1สัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่งานการกุศลในวันนั้น.. เมฆินทร์ก็ไม่มาตามตื้อ ไม่มาวอแวกับมธุรดาอีกเลย แต่เธอยังเห็นเขามาจอดรถนอนที่หน้าบ้านของเธอทุกคืน รุ่งเช้าก็หายไปเช่นเดิมทุกวัน
จนกระทั่งวันนี้..มธุรดามีงานเดินแบบแฟชั่นโชว์ชุดแต่งงานที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งตั้งแต่เช้า ขณะที่มธุรดานั่งแต่งหน้าทำผมอยู่ในห้องของโรงแรมนั้น เธอก็พูดคุยกับแม่ด้วยความสงสัย
“ทำไมงานเริ่มเช้าจังเลยล่ะคะแม่ 8โมงจะมีใครมาชม”
“เดี๋ยวไม่ทันฤกษ์ทำพิธีน่ะลูก”
“เดินแบบ มีฤกษ์ทำพิธีอะไรเหรอคะ”
“ฤกษ์..พิธีเปิดงานน่ะลูก”
“แล้วทำไมแม่แต่งตัวเข้าชุดกับไหมแบบนี้..อย่างกับแม่จะไปเดินแบบกับไหมด้วยน่ะค่ะ” เธอแซวแม่ยิ้ม ๆ
“ใช่จ้ะลูก ทางงานจัดเตรียมไว้ให้แม่ แม่ภูมิใจและดีใจมากที่ได้ชื่นชมลูกสาวของแม่ในวันนี้..” มธุรสพูดไปก็น้ำตาคลอ
“แม่พูดอย่างกับว่าไหมกำลังจะแต่งงานจริงๆ อย่างนั้นแหล่ะ เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ”
“เอ่อ..แม่ขอไปดูความเรียบร้อยภายในงานก่อนนะลูก เดี๋ยวใกล้ๆ 9โมง แม่จะให้คนมารับไหมเข้าไปในงาน”
“ค่ะแม่”
...จนกระทั่งเวลา 8.50น.
“อ้าว! นัช แกก็มาเดินแบบงานนี้ด้วยเหรอ”
“ฉันจะไม่มาได้ยังไงยะ ดีใจด้วยนะ ไปกันเถอะ ได้เวลาแล้ว..” ณัชชาจูงมือมธุรดาเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
“ดีใจอะไร ฉันไม่เข้าใจ” เธอถามเพื่อนอย่าง งงๆ สงสัย
“เดี๋ยวก็รู้แล้วหน่า มาเร็ว..”
จากห้องแต่งตัว มธุรดาก้าวตามณัชชามายังห้องบอลรูมของโรงแรม ระหว่างทางเดินถูกเนรมิตเป็นอุโมงดอกไม้สีขาวสลับกับสีเขียวสวยงาม และมีอักษรย่อ M & M เป็นระยะๆ มธุรดาคิ้วเริ่มขมวด เธอมองด้วยความเอะใจสงสัย ก่อนจะชะงักเท้าดึงมือเพื่อนให้หยุด
“เดี๋ยวนัช! นี่มัน..” เธอเอ่ยถามณัชชา แต่เพื่อนกลับรีบลากจูงมือเธอก้าวต่อไปเรื่อยๆ จนมาถึงปลายทางอุโมงค์ดอกไม้ ป้ายชื่อที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้าของเธอ..
“ มธุรดา ❤ เมฆินทร์ ”ใช่เลย..เธอไม่ต้องสงสัยอะไรอีกแล้ว นายตัวดีก็นั่งยิ้มหน้าบานอยู่ตรงนั้น! นี่เธอกำลังโดนเขามัดมือชกใช่มั้ยยย..
↪เหตุการณ์เมื่อ1สัปดาห์ก่อนหน้านี้..เมฆินทร์พาพ่อแม่ของเขาไปปรึกษาพูดคุยกับแม่ของมธุรดา เขาขอแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เขากระทำลงไป ในขณะที่เธอไปถ่ายละคร
“จะดีเหรอคะ จะดีเหรอตาเมฆ ไหมไม่ชอบการบีบบังคับนะ เดี๋ยวไหมก็โกรธก็งอนแม่ด้วยอีกคนหรอกค่ะ”
“นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วครับคุณแม่ เป็นสิ่งที่ผมจะแสดงให้ทุกคนและน้องไหมรู้ว่าผมจริงใจและรักเธอจริงๆ และผมมั่นใจว่าน้องไหมก็รักผมเช่นกัน แต่ตอนนี้เธอกำลังโกรธกำลังงอนเลยปากแข็งไม่ยอมรับ มีวิธีนี้วิธีเดียวที่จะทำให้เธอยอมรับและผมจะได้ง้อเธอได้อย่างไม่ต้องกลัวคำครหาจากคนภายนอกทั่วไป” เมฆินทร์พูดอย่างจริงจัง
“แม่รู้ว่าไหมก็รักตาเมฆมาก ถ้าไม่รักก็คงจะไม่โกรธถึงขนาดนี้ แต่..”
“ผมขอสัญญาด้วยเกียรติของนายตร.และลูกผู้ชายที่รักน้องไหม ผมจะปกป้องและดูแลน้องไหมให้ดีที่สุด ผมจะไม่ทำให้น้องไหมเสียใจอีกครับ” เมฆินทร์ยืนยันหนักแน่น พูดออกมาจากใจจริง
“เฮ้อ! เมื่อทุกคนเห็นพ้องตรงกันก็แล้วแต่ตาเมฆก็แล้วกัน” มธุรสมองหน้ามนัส ดารณี และเมฆินทร์ ก่อนจะยอมร่วมมือด้วย
↪เหตุการณ์เมื่อเช้า...
8.00 น. ขบวนขันหมากแห่ฝ่าด่านประตูเงินประตูทอง
8.30 น. เชิญขันหมาก หลังจากต้อนรับขบวนขันหมากแล้ว นำขบวนเข้าสู่จุดประกอบพิธีคนถือพานขันหมากเอก – โท คู่พานสินสอดกับพานแหวนหมั้น นำพานไปวางไว้ในจุดประกอบพิธี เมฆถือพานธูปเทียนแพไว้ ส่วนพานอื่น ๆ วางเรียงอย่างเป็นระเบียบในจุดที่จัดไว้ และเชิญญาติผู้ใหญ่นั่งประจำที่
8.40 น. พิธีนับสินสอด หลังจากเจรจาสู่ขอเรียบร้อยแล้ว เป็นการเปิดพานนับสินสอด จากนั้นโปรยถั่ว งา ข้าวตอก ดอกไม้ แล้วมธุรสแม่เจ้าสาวก็รวบห่อสินสอด จากนั้นก็ส่งณัชชาไปรับมธุรดามายังห้องพิธี
ณ เวลานี้ 9.00 น. เตรียมพิธีหมั้น ฤกษ์สวมแหวนคือ 9.09 น.
9.00 น. ณัชชาไปรับมธุรดามาถึงโถงทำพิธี
มธุรดายืนงุนงงทำอะไรไม่ถูกเพราะเธอโดนเมฆินทร์รวบรัดมัดมือชก มธุรสลุกจากเก้าอี้มาจูงมือลูกสาว ให้เข้าไปนั่งตรงลานพิธี
“แม่คะ..” มธุรดาหันไปเอ่ยกับแม่ได้แค่นั้น แม่ของเธอก็พยักหน้าให้เธอนั่งลงใกล้ๆ เมฆินทร์เพื่อประกอบพิธี
“ใกล้ฤกษ์สวมแหวนแล้วนะลูก”
มธุรดาไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธหรือพูดอะไรอีกเลย เธอรู้สึกตกกระใดพลอยโจนไปกับเมฆอนทร์คนเจ้าเล่ห์ ที่ขณะนี้ เขากำลังถือพานธูปเทียนแพอยู่ และหันมายิ้มอ่อนโยนแล้วพยักหน้าให้เธอ ทั้งสองคลานเข่าไปกราบผู้ใหญ่อย่างสวยงามก่อนจะนั่งเรียบร้อย พร้อมสวมแหวน
“ฉันฝากไว้ก่อนนะ นายศาลาวัด!” มธุรดากัดฟันพูดกับเมฆินทร์ให้ได้ยินกันเพียงสองคน
“ได้เลยค่ะ พี่รับฝากตลอดชีวิต” เขายิ้มเจ้าเล่ห์อย่างเป็นต่อ แถมยังยักคิ้วหลิ่วตาให้เธออีก
เวลา 9.09 น. เมฆินทร์จับมือซ้ายของมธุรดาขึ้นมาอย่างนุ่มนวลและบรรจงสวมแหวนเพชรใส่นิ้วนางข้างซ้ายให้เธอช้าๆ อย่างอ่อนโยน พร้อมกับยิ้มหวานและยกมือเธอขึ้นมาจุมพิตเบาๆ ให้ช่างภาพกดชัตเตอร์เก็บภาพก่อนที่มธุรดาจะดึงมือเธอกลับไป เมฆินทร์เลือกขนาดแหวนได้อย่างพอดี ("นิ้วก้อยของเขาเท่ากับนิ้วนางของเธอ")
จังหวะที่ช่างภาพเก็บภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวกับญาติทั้งสองฝ่าย เมฆินทร์ก็ขยับไปนั่งแนบชิดกับมธุรดา เธอจึงหยิกขาของเขาด้วยความหมั่นไส้
“ฟอด~” เมฆินทร์ก็ถือโอกาสหันไปหอมแก้มนุ่มของเธอฟอดใหญ่เป็นการเอาคืน
“นาย!” มธุรดาหันไปมองดุเขาด้วยสายตา เมฆินทร์จึงได้จังหวะ ขโมยหอมแก้มเธออีกข้างหนึ่ง เธอไม่ทันความเจ้าเล่ห์ของเขา จึงได้แต่ทำหน้าค้อนใส่เขาด้วยความขัดใจ
9.30 น. พิธีสงฆ์ นิมนต์พระมาสวดมนต์ให้พรเพื่อความเป็นสิริมงคล ถวายเพล รับศีล พร้อมเก็บน้ำมนต์ก้นบาตรไว้ใช้ในพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์
ระหว่างรอพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ มธุรดาก็มีโอกาสได้พูดกับเมฆินทร์
“นายนี่ร้ายมากจริงๆ เลยนะ เจ้าเล่ห์ช่างวางแผน ถ้าฉันจะล้มงานแต่งนี้ล่ะ”
“น้องไหมจะล้มทำไมคะ ทำพิธีมาครึ่งทางแล้ว เอาน่ะ แต่งๆไปเถอะนะคะ หรือว่าน้องไหมจะกล้าฉีกหน้าคุณแม่และคุณพ่อคุณแม่ของพี่ ไหนจะผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการบันเทิง และเพื่อนๆดารานักแสดง แฟนคลับทั้งงานอีก” มธุรดาก็เพิ่งสังเกตนี่เขาทำได้ยังไง อุบเธอเงียบ แต่เชิญแขกมามากมาย ทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผบ.กระทรวง ผู้ใหญ่ที่เธอเคารพ เพื่อนๆในวงการ แฟนคลับและนักข่าวอีกหลายสำนัก
“น้องไหมเก็บความสงสัย เก็บอารมณ์โกรธไว้ก่อนนะคะ หลังจากแต่งงานพี่ยอมให้น้องไหมลงโทษพี่ได้ทั้งชีวิตเลยค่ะ”
10.30 น.พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ แขกผู้หลักผู้ใหญ่ที่เมฆินทร์กับมธุรดาเคารพ และผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ให้ทั้งคู่ ทุกคนต่างอวยพรให้มีชีวิตคู่ที่ราบรื่นมีความสุข ณัชชาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้มธุรดา ฝ่ายเมฆินทร์มีทั้งกรุณ,หมอริทธิกรเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว และมีเพื่อนเจ้าสาวเพื่อนเจ้าบ่าวคนอื่นๆ อีก10กว่าคู่ ทั้งในวงการบันเทิงและตำรวจ
11.15 น.หลังจากพิธีหลั่งน้ำพุทธมนต์ผ่านไป เจ้าหน้าที่อำเภอก็เดินเข้ามายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ พร้อมกับเอกสารของทั้งคู่
“นี่นายมัดมือชกฉันยังไม่พอ ยังจะจดทะเบียนอีกด้วยเหรอ” เธอหันไปต่อว่าเขา
“เราจะได้เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายไงคะ” เมฆินทร์ประคองมธุรดากึ่งบังคับให้เธอเดินไปยังโต๊ะเพื่อเซ็นเอกสารจดทะเบียนสมรส เมฆินทร์เซ็นอย่างไม่ลังเล มธุรดามองหน้าเมฆินทร์ก่อนจะหันไปมองแม่ของเธอ เมื่อเห็นแม่พยักหน้า เธอจึงก้มลงเซ็นชื่อลงในเอกสารตรงหน้า เมฆินทร์ยิ้มกว้างเมื่อเจ้าหน้าที่ยื่นใบสมรสให้
“ผมขอเก็บไว้เองครับ” เขายื่นมือไปรับมาถือไว้ทั้งสองใบ ก่อนจะเชิญแขกไปยังห้องจัดเลี้ยง แล้วบังคับพามธุรดาไปเปลี่ยนชุดยังห้องแต่งตัว...
เมฆินทร์จะพามธุรดาไปเปลี่ยนชุดเพื่อลงมาขอบคุณแขกภายในงาน เขากึ่งจูงกึ่งลากเธอไปยังห้องแต่งตัว เพราะมธุรดาฝืนทำตัวเกร็งไว้ ไม่ยอมไปแต่โดยดี
“นายอยากจะไปก็ไปคนเดียวสิ ฉันไม่อยากไปปั้นหน้ายิ้ม ทั้งๆ ที่โดนมัดมือชกโดนบังคับ”
“น้องไหมจะไม่ยอมไปจริงๆ ใช่มั้ยคะ” เมฆินทร์ก้าวเข้าไปประชิดตัวมธุรดาแล้วอุ้มเธอขึ้นมาในอ้อมแขนทันที
“นายจะทำอะไรน่ะ!” เธอดิ้นพยายามจะลงจากอ้อมแขนของเขา
“อย่าดิ้น! เดี๋ยวตกลงไปก้นระบมนะคะ”
“นายจะพาฉันไปไหน”
“พี่ก็จะพาน้องไหมไปเปลี่ยนชุดไงคะ”
“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“น้องไหมจะไปเปลี่ยนชุดดีๆ ได้แล้วใช่มั้ยคะ หรือจะให้พี่เปลี่ยนให้” เมฆินทร์แกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ และก้มมองหน้าอกของมธุรดา
“ว่าไงคะ ถ้าน้องไหมไม่ยอมไปเปลี่ยนดีๆ พี่ก็จะอุ้มน้องไหมไปจูบโชว์แขกทั้งงานเดี๋ยวนี้” เขาทำทีท่าจะหมุนตัวกลับไปยังห้องจัดเลี้ยง
“อิตาศาลาวัดบ้า! ไปก็ไป หึ้ย! ปล่อยฉันลงได้แล้ว ฉันจะไปเปลี่ยนชุด!”
“เฮ้อ! หนักจัง อุตส่าห์อุ้มมาตั้งไกล พี่ขอรางวัลหน่อยนะคะ” ว่าแล้วเขาก็ก้มลงจุ๊บปากมธุรดาโดยเร็วก่อนจะวางเธอลง เธอจึงผลักอกเขาออกแรง ๆ เมฆินทร์แทบจะไม่ขยับ แต่กลับเป็นตัวเธอเองที่เซจะหายหลังเพราะชุดไทยที่สวมอยู่มีความแคบ เมฆินทร์จึงยื่นแขนมาคว้าเอวเธอไว้
“นี่เป็นรางวัลที่ช่วยไว้นะคะ” เขาขโมยหอมแก้มเธออีกหนึ่งฟอด มธุรดาหงุดหงิดที่ทำอะไรเมฆินทร์ไม่ได้ ยิ่งอยู่ใกล้เขาก็ยิ่งเปลืองตัว เธอจึงรีบเข้าไปเปลี่ยนชุด...
“แฟนไหมน่ารักอบอุ่นจังเลยนะคะพี่บอย” ณัชชาเอ่ยขึ้นขณะยืนรอเพื่อน วันนี้เธอชวนจิระมางานแต่งงานของมธุรดาด้วย
“อือ..” เขาดูเซ็งๆ ไม่ค่อยเต็มใจจะมากับเธอสักเท่าไหร่
“อ้าว! เอมี่..มองหาใครอยู่ คู่บ่าวสาวเหรอ” เธอหันไปเจอเอมมิกาดาราน้องใหม่ที่มาร่วมงานแต่งงานจึงเอ่ยทักขึ้น
“ค่ะ พี่นัช”
“ไหมกับเจ้าบ่าวไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวก็ลงมา”
“อ๋อ..ค่ะ งั้นเอมี่ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ” เอมมิกาเดินเลี่ยงไป
“พี่บอยหิวมั้ยคะ เดี๋ยวนัชไปหาอะไรมาให้”
“พี่ไม่หิว พี่ขอตัวไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย”
“ค่ะ..” ณัชชามองตามแฟนหนุ่มที่เดินออกไป ก่อนจะเดินไปทักทายผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงที่มาร่วมงาน
มธุรดาเปลี่ยนชุดเป็นชุดเดรสสั้นน่ารักๆ สบายๆ เธอก้าวออกมาจากห้องน้ำ เมฆินทร์ก็ยืนจ้องเธอตาไม่กะพริบ
“ภรรยาของพี่สวยที่สุดเลยค่ะ”
“ภรรยา! นายเรียกฉันเหมือนเดิมจะดีกว่า..” เธอรู้สึกแปลกๆ ไม่คุ้นเคยกับคำนี้ จะว่าเขินก็ด้วย
“ได้ค่ะ..น้องไหม..เมียสุดที่รัก”
“หึ!นายจะเรียกยังไงก็เรื่องของนายละกัน” ยิ่งห้ามก็ยิ่งไปกันใหญ่
เมฆินทร์เข้ามาโอบเอวประคองมธุรดาให้เดินไปพร้อมกับเขา
“ฉันเดินเองได้!”
“เดี๋ยวก็ซุ่มซ่ามสะดุดนั่นสะดุดนี่อีกนะคะ ให้พี่ประคองไปดีกว่า”
“” เขาจะทำอะไรก็ทำ เป็นทีของเขาแล้วหนิ เมฆินทร์พามธุรดาเข้าไปขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน เริ่มจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่หน่วยงานตำรวจ ต่อด้วยผู้ใหญ่ในวงการบันเทิง เขายิ้มกว้างแต่เธอยิ้มเจื่อนๆ เพราะเธอยังโกรธเขาอยู่ เขาพาเธอเดินไปทั่วห้องจัดเลี้ยง เพื่อนๆก็พากันแซวทั้งคู่
มธุรดากวาดสายตามองหาณัชชา แล้วขอตัวไปหาเพื่อน ขณะที่ณัชชายืนรอจิระ เขาออกไปนานแล้ว ก็ยังไม่กลับเข้ามาสักที จนเธอได้ยินแขกในงานซุบซิบนินทากัน..
“เมื่อกี้ฉันไปเข้าห้องน้ำ..ได้ยินเสียงแปลกๆ ในห้องน้ำ ยังกับมีใครแอบทำอะไรกันน่ะ”
“อุ๊ย! มีเรื่องแบบนี่ด้วยเหรอ”
“นั่นสิ! สงสัยจะทนไม่ไหว ระงับอารมณ์กันไม่ได้ บัดสีบัดเถลิงจริงๆ”
ณัชชาฟังแล้วก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ห้องน้ำสาธารณะ ใครมันจะกล้ามาทำอะไรแบบนั้น สงสัยพวกเธอคงจะหูฝาดหรือคิดไปเอง เธอคิดอย่างนั้นแล้วก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอีก..
“นัช..”
“ไหม..น่ารักจังเลยอ่ะแก” ณัชชาชมเพื่อน
“ขอบใจ..”
“แล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ทะเลาะกันมาอีกแล้วเหรอ”
“ก็เขาบังคับฉันอ่ะ ฉันไม่ชอบ”
“เอาน่ะ ยังไงก็แต่งกันแล้ว ดูท่าทางพี่เขาจะรักแกมากออก”
“รักก็ส่วนรัก รักแล้วทำแบบนี้ก็ได้เหรอ” เธอยังเคืองเขาอยู่
“แล้วพี่บอยล่ะ”
“เนี่ยฉันก็ยืนรอนานแล้ว ยังไม่กลับเข้ามา..” จนโทรศัพท์ณัชชามีเสียงเตือนข้อความเข้า เธอจึงหยิบมาเปิดดู..(พี่จะกลับแล้วนะ รออยู่ที่ประตูทางออก) เธอเก็บโทรศัพท์แล้วเงยหน้ามองเพื่อน
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ไหม..ฉันต้องขอตัวกลับก่อนนะแก ไม่โกรธกันนะ พี่บอยดูเซ็งๆอ่ะ ค่อยเจอกันที่กองนะ”
“อืม..ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ”
ณัชชาเข้าไปสวมกอดมธุรดา ก่อนจะรีบก้าวมายังประตูห้องจัดเลี้ยง เธอเห็นจิระยืนทำหน้าบึ้งตึง แล้วเขาก็ก้าวเดินออกไป..
“พี่บอย..รอนัชด้วยสิคะ” เธอจึงรีบก้าวตามเขาไป ก้าวออกจากห้องบอลรูมก็ชนเข้ากับใครบางคน..
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”
“ ไม่เป็นไร!..” เธอกำลังจะก้าวเท้าออกไป แต่กลับได้ยิน..
“ผู้หญิง!..วิ่งตามผู้ชาย!”
“อะไรนะ!” ณัชชาจะหันไปต่อว่าผู้ชายคนนั้น แต่เขาก้าวเข้าไปในงานเสียก่อน จิระก็เดินไปรอเธอที่หน้าลิฟท์แล้ว เธอจึงรีบก้าวกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังลิฟท์ทันที