูบบดขยี้ริมฝีปากนุ่มของเธออย่างดุดันเร่าร้อนด้วยอารมณ์หึงหวง “ฮื้อออ..” มธุรดาพยายามทุบไหล่ ผลักหน้าเมฆินทร์ออก แต่อีกมือของเขาก็บีบแขนเธอเอาไว้แน่น ก่อนที่เธอจะเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก ขารู้สึกไร้เรี่ยวแรง แทบจะไม่มีแรงยืน จนในที่สุดเธอก็หมดสติไปในอ้อมแขนของเขา เมฆินทร์เมื่อรับรู้ได้ว่ามธุรดาสลบไป เขาก็รีบพยุงตัวเธอไปนั่งเอนบนโซฟาใกล้ๆ “น้องไหม! น้องไหมคะ” เขาพยายามเรียกเธอด้วยความตกใจที่เธอเป็นลมหมดสติไป เมฆินทร์ลูบแก้มเธอเบาๆ จนเวลาผ่านไประยะหนึ่ง มธุรดาก็เริ่มรู้สึกตัว เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นผู้กำกับนั่งอยู่ตรงหน้าและคนต้นเหตุก็นั่งจ้องมองเธออยู่ “ไหมเป็นยังไงบ้าง อากาศคงจะร้อนจนเป็นลม หน้าแดงเชียว” “เอ่อ..ไหม..ไหม..” มธุรดารู้สึกใบหน้าของเธอร้อนผ่าว เธอนั่งเม้มริมฝีปากตัวเองแน่น พลางก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเป็นลม หน้าก็ยิ่งรู้สึกร้อนมากขึ้น อายก็อาย โกรธก็โกรธ (จูบแรกของฉัน!) “ไหมจะถ่ายต่อไหวมั้ย หรือจะให้พี่สั่งพักกอง” “ไม่เป็นไรค่ะ ไหวค่ะ ไหว เดี๋ยวไหมขอไปล้างหน้าหน่อยนะคะ” เธอบอกแบบนั้น ผู้กำกับจึงออกไปรอหน้าฉาก ในห้องแต่งตัวจึงมีแค่เธอกับเมฆินทร์ มธุรดาจึงหันไปต่อว่าเขา “นาย..นายมันคนฉวยโอกาส ไม่เป็นสุภาพบุรุษ” “ก็น้องไหมทำให้พี่หึง!” “นายกลับไปซะ อย่ามาวุ่นวายมาทำป่าเถื่อนแบบนั้นกับฉันอีก!” “น้องไหมอย่าไล่พี่แบบไม่มีเยื่อใยสิคะ พี่ใจไม่ดี พี่ไม่ยอมเสียน้องไหมไปเด็ดขาด” “นั่นก็เรื่องของนาย ไม่เกี่ยวกับฉัน” “น้องไหมจะโกรธพี่ กับเรื่องที่พี่ไม่ได้อธิบายความจริง จนถึงขั้นจะตัดขาดความสัมพันธ์ของเราเลยเหรอคะ” “เรื่องแค่นั้นนายยังปิดบังโกหก แล้วเรื่องอื่นๆ ล่ะ” “พี่ไม่ได้ตั้งใจ แต่เหตุการณ์มันพาไป” “นายอย่าพยายามแก้ตัวเลยและอย่ามารบกวนที่นี่อีก ฉันจะทำงาน” พูดจบมธุรดาก็ออกไปเข้าฉาก เจมส์ (พระเอกละคร) ก็เดินสวนเข้ามา.. “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณกับไหมมีเรื่องอะไรไม่เข้าใจกัน นักแสดงแต่ละคนไม่ได้ปล่อยตัวหรือเป็นอย่างที่คุณคิด ละครที่ไหมแสดง..ปกติจะใช้มุมกล้อง ไม่ได้จูบจริง ๆ อย่างที่..คุณทำ!” เจมส์พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ เมฆินทร์ก็เพิ่งจะเข้าใจเดี๋ยวนี้เองถึงสาเหตุที่มธุรดาเป็นลม “ถ้าคุณใจร้อน ใช้แต่อารมณ์ ถ้าไม่ได้เป็นผม แต่เป็นนักข่าวที่มาเห็นการกระทำคุณ..คนที่จะเสียหายเสียชื่อเสียงก็คือคนที่คุณรัก” “ผมต้องขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นและขอบคุณคุณที่เตือนสติผม” “ผมพอจะดูออกว่าคุณรักไหมมาก แต่คิดจะทำอะไรก็คิดให้รอบคอบและให้เกียรติคนที่คุณรักมากๆ นะครับ” เจมส์แนะนำ “ขอบคุณนะครับ” เมฆินทร์ขอบคุณเจมส์อย่างจริงใจ    เมฆินทร์ต้องรีบกลับไปทำงานทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจกัน มธุรดาก็ยังคงโกรธเขาอยู่ และท่าทางเธอจะโกรธหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก จนเขารู้สึกว่าใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เขาไม่เคยรู้สึกกลัวอะไร แต่ครั้งนี้เขากลัวใจของมธุรดาจริง ๆ หลังจากเลิกงาน ออกเวรแล้วเมฆินทร์ก็รีบขับรถมาจอดหน้าบ้านของมธุรดา เขาเข้ามาคุยกับมธุรสและยื่นซองบางอย่างให้แม่ของเธอไว้ ก่อนที่เขาจะกลับออกมานอนในรถเช่นเดิม...       เช้าวันถัดมา..มธุรสเข้ามาหามธุรดาในห้องนอน เธอเห็นลูกสาวกำลังยืนจับผ้าม่านอยู่ตรงหน้าต่าง กำลังมองอะไรบางอย่าง.. “ไหมมองหาอะไรเหรอลูก..” “เอ่อ..เปล่าค่ะ” มธุรดารีบปล่อยมือออกจากผ้าม่าน แล้วเดินออกห่างจากหน้าต่าง ทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่มีอะไร “ถ้าไหมมองหาตาเมฆ พี่เขากลับไปตั้งแต่รุ่งเช้าแล้วจ้ะ น่าจะรีบไปทำงาน” แม่พูดอย่างรู้ทัน “ไหมเปล่ามองหานายนั่นนะคะแม่” เธอตอบแม่เสียงแข็ง “ไม่ได้มอง ก็ไม่มองจ้ะ” แม่อมยิ้มส่ายหัวเบาๆกับความหัวดื้อปากแข็งของลูกสาว “เมื่อไหร่ไหมจะหายงอนพี่เขาล่ะลูก ดูสิต้องมานอนในรถเฝ้าไหมที่หน้าบ้านทุกคืน” “ไหมไม่ได้งอนค่ะ แต่ไหมโกรธ! ไหมไม่ยอมยกโทษให้เขาง่ายๆ หรอกนะคะ แม่เข้ามาหาไหมตั้งแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามอย่างสงสัย “มีการ์ดเชิญให้ไหมไปร่วมเดินแบบงานการกุศล ไหมสนใจจะไปร่วมงานมั้ยลูก” แม่เหมียวยื่นการ์ดเชิญให้เธอดู “งานเดินแบบผ้าไทย รายได้เข้าโครงการเด็กไทยห่างไกลยาเสพติด” เธอเปิดอ่านอย่างสนใจก่อนจะหันไปบอกกับแม่ “งานกุศลดีๆแบบนี้..เราต้องไปช่วยสิคะแม่ พรุ่งนี้ไม่มีคิวละครพอดีเลยค่ะ แม่ไปกับไหมด้วยนะคะ” “ได้สิจ๊ะลูก”       เช้าวันต่อมา..มธุรดากับแม่ขับรถไปยังห้องเสื้อแห่งหนึ่งที่จัดงานการกุศลเดินแบบแฟชั่นโชว์ผ้าไทยประยุกต์เพื่อนำเงินเข้าโครงการเด็กไทยห่างไกลยาเสพติด เมื่อมาถึงงาน คุณศศิเจ้าของห้องเสื้อก็ออกมาต้อนรับและเดินนำเธอไปยังห้องแต่งตัวเพื่อแต่งหน้าทำผมเปลี่ยนเสื้อผ้า “แม่ขอไปนั่งรอดูไหมที่หน้าเวทีนะลูก” แม่เหมียวบอกกับมธุรดา “ได้ค่ะแม่” แล้วเธอก็เดินตามคุณศศิไป “น้องไหมเชิญห้องนี้นะคะ” ศศิบอกพร้อมกับเปิดประตูให้เธอ “อ้าว! แล้วนางแบบคนอื่นๆละคะ” “อีกห้องหนึ่งเต็มแล้วน่ะค่ะ พี่กลัวว่าน้องไหมจะอึดอัด เลยให้ใช้ห้องนี้แทน นี่ค่ะชุด” ศศิยื่นชุดให้มธุรดาแล้วก้าวออกไป       มธุรดามองชุดที่ถือก่อนจะเดินไปเปลี่ยนยังห้องด้านใน เธอเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วก็ก้าวออกมายังห้องแต่งตัว และก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเมฆินทร์ยืนอยู่หน้ากระจก  “นาย! นายมาที่นี่ได้ยังไง”       เมฆินทร์หันมาตามเสียงที่เขาคุ้นหู มธุรดาอยู่ในชุดผ้าไหมสีครีมอ่อนๆ แบบการตัดเย็บที่สวยเก๋ทันสมัย ช่างเข้ากับเธอจริงๆ ทั้งสวยและหวาน เขายืนตะลึงมองมธุรดาเพลินจนเธอต้องเรียกเขาอีกครั้ง “นายศาลาวัด!” “อ๋อ..พี่สารวัตรค่ะ เป็นคนนำเสนอโครงการนี้ และมาเป็นบอดี้การ์ดให้น้องไหมด้วยไงคะ” “นี่นายหลอกให้ฉันมางานนี้ใช่มั้ย” มธุรดาถามด้วยความโกรธแล้วจะเดินออกจากห้อง แต่เมฆินทร์ขยับมาขวางหน้าเธอเอาไว้ “น้องไหมจะไปไหนคะ” “ฉันจะกลับบ้าน!” “แต่น้องไหมยังไม่ได้เดินแบบเลยนะคะ” “คงไม่จำเป็นต้องเดินแล้ว”มธุรดาหันซ้ายมองขวาหาทางหลีกเขา เธอก็นึกสงสัยอยู่ว่าทำไมห้องแต่งตัวของเธอถึงแยกออกมาจากคนอื่นๆ เพราะแบบนี้นี่เอง เธอจะก้าวไปทางซ้าย เมฆินทร์ก็ขยับมาดักทางซ้าย พอเธอไปทางขวาเขาก็ดักทางขวา ก่อนที่เมฆินทร์จะก้าวเข้าหาเธอ เธอก็ถอยหลังไปเรื่อยๆ จนแผ่นหลังชนกับผนังห้อง เมฆินทร์ก็เอามือทั้งสองข้างยันผนังห้องใช้แขนกั้นไว้ไม่ให้เธอหนีเขาไปไหนได้อีก “นายจะทำอะไร” “น้องไหมกลัวว่าพี่จะทำเหมือนวันนั้นอีกเหรอคะ” “ฉันไม่ได้กลัว! นายหลีกไปนะฉันจะออกไปข้างนอก” เธอพูดไปหัวใจก็เต้นแรงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น “ถ้าไม่กลัวก็คุยกับพี่ก่อนนะคะ” เมฆินทร์แกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้างามของมธุรดา “นายคิดจะทำอะไรน่ะ อย่านะ!” เธอยกมือขึ้นยันอกเขาไว้ เมื่อหน้าของเขายิ่งขยับใกล้เข้ามา “พี่ก็อยากจะทำ..เหมือนวันนั้นไงคะ” “ไม่ได้นะ! ถ้านายทำอะไร ฉันจะตะโกนให้คนในงานมาช่วย” “เราอยู่กันแค่สองคน ไม่มีใครเข้ามายุ่งหรอกค่ะ” เขาไม่คิดว่าเธอจะกล้าร้องขอความช่วยเหลือขากคนอื่นจริงๆ เขาคิดถึงเธอ แค่อยากจะคุย อยากจะแหย่เธอเล่น “ช่วยด้วยยย..ช่วยด้วยค่ะ..ช่วย!” เธอร้องออกมาได้แค่นั้น เขาก็รีบเอามือตะปบปิดปากเธอไว้ไม่ให้เสียงตะโกนของเธอ ดังเล็ดลอดออกไปนอกห้อง “น้องไหมจะร้องตะโกนให้คนอื่นมาช่วยทำไม พี่ไม่ใช่คนร้ายเสียหน่อย อย่าร้องอีกนะคะ” เขาค่อยๆคลายมือออกจากปากเธอ “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!” มธุรดาคิดว่าอยู่กับเขาเพียงสองคน เธอเสียเปรียบเขาแน่นอน เธอพยายามผลักอกเขาออกและร้องตะโกนดังขึ้นกว่าเดิม       เมฆินทร์ไม่รู้จะห้ามมธุรดายังไง เขาจึงก้มลงประกบริมฝีปากปิดปากเธอเอาไว้ ยิ่งเธอพยายามจะเบี่ยงหน้าหนีผลักไสเขาเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งจูบบดขยี้ปากอิ่มของเธอ พอเขาถอนริมฝีปากออก เธอก็ต่อว่าเขาทันที “ไอ้คนฉวยโอกาส ไอ้..” มธุรดาต่อว่าเขาออกมาได้แค่นั้น เมฆินทร์ก็ก้มลงจูบปิดปากเธออีกครั้ง ไม่ให้เธอได้ต่อว่าเขาอีก (นี่แค่เธอไม่ยอมรับโทรศัพท์เขาแค่วันสองวัน เขายังคิดถึงเธอจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน)        เมฆินทร์จูบแล้วจูบอีกด้วยความคิดถึง จนมธุรดารู้สึกหายใจไม่ทัน ขารู้สึกอ่อนแรงแทบจะยืนทรงตัวไม่ได้เขาก็ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกช้าๆ และคลอเคลียไปกระซิบข้างหูของเธอ “ทีนี้จะพูดและยอมฟังพี่ดีๆ ได้หรือยังคะ” “ถ้านายล่วงเกินฉันอีก ฉันจะแจ้งตำรวจ!” เธอโกรธและรู้สึกหงุดหงิดที่ทำอะไรเขาไม่ได้ “แจ้งมาได้เลยค่ะ ก็พี่นี่ไงคะเป็นตำรวจ” “ฮึ้ย!” มธุรดาได้แต่ฟึดฟัดในลำคอ รู้สึกอึดอัดขัดใจ   เมฆินทร์จะก้มลงจูบมธุรดาอีกครั้ง แต่เขาได้ยินเสียงคนเดินมาเปิดประตู.. ทั้งคู่จึงผละออกจากกัน จนศศิเดินเข้ามาในห้อง “อ้าว! คุณเมฆ เข้ามาทำอะไรในนี้คะ” “เอ่อ..ผม..ผมมาตรวจดูความปลอดภัยน่ะครับ” “แล้ว..ปากคุณเมฆไปโดนอะไรมาเหรอคะ”   เมฆินทร์เอามือแตะปากตัวเองโดยอัตโนมัติทันที และคิด.. (“สงสัยจะเปื้อนลิปสติกของน้องไหมตอนที่เขาจูบเธอแน่ ๆ”) มธุรดาเมื่อได้ยินศศิถามเมฆินทร์อย่างนั้น เธอก็เบือนหน้าหลบไปอีกฝั่งอย่างอายๆ แล้วรอฟัง ลุ้นว่าเมฆินทร์จะตอบไปว่ายังไง “เอ่อ..ผม..ผมเพิ่งทานเค้กมาน่ะครับ ครีมคงจะเลอะปาก” เขาตอบอึกอัก ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปากของตัวเอง “คนเจ้าเล่ห์!” มธุรดาพึมพำออกมาเบาๆ “น้องไหมแต่งตัวใกล้เสร็จหรือยังคะ งานใกล้จะเริ่มแล้ว” ศศิหันไปถามมธุรดาจนเธอสะดุ้ง “เอ่อ..ขอไหมเติมแป้งทาปากอีกนิดก็เสร็จแล้วค่ะ” เธอตอบออกมาโดยไม่หันไป “ผมขอออกไปตรวจความพร้อมข้างนอกก่อนนะครับ” เมฆินทร์บอกคุณศศิ “ค่ะคุณเมฆ เดี๋ยวฉันกับน้องไหมจะตามออกไปค่ะ”       การเดินแบบการกุศลผ่านไปอย่างราบรื่นสวยงาม มธุรดาต้องไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัว เธอจึงชวนแม่เข้าไปด้วยเพราะกลัวว่าเมฆินทร์จะไปดักรอเธออีก “แม่ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่ตามไป” “ได้ค่ะแม่”       มธุรดาก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัวอย่างระแวดระวัง ก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมา เมื่อไม่เห็นเมฆินทร์อยู่ด้านใน “น้องไหมมองหาพี่อยู่เหรอคะ” “อุ๊ย! นาย!” เขามายืนอยู่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน       เมฆินทร์ไม่ตอบแต่กลับรวบตัวมธุรดาเข้าไปกอดไว้ทันที “น้องไหมฟังพี่ก่อนนะคะ พี่อยากจะขอโทษกับสิ่งที่ทำให้น้องไหมเสียใจ” “ฉันไม่ฟัง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” “พี่ไม่ปล่อย จนกว่าน้องไหมจะยกโทษให้พี่” เขากอดรัดมธุรดา และพยายามจะกอดจูบเธอ “ตาเมฆ!” มธุรสมาเห็นภาพตรงหน้าก็ตกใจ “แม่!..คุณแม่!” มธุรดากับเมฆินทร์ก็พูดออกมาพร้อมกัน เขารีบปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน “เมฆทำอย่างนี้ไม่สมควรนะลูก น้องเป็นผู้หญิง ใครมาเห็นเข้าจะเสียหาย แม่ไม่คิดเลยว่าเมฆจะทำแบบนี้.. ไหมไปรอแม่ที่รถนะลูก แม่ขอคุยอะไรกับตาเมฆหน่อย” “ค่ะแม่” จนมธุรดาเปลี่ยนเสื้อผ้าก้าวออกจากห้องไปแล้ว มธุรสก็พูดบางอย่างกับเมฆินทร์ แล้วตามลูกสาวไปที่รถ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม