เจ้าของฟาร์มรับพนักงานบัญชีเข้าทำงานได้ไม่กี่วัน ลูกชายก็กลับจากกรุงเทพฯ เมื่อเรียนจบ และทั้งคู่ถูกแนะนำให้รู้จัก
ด้วยวัยของหนุ่มสาว ต่างคนต่างไม่เคยมีใคร หัวใจสองดวง จึงสปาร์คเข้าด้วยกัน ความรักหนุ่มสาวเริ่มก่อตัวขึ้น ทุกคนภายในฟาร์มรู้ดี แม้กระทั้งคนเป็นพ่อ ที่ไม่เคยนึกห้ามเพราะเห็นว่าความรักของหนุ่มสาวเป็นเรื่องสวยงาม
แต่ความรักที่กำลังไปได้สวยก็ถูกแยกห่าง เมื่อชายหนุ่มต้องไปเรียนต่อเมืองนอก แต่ความรักนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่ระยะทาง ทั้งสองติดต่อโทร.กันอยู่บ่อยๆจนกระทั้ง เวลาเดินไปเรื่อยๆเหมือนความรักที่เคยสุงอม เริ่มเหี่ยวเฉาและสั่นคลอน โดยฝ่ายชายยังคงมั่นในรัก หากแต่ฝ่ายหญิง ความรู้สึกรักได้เปลี่ยนไปแล้ว
และความจริงที่ทำให้เขาเกือบเสียสติ เมื่อผู้หญิงที่เขาเคยคิดว่าหล่อนไร้เดียงสากลับอยากมีอยากได้ รักความสะดวกสบาย โดยเธอตัดสินใจเอามารยาหญิงมาใช้ ‘จับ’ เจ้าของฟาร์มม้าซึ่งเป็นพ่อหม้ายมาหลายปีนั้นเอง
การติดต่อขาดหายจากคนที่อยู่แดนไกล จนกระทั่งสามปีต่อมา การปรากฏตัวของเขาสร้างความดีใจให้คนเป็นพ่อ แต่ภายใจต่างคนต่างข่มขื่น กับสิ่งที่ใครบางคนได้กระทำเอาไว้ หากจะแก้ไขอะไรก็ไม่ได้ การมองหน้าไม่สนิทจึงมีตามมา
เขายอมรับเธอในฐานะแม่เลี้ยงก็แสนยากอยู่แล้ว แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นคือแม่เลี้ยงเขาไม่ได้หยุดที่สามีแก่แค่คนเดียว เขาจึงต้องออกจากบ้านไปเพื่อสงบจิตใจ ‘ค้นหาประสบการณ์ ระหว่างทางของชีวิต...’
และวันนี้ เมื่อเขาตัดสินใจกลับมาเพื่อทำหน้าที่ของลูกที่ดี แต่กลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด...
“รู้สิ...รู้ดีและรู้ว่าอะไรเป็นอะไร” กระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและปล่อยให้หายไปกับความรู้สึก
“ฉันรู้นะว่าคุณยังเสียดายฉันอยู่” เท้าเรียวก้าวไปใกล้ชายหนุ่มที่ยืนนิ่ง หล่อนเป็นคนมั่นใจในตัวเองแบบนี้เสมอ...
มือเรียวยกโอบเอวหนา พร้อมกับแนบใบหน้าขาวเนียนไปกับอกแกร่ง ส่วนมืออีกข้างลูบไล้ไปตามหน้าอกที่มีเสื้อเปียกชุ่มแนบสนิทอยู่ โดยสัมผัสได้ถึงขนอ่อนๆรำไร ลากไล้ไปเบาๆ
เรียวปากกระตุกยิ้มอย่างย่ามใจ “หากไม่กลัว...” หล่อนยอมทำได้ เพื่อให้อีกฝ่ายพอใจ
“มันจะมากไปแล้วนะ!...” ชายหนุ่มร้องเตือนเสียงเครียด เขาอยากจะบ้ากับความคิดเจ้าหล่อน!
“ไม่นิ” เธอเถียงหน้าตาย พร้อมขยับเบียดเสียดสียิ่งขึ้น โดยไม่สนใจคำกล่าวนั้น
อาการนิ่งเงียบหลังจากที่เอ่ยบอกประโยคสั้นๆ ทำให้รังรองยอมรับว่าสายตาคมเข้มที่มองมาไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกอย่างไรกับตัวเธอ แต่สำหรับเธอแล้วมันทำให้เลือดสาวในกายเริ่มกระตุ้นขึ้นอีกครั้ง
รังรองยอมรับว่าเธอยังต้องการชายหนุ่มตรงหน้าอยู่ตลอดเวลา แม้เวลาจะนานเท่าไหร่ หัวใจก็ยังอยู่กับเขา ผู้ชายเฉยชาที่ผิดกับเมื่อก่อนลิบลับ อีกทั้งรู้สึกเสียดายกับความคิดชั่ววูบเมื่อสามปีก่อน มันทำให้เธอพลาดและเสียโอกาสที่จะได้ครอบครองตัวของชายหนุ่มไป ยิ่งตอนนี้ชายหนุ่มมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน มันยิ่งทำให้ความหวังริบหรี่เต็มทีและคนอย่างรังรองมีหรือจะยอม เมื่อเขากลับมา เธอพร้อมเดินหน้ารื้อฟื้นความทรงจำในอดีตขึ้นมาใหม่ แม้แค่น้อยหรือชู้เธอก็ไม่หวั่น!
วิรุจยืนนิ่งสัมผัสอุ่นๆ ที่มือเรียวกระตุ้นให้เบาๆไม่ทำให้เขามีใจไขว่เขวไปได้ เพราะยังไงหล่อนก็ขึ้นชื่อว่าเมียของพ่อและเป็นแม่เลี้ยงเขา...
และจะเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่มีทางเป็นอื่น แค่คิดว่าหล่อนไปเล่นชู้กับคนงานในฟาร์ม เขาก็ขยะแขยงเต็มกลืน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องเก็บหล่อนไว้เพื่อความสบายใจของพ่อ
“รุจ...รังรองยังรักและต้องการคุณนะคะ” เสียงหวานสั่นพร่า เรียกอีกฝ่ายอย่างที่เคยเรียก
เขาอยากจะบ้ากับความคิดไร้สมอง แค่พาตัวมาเตือนก็เท่านั้น!
ความเงียบของอีกฝ่ายทำให้หล่อนได้ใจ มือเรียวเปลี่ยนเป็นโอบรอบคอแกร่งคลึงเล่นไปมาอย่างคนชำนาญ มือเรียวอีกข้างยังคงทำหน้าที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ซอกซอนนิ้วเรียวไปตามชายเสื้อก่อนจะหยุดลูบไล้เบาๆ ตรงหน้าท้องแกร่งแบนราบที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ
อึ้ง! ทันทีที่มือเรียวสัมผัสกับขนอ่อนๆ มันยิ่งทำให้สมองและความรู้สึกแตกกระจาย
“ผมจะกลับ ปล่อย!” เขาขืนตัว เมื่อรู้ลมหายใจที่เคยปกติเริ่มขาดห้วง สติตีกันกลับไปกลับมา ไม่คิดว่าแม่เลี้ยงของเขาจะกล้า
จังหวะที่ชายหนุ่มยืนอึ้งนิ่ง เพื่อประมวลสิ่งรอบข้างอย่างไม่ทันตั้งตัว แม่เลี้ยงสาวกลับเข้าใจว่าชายหนุ่มคงจะเริ่มโอนอ่อนไปกับตนเอง ใบหน้าหวานที่ยังคงเปียกชื้นยื่นไปใกล้หายใจรดต้นคอและสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นร้อนของอีกคนที่ราดรดลงมา
ความปรารถนา ไม่อาจทำให้หญิงสาวร้อนรักอย่างหล่อนควบคุมความรู้สึกได้ เนินเนื้อนุ่มที่ยังคงตึงแน่นแนบสนิททาบไปกับร่างแกร่ง ดวงตาหวานเยิ้มจดจ้องริมฝีปากหนาได้รูป ความวาบหวิวอย่างต้องการสัมผัสเต็มที่
เพียงแค่หล่อนวาดฝันว่าได้สัมผัสน้อยนิดมันก็ทำให้หัวใจหล่อนพองโตได้แล้วสำหรับผู้ชายคนนี้...
แต่เหมือนความฝันเป็นอันมลายหายไป เมื่อชายหนุ่มออกแรงผลักอย่างไม่เบาแรงนัก ร่างบางที่ไม่ทันตั้งตัวกระเด็นไปไกล
“ว้ายย!!”
กิริยาที่เปลี่ยนไปอย่างไม่ทันตั้งตัวทำเอาอีกฝ่ายกรีดร้องออกมาอย่างตกใจเพราะคิดไม่ถึง หากพอตั้งหลักได้ แววตาตัดพ้อและไม่พอใจแสดงออกมา
“ทำไมทำแบบนี้ละรุจ” เสียงแหลมเล็กร้องถามขณะยันกายลุกขึ้น หากไม่ติดขอบโซฟามีหวังหล่อนได้ก้นกระแทกจ้ำเบ้าลงบนพื้นเป็นแน่
หากอีกคนกลับไม่ตอบอะไร แต่ใบหน้ากลับแต้มไปด้วยความสะใจมองคนที่กระเด็นออกไปจากตัวอย่างเย้ยหยันและเอ่ยกร้าว “ผมว่าผมทำดีที่สุดแล้วสำหรับคนอย่างคุณ...รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ผมไม่ต้องการให้คุณพ่อต้องมาเห็นสิ่งอันน่าอับอายที่เมียของท่านได้ทำตัวเยี่ยงสัตว์แบบนี้”
“กรี๊ดดด!! วิรุจ มันจะมากไปแล้วนะ” เสียงแหลมแผดดังจนก้อง วิรุจต้องยกมือปิดหูตัวเองเอาไว้อย่างอึดอัดกับอาการรับไม่ได้ของหล่อน หากแต่ก็รู้สึกเบาใจที่ได้เสียงสายฝนด้านนอกช่วยกลบเกลื่อนเสียงกรีดร้องนั้นไม่ให้ดังออกไป
“หรือมันไม่จริง ทุกอย่างที่เธอทำมันก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์เดรัจฉาน อย่าให้ฉันต้องสาธยายว่ามันเป็นแบบไหนและทำกันยังไง” เสียงเหี้ยมเอ่ยสีหน้าจริงจัง